พบผลลัพธ์ทั้งหมด 212 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดหย่อนโทษทางอาญาในกรณีผู้กระทำผิดมีภาวะวิกลจริต และดุลพินิจศาลในการนับโทษต่อ
เมื่อตามพฤติการณ์ได้ความว่าจำเลยแทงผู้ตายขณะวิกลจริตแต่ยังมีสติพอจะรู้สึกผิดชอบหรือยับยั้งได้ จำเลยย่อมได้รับการลดหย่อนอาญาให้เบาลงได้ตาม มาตรา 47
การที่จะนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่งหรือไม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจได้ตาม มาตรา 32 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงในข้อดุลพินิจ
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล หากมีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นคนวิกลจริต ศาลย่อมสั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจแล้วมาให้การได้
การที่จะนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่งหรือไม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจได้ตาม มาตรา 32 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงในข้อดุลพินิจ
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล หากมีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นคนวิกลจริต ศาลย่อมสั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจแล้วมาให้การได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโทษคดีอาญาต่อเนื่อง: หลักการนับโทษและการยกเว้น
การที่จำเลยได้ทำผิดจนต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ 2 คดีนั้น จำเลยจะต้องรับโทษทั้ง 2 คดีติดต่อกัน เว้นแต่จะมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งให้นับโทษเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโทษคดีอาญาต่อเนื่อง - หลักการนับโทษ
การที่จำเลยได้ทำผิดจนต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ 2 คดีนั้น จำเลยจะต้องรับโทษทั้ง 2 คดีติดต่อกัน เว้นแต่จะมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งให้นับโทษเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการนับโทษจำเลย: ดุลยพินิจตามมาตรา 32 อาญา
แม้โจทก์จะร้องขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีก่อน ศาลก็ใช้ดุลยพินิจให้นับโทษจำเลยตั้งแต่วันต้องขังในคดีหลังโดยไม่นับโทษต่อจากคดีก่อนตามโจทก์ขอได้ทั้งนี้เพราะ ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 32 ได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลพินิจศาลในการนับโทษจำเลย: นับโทษจากวันต้องขังในคดีหลังได้
แม้โจทก์จะร้องขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีก่อนศาลก็ใช้ดุลพินิจให้นับโทษจำเลยตั้งแต่วันต้องขังในคดีหลังโดยไม่นับโทษต่อจากคดีก่อนตามโจทก์ขอได้ ทั้งนี้เพราะกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 ได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรโชกทางวาจา และดุลยพินิจการนับโทษต่อ
ความผิดฐานกรรโชกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 303 นั้น แสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาล ดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303 แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลยพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ก็จะฎีกาขอ ให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
จำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาล ดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303 แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลยพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ก็จะฎีกาขอ ให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรโชกทางวาจาและการใช้ดุลพินิจนับโทษ
ความผิดฐานกรรโชกตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 303 นั้นแสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาลดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ก็จะฎีกาขอให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
จำเลยพูดขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาลดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ก็จะฎีกาขอให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อจำเลยปฏิเสธ และขาดหลักฐานยืนยันตัวบุคคลเป็นคนเดียวกัน
คดีที่ขอให้นับโทษจำเลยติดต่อกับโทษในคดีที่ศาลได้พิพากษาไปแล้ว หากคดีหลังจำเลยให้การปฏิเสธและโจทก์มิได้นำสืบว่า จำเลยในคดีหลังเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีก่อน แม้สำนวนคดีก่อนโจทก์ก็มิได้อ้างไว้ในระบุพะยาน ดังนี้ ถือว่าไม่มีหลักฐานจะฟังว่าจำเลยได้ต้องโทษในคดีก่อน จะนับโทษจำเลยต่อกับโทษในคดีก่อนไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีก่อน ต้องมีหลักฐานพิสูจน์ตัวบุคคลว่าจำเลยในคดีก่อนและคดีหลังเป็นคนเดียวกัน
คดีที่ขอให้นับโทษจำเลยติดต่อกับโทษในคดีที่ศาลได้พิพากษาไปแล้ว หากคดีหลังจำเลยให้การปฏิเสธและโจทก์มิได้นำสืบว่า จำเลยในคดีหลังเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีก่อน แม้สำนวนคดีก่อนโจทก์ก็มิได้อ้างไว้ในระบุพยานดังนี้ถือว่าไม่มีหลักฐานจะฟังว่าจำเลยได้ต้องโทษในคดีก่อน จะนับโทษจำเลยต่อกับโทษในคดีก่อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1589/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้นับโทษจากคดีอื่น มิใช่ข้อฎีกาคัดค้านคำพิพากษา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่น ซึ่งหาใช่เป็นข้อฎีกาคัดค้านคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลเดิมหรือศาลอุทธรณ์ไม่ แต่เป็นคำขอขึ้นใหม่ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้