พบผลลัพธ์ทั้งหมด 378 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความรุนแรงต่อบุตร ไม่ถือเป็นการทารุณโหดร้าย หากมีเจตนาให้ถึงแก่ความตายโดยเร็ว
จำเลยเอายาพิษให้ผู้ตาย 4 คนซึ่งเป็นบุตรของจำเลยกินแล้วยังใช้ไม้ตีและเอาเชือกรัดคอผู้ตาย ก็ด้วยเจตนาจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเร็ว ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมาน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3560/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบำนาญพิเศษของบุตรที่ได้รับการรับรองโดยคำพิพากษาศาลภายหลัง พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2526
พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526 โดยทั่วไปมิได้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง แต่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2526 อันเป็นวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงมีผลย้อนหลังเฉพาะกรณีตามมาตรา 9 ในเรื่องการให้รวมเงินพิเศษรายเดือนสำหรับการปราบปรามผู้กระทำความผิดเข้ากับเงินเดือนเดือนสุดท้ายเพื่อการคำนวณบำเหน็จบำนาญเท่านั้น
ตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526 บุตรซึ่งมีคำพิพากษาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับย่อมมีสิทธิเรียกร้องและฟ้องเรียกบำนาญพิเศษในฐานะทายาทผู้มีสิทธิเมื่อพระราชบัญญัตินี้ให้บังคับแล้ว
ขณะโจทก์เรียกร้องบำนาญพิเศษจากจำเลยและขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526 ใช้บังคับและโจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษ.
ตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526 บุตรซึ่งมีคำพิพากษาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับย่อมมีสิทธิเรียกร้องและฟ้องเรียกบำนาญพิเศษในฐานะทายาทผู้มีสิทธิเมื่อพระราชบัญญัตินี้ให้บังคับแล้ว
ขณะโจทก์เรียกร้องบำนาญพิเศษจากจำเลยและขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526 ใช้บังคับและโจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3560/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลบังคับใช้ของ พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2526 และสิทธิบำนาญพิเศษของบุตรที่ศาลมีคำพิพากษา
เงินเพิ่มพิเศษมีผลใช้บังคับในการรวมเป็นเงินเดือนสุดท้ายตามพ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2526 มาตรา 9มีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันประกาศใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้บำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษพ.ศ. 2521 มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวต้องตีความว่า บุตรซึ่งได้มีคำพิพากษาของศาลว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก่อนวันที่พ.ร.บ. ฉบับนี้ใช้บังคับย่อมมีสิทธิเรียกร้องและฟ้องเรียกบำนาญพิเศษในฐานะทายาทผู้มีสิทธิเมื่อ พ.ร.บ. ฉบับนี้ใช้บังคับแล้วกรณีเช่นนี้หาใช่เป็นกรณีที่กฎหมายมีผลใช้บังคับย้อนหลังไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3560/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบำนาญพิเศษของบุตรที่ศาลรับรองโดยคำพิพากษา แม้ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้
พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526 โดยทั่วไปมิได้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง แต่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2526 อันเป็นวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงมีผลย้อนหลังเฉพาะกรณีตามมาตรา 9 ในเรื่องการให้รวมเงินพิเศษรายเดือนสำหรับการปราบปรามผู้กระทำความผิดเข้ากับเงินเดือนเดือนสุดท้ายเพื่อการคำนวณบำเหน็จบำนาญเท่านั้น
ตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(ฉบับที่14) พ.ศ2526 บุตรซึ่งมีคำพิพากษาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับย่อมมีสิทธิเรียกร้องและฟ้องเรียกบำนาญพิเศษในฐานะทายาทผู้มีสิทธิเมื่อพระราชบัญญัตินี้ให้บังคับแล้ว
ขณะโจทก์เรียกร้องบำนาญพิเศษจากจำเลยและขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526ใช้บังคับและโจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษ.
ตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(ฉบับที่14) พ.ศ2526 บุตรซึ่งมีคำพิพากษาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับย่อมมีสิทธิเรียกร้องและฟ้องเรียกบำนาญพิเศษในฐานะทายาทผู้มีสิทธิเมื่อพระราชบัญญัตินี้ให้บังคับแล้ว
ขณะโจทก์เรียกร้องบำนาญพิเศษจากจำเลยและขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่14) พ.ศ.2526ใช้บังคับและโจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3950/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร: แม้ยินยอมให้อุปการะเลี้ยงดู มารดายังมีสิทธิเรียกบุตรคืน
บุตรโจทก์เกิดกับท. สามีซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสท.ตายแล้วแม้โจทก์ได้ตกลงยินยอมให้บุตรอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยแต่อำนาจปกครองก็ยังคงอยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดาเมื่อโจทก์ประสงค์จะอุปการะเลี้ยงดูบุตรเองย่อมมีอำนาจกระทำได้เพราะโจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตรกรณีไม่จำต้องพิจารณาว่าได้มีการผิดข้อตกลงกันหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร: เหตุสุดวิสัยและความสามารถในการคาดการณ์
การที่เด็กชาย ส. อายุ 10 ปี ใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชาย ธ.อายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดาของเด็กชาย ส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่า เด็กชาย ส. จะกระทำเช่นนั้น เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัยที่บิดามารดาของเด็กชาย ส.จะใช้ความระมัดระวังได้ บิดามารดาของเด็กชาย ส. จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของเด็กชาย ส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร การกระทำโดยบังเอิญและเหลือวิสัย
การที่เด็กชาย ส.อายุ10ปีใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชายธ.อายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดา ของเด็กชาย ส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่า เด็กชาย ส. จะกระทำเช่นนั้น เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัย ที่บิดามารดาของเด็กชายส.จะใช้ความระมัดระวังได้ บิดามารดาของเด็กชายส.จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของ เด็กชายส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร กรณีเหตุสุดวิสัย
การที่เด็กชายส.อายุ10ปีใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชายธ.อายุ9ปีได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดาของเด็กชายส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่าเด็กชายส.จะกระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัยที่บิดามารดาของเด็กชายส.จะใช้ความระมัดระวังได้บิดามารดาของเด็กชายส.จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของเด็กชายส..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3749/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติไทยของบุตรที่เกิดจากบิดามารดาจดทะเบียนสมรส แม้บิดาเป็นคนไทยและมารดาเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
การที่จำเลยจำหน่ายชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนบ้านและมีหนังสือแจ้งไปยังนายทะเบียนคนญวนอพยพ โดยอ้างว่าโจทก์ทั้งเจ็ดถูกถอนสัญชาติไทยเป็นเหตุให้นายทะเบียนคนญวนอพยพแจ้งให้โจทก์ไปทำทะเบียนประวัติคนญวนอพยพเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
บ.บิดาโจทก์เป็นคนมีสัญชาติไทย จดทะเบียนสมรสในประเทศไทยกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและเกิดบุตรคือโจทก์ในราชอาณาจักรไทย ดังนี้โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2408 มาตรา 7 (1) (3) และมิใช่กรณีที่โจทก์เกิดจากมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมิใช่บุคคลที่จะต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 (3)
บ.บิดาโจทก์เป็นคนมีสัญชาติไทย จดทะเบียนสมรสในประเทศไทยกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและเกิดบุตรคือโจทก์ในราชอาณาจักรไทย ดังนี้โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2408 มาตรา 7 (1) (3) และมิใช่กรณีที่โจทก์เกิดจากมารดาซึ่งเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมิใช่บุคคลที่จะต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสันนิษฐานความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรส และสิทธิในการปกครองบุตร
บทบัญญัติมาตรา1536ซึ่งบัญญัติว่าเด็กเกิดแต่หญิงขณะเป็นภริยาชายหรือภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีหมายถึงเด็กที่เกิดจากหญิงขณะที่เป็นภริยาชายโดยชายหญิงได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วจึงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเด็กนั้นเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีในกรณีที่เด็กเกิดภายในสามร้อยสิบวันนับแต่การสมรสของชายหญิงที่จดทะเบียนสมรสได้สิ้นสุดลงตามกฎหมาย.