พบผลลัพธ์ทั้งหมด 159 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตและความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511มาตรา 7,27 ฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต สาระสำคัญอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย จำเลยจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อใดก็เป็นความผิดสำเร็จ และถ้า การจัดหางานนั้นได้กระทำโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตาม ป.อ. มาตรา 343 ด้วย ย่อมถือว่าเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะจำเลยมีเจตนาที่แยกต่างหากจากความผิดฐานแรกดังนั้นแม้จำเลยจะได้กระทำดังกล่าวในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตและฉ้อโกงประชาชนเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2511มาตรา 7,27 ฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต สาระสำคัญอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย จำเลยจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อใดก็เป็นความผิดสำเร็จ และถ้าการจัดหางานนั้นได้กระทำโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343ด้วย ย่อมถือว่าเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะจำเลยมีเจตนาที่แยกต่างหากจากความผิดฐานแรก ดังนั้นแม้จำเลยจะได้กระทำดังกล่าวในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดซ้อน: จัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีคำพิพากษาในคดีก่อน ศาลยังฟ้องซ้ำได้หากคดีแรกเป็นฟ้องซ้อน
จำเลยถูกฟ้องข้อหาจัดหางานโดยเรียกและรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 สองคดี เมื่อระยะเวลาเกิดเหตุในอีกคดีหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระยะเวลาเกิดเหตุในคดีนี้ ทั้งไม่มีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาเกิดเหตุตามฟ้องทั้งสองคดี แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แม้อีกคดีหนึ่งศาลชั้นต้นจะพิพากษาก่อนคดีนี้ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเป็นฟ้องซ้อนกับคดีนี้แสียแล้ว การกระทำความผิดในข้อหานี้จึงถือไม่ได้ว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียวฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีการฟ้องก่อนและยกฟ้องซ้อน ศาลยังฟ้องซ้ำได้
จำเลยถูกฟ้องข้อหาจัดหางานโดยเรียกและรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 สองคดี เมื่อระยะเวลาเกิดเหตุในอีกคดีหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระยะเวลาเกิดเหตุในคดีนี้ ทั้งไม่มีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาเกิดเหตุตามฟ้องทั้งสองคดี แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แม้อีกคดีหนึ่งศาลชั้นต้นจะพิพากษาก่อนคดีนี้ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเป็นฟ้องซ้อนกับคดีนี้แสียแล้ว การกระทำความผิดในข้อหานี้จึงถือไม่ได้ว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาเรื่องฟ้องซ้อนความผิดจัดหางาน-ฉ้อโกง, ข้อจำกัดการฎีกาในคดีจำคุกไม่เกิน 5 ปี
ฎีกาว่าข้อนำสืบของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชักชวนผู้เสียหายหรือโฆษณาต่อประชาชนให้ไปทำงานในประเทศตะวันออกกลาง และไม่นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ไม่ตั้งใจส่งผู้เสียหายไปทำงานยังต่างประเทศเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฉ้อโกงมาแต่ต้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดทางอาญาแต่เป็นความรับผิดทางแพ่ง เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
แม้ว่าวันเกิดเหตุของคดีความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้จะคาบเกี่ยวกันกับคดีแรก แต่ผู้เสียหายเป็นคนละชุดกัน ถูกหลอกลวงต่างวันหรือต่างเวลากัน เงินที่ถูกหลอกลวงก็เป็นคนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำซ้อนกับคดีแรก
ปัญหาที่ว่ามีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมหรือไม่ต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้นได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนหรือแต่ละช่วงเวลาตามแต่จะกำหนดเป็นสำคัญ เมื่อได้ความว่าจำเลยทั้งสามได้ออกอุบายตั้งสำนักงานจัดหางานให้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งการกระทำผิดในคดีนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาคาบเกี่ยวต่อเนื่องกับคดีแรกโดยไม่ปรากฏว่ามีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกมีเจตนาดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกันการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีในความผิดฐานนี้จึงเป็นกรรมเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานจัดหางาน ฯ จึงซ้อนกับคดีแรก ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ฎีกาที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนนั้นเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
เมื่อฟ้องโจทก์บางฐานความผิดเป็นฟ้องซ้อน ถือได้ว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาให้มิต้องรับโทษในฐานความผิดที่เป็นฟ้องซ้อนด้วย.
แม้ว่าวันเกิดเหตุของคดีความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้จะคาบเกี่ยวกันกับคดีแรก แต่ผู้เสียหายเป็นคนละชุดกัน ถูกหลอกลวงต่างวันหรือต่างเวลากัน เงินที่ถูกหลอกลวงก็เป็นคนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำซ้อนกับคดีแรก
ปัญหาที่ว่ามีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมหรือไม่ต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้นได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนหรือแต่ละช่วงเวลาตามแต่จะกำหนดเป็นสำคัญ เมื่อได้ความว่าจำเลยทั้งสามได้ออกอุบายตั้งสำนักงานจัดหางานให้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งการกระทำผิดในคดีนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาคาบเกี่ยวต่อเนื่องกับคดีแรกโดยไม่ปรากฏว่ามีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกมีเจตนาดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกันการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีในความผิดฐานนี้จึงเป็นกรรมเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานจัดหางาน ฯ จึงซ้อนกับคดีแรก ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ฎีกาที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนนั้นเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
เมื่อฟ้องโจทก์บางฐานความผิดเป็นฟ้องซ้อน ถือได้ว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาให้มิต้องรับโทษในฐานความผิดที่เป็นฟ้องซ้อนด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน-กรรมเดียว: จัดหางาน, ฉ้อโกง, ข้อจำกัดการฎีกา, อำนาจศาล
ฎีกาว่าข้อนำสืบของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชักชวนผู้เสียหายหรือโฆษณาต่อประชาชนให้ไปทำงานในประเทศตะวันออกกลาง และไม่นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ไม่ตั้งใจส่งผู้เสียหายไปทำงานยังต่างประเทศเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฉ้อโกงมาแต่ต้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดทางอาญาแต่เป็นความรับผิดทางแพ่ง เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
แม้ว่าวันเกิดเหตุของคดีความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้จะคาบเกี่ยวกันกับคดีแรก แต่ผู้เสียหายเป็นคนละชุดกัน ถูกหลอกลวงต่างวันหรือต่างเวลากัน เงินที่ถูกหลอกลวงก็เป็นคนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำซ้อนกับคดีแรก
ปัญหาที่ว่ามีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมหรือไม่ต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้นได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนหรือแต่ละช่วงเวลาตามแต่จะกำหนดเป็นสำคัญ เมื่อได้ความว่าจำเลยทั้งสามได้ออกอุบายตั้งสำนักงานจัดหางานให้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งการกระทำผิดในคดีนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาคาบเกี่ยวต่อเนื่องกับคดีแรกโดยไม่ปรากฏว่ามีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกมีเจตนาดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกันการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีในความผิดฐานนี้จึงเป็นกรรมเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานจัดหางาน ฯ จึงซ้อนกับคดีแรก ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ฎีกาที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนนั้นเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
เมื่อฟ้องโจทก์บางฐานความผิดเป็นฟ้องซ้อน ถือได้ว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาให้มิต้องรับโทษในฐานความผิดที่เป็นฟ้องซ้อนด้วย.
แม้ว่าวันเกิดเหตุของคดีความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้จะคาบเกี่ยวกันกับคดีแรก แต่ผู้เสียหายเป็นคนละชุดกัน ถูกหลอกลวงต่างวันหรือต่างเวลากัน เงินที่ถูกหลอกลวงก็เป็นคนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำซ้อนกับคดีแรก
ปัญหาที่ว่ามีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมหรือไม่ต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้นได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนหรือแต่ละช่วงเวลาตามแต่จะกำหนดเป็นสำคัญ เมื่อได้ความว่าจำเลยทั้งสามได้ออกอุบายตั้งสำนักงานจัดหางานให้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งการกระทำผิดในคดีนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาคาบเกี่ยวต่อเนื่องกับคดีแรกโดยไม่ปรากฏว่ามีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกมีเจตนาดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกันการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีในความผิดฐานนี้จึงเป็นกรรมเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานจัดหางาน ฯ จึงซ้อนกับคดีแรก ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ฎีกาที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนนั้นเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
เมื่อฟ้องโจทก์บางฐานความผิดเป็นฟ้องซ้อน ถือได้ว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาให้มิต้องรับโทษในฐานความผิดที่เป็นฟ้องซ้อนด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำเลยมีฐานะเป็นนายหน้า ไม่ใช่ผู้จัดหางานโดยตรง
การกระทำของผู้จัดหางานที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7 ผู้จัดหางานจะต้องเรียกหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน เมื่อจำเลยไม่เคยเรียกร้องหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน แต่บริษัท ก. ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานเป็นผู้เรียกหรือรับค่าบริการเอง และจำเลยไม่ได้อยู่ในฐานะผู้จัดหางานตามความหมายของมาตรา 4 เพราะจำเลยไม่ได้ประกอบธุรกิจหางานให้แก่คนงานหรือหาลูกจ้างให้แก่นายจ้างจำเลยเป็นเพียงนายหน้าผู้หวังจะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัท ก. ในการหาผู้เสียหายไปสมัครงานเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้จัดหางานหรือร่วมจัดหางานโดยไม่รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำเลยไม่ใช่ผู้จัดหางานแต่เป็นนายหน้าที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน
การกระทำของผู้จัดหางานที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 7 แห่งพ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 นั้น ผู้จัดหางานจะต้องเรียกหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน ฉะนั้นเมื่อมีบริษัทก. เป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าบริการเองและจำเลยไม่อยู่ในฐานะผู้จัดหางาน แต่อยู่ในฐานะเป็นเพียงนายหน้าผู้หวังที่จะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัทดังกล่าว และจำเลยยังไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ เลย เช่นนี้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้จัดหางานหรือร่วมจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำเลยไม่ผิดฐานเรียกเก็บค่าบริการโดยตรงจากผู้สมัครงาน
การกระทำของผู้จัดหางานที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7 ผู้จัดหางานจะต้องเรียกหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน เมื่อจำเลยไม่เคยเรียกร้องหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงานแต่บริษัท ก.ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานเป็นผู้เรียกหรือรับค่าบริการเอง และจำเลยไม่ได้อยู่ในฐานะผู้จัดหางานตามความหมายของมาตรา 4 เพราะจำเลยไม่ได้ประกอบธุรกิจหางานให้แก่คนงานหรือหาลูกจ้างให้แก่นายจ้างจำเลยเป็นเพียงนายหน้าผู้หวังจะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัท ก. ในการหาผู้เสียหายไปสมัครงานเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้จัดหางานหรือร่วมจัดหางานโดยไม่รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: พิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำเป็นสำคัญ มิใช่จำนวนผู้เสียหาย
การได้รับอนุญาตให้จัดหางานนั้น เมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็สามารถดำเนินการในการจัดหางานได้ตามเวลาที่กำหนด มิใช่ว่าเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจะจัดหางานให้บุคคลเพียงคนเดียวหรือครั้งเดียวเท่านั้น การพิจารณาว่าจะมีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมต่างกันหรือไม่นั้น จึงต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้น ได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนเป็นสำคัญ จำเลยจัดหางานให้ผู้เสียหายหลายคนในเวลาที่ต่างกัน แต่ก็เป็นเวลาที่ต่อเนื่องติดต่อเป็นคราวเดียวกัน มีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องที่ขอให้ลงโทษหลายกรรมก็เป็นเรื่องรับข้อเท็จจริงว่าได้เกิดมีหรือเป็นขึ้นตามฟ้องเท่านั้น หาใช่ว่าเมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วจะต้องมีความผิดตามฟ้องเสมอไปไม่ การที่จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ และเป็นความผิดกรรมเดียวกันหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของศาลที่จะปรับข้อเท็จจริงว่าจะเป็นความผิดกฎหมายใด อย่างไร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 มิใช่จะต้องลงโทษตามที่โจทก์ขอมาเสมอไป