พบผลลัพธ์ทั้งหมด 156 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารลักษณะตั๋วแลกเงินที่ผิดแบบและใบรับ: การเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
เอกสารที่ประกอบด้วยลักษณะของใบรับอันต้องปิออากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรกับมีลักษณะและการใช้ทำนองเดียวกับตั๋วแลกเงินรวมอยู่ด้วย
ตั๋วแลกเงินอันจะต้องเสียอากรตามบัญชี อากรแสดมป์ข้อ 9 คือ ตั๋วแลกเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อทำผิดแบบไม่อาจถือว่าเป็นตั๋วแลกเงินอันจะต้องเสียอากรตามอัตราดังกล่าวได้
เอกสารที่มีลักษณะของใบรับ กับมีลักษณะและการใช้ทำนองเดียวกับตั๋วแลกเงินด้วย ถ้าทำขึ้นเมื่อใช้บังคับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 แล้ว ก็เข้าลักษณะต้องเสียอากรอย่างตั๋วแลกเงินและต้องถือว่าไม่อยู่ในลักษณะเป็นใบรับที่ต้องเสียอากรอีกด้วย
การลดหย่อนเงินเพิ่มอากรตามกฎกระทรวงฉบับที่ 80 นั้น เป็นดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ จะขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจเปลี่ยนแปลงหาได้ไม่
ตั๋วแลกเงินอันจะต้องเสียอากรตามบัญชี อากรแสดมป์ข้อ 9 คือ ตั๋วแลกเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อทำผิดแบบไม่อาจถือว่าเป็นตั๋วแลกเงินอันจะต้องเสียอากรตามอัตราดังกล่าวได้
เอกสารที่มีลักษณะของใบรับ กับมีลักษณะและการใช้ทำนองเดียวกับตั๋วแลกเงินด้วย ถ้าทำขึ้นเมื่อใช้บังคับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 แล้ว ก็เข้าลักษณะต้องเสียอากรอย่างตั๋วแลกเงินและต้องถือว่าไม่อยู่ในลักษณะเป็นใบรับที่ต้องเสียอากรอีกด้วย
การลดหย่อนเงินเพิ่มอากรตามกฎกระทรวงฉบับที่ 80 นั้น เป็นดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ จะขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจเปลี่ยนแปลงหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบันทึกรับเงินค่าบริการตามประมวลรัษฎากร: ต้องบันทึกทุกครั้ง แม้เงินมัดจำจะต่ำกว่า 10 บาท
ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 105 ตรี ซึ่งแก้ไขไปโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 มาตรา 44 บัญญัติให้ผู้รับเงินหรือรับชำระราคาครั้งหนึ่งๆ ไม่เกิน 10 บาท ทำบันทึกตามแบบที่อธิบดีกำหนดรวมเงินเป็นวันๆ คือ ถือตามจำนวนเงินที่รับจริงเป็นคราวๆ ไป
จำเลยรับจ้างถ่ายรูป แต่ละครั้งได้ตกลงราคาเกินกว่า 10 บาทแต่เมื่อรับเงินมัดจำไม่ถึง 10 บาทดังนี้จำเลยก็ต้องทำบันทึกกรอกรายการรับเงินทุกครั้งมิใช่รอไว้รวมรับเงินจนครบราคาค่าจ้างถ่ายรูปแล้วจึงออกใบรับปิดอากรแสตมป์ภายหลัง
จำเลยรับจ้างถ่ายรูป แต่ละครั้งได้ตกลงราคาเกินกว่า 10 บาทแต่เมื่อรับเงินมัดจำไม่ถึง 10 บาทดังนี้จำเลยก็ต้องทำบันทึกกรอกรายการรับเงินทุกครั้งมิใช่รอไว้รวมรับเงินจนครบราคาค่าจ้างถ่ายรูปแล้วจึงออกใบรับปิดอากรแสตมป์ภายหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงฆ่าสัตว์และที่วางสินค้าชั่วคราวไม่ใช่สถานการค้าตามประมวลรัษฎากร
โรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลและที่ตั้งวางลังไม้ซึ่งไม่ใช่แผงลอยจำหน่ายเนื้อ สุกรข้างถนน ไม่เป็น สถานการค้า อันจะพึงประเมินเรียกเก็บภาษีการค้า เพราะความจริงเป็นเรื่องลูกค้ามารับสุกรของจำเลยที่โรงฆ่าสัตว์ ที่จำเลยเอาเนื้อสุกรมาวางไว้บนลังก็เป็นแต่เอามาพักรอไว้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงฆ่าสัตว์และที่วางสินค้าชั่วคราวไม่ใช่สถานการค้าตามประมวลรัษฎากร เนื่องจากเป็นเพียงสถานที่พักรอการรับสินค้า
โรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลและที่ตั้งวางลังไม้ซึ่งไม่ใช่แผงลอยจำหน่ายเนื้อสุกรข้างถนน ไม่เป็น 'สถานการค้า'อันจะพึงประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าเพราะความจริงเป็นเรื่องลูกค้ามารับสุกรของจำเลยที่โรงฆ่าสัตว์ ที่จำเลยเอาเนื้อสุกรมาวางไว้บนลังก็เป็นแต่เอามาพักรอไว้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซินเธติคสโตนไม่ใช่เพชรพลอยตามประมวลรัษฎากร จึงไม่ต้องเสียภาษีซื้อโภคภัณฑ์
ซินเธติคสโตนตามภาษาตลาดเรียกว่าพลอยเทียมหรือหินอัดเป็นวัตถุผสมโดยทางวิทยาศาสตร์แล้วหลอมเป็นก้อนบ้าง เป็นแท่งบ้าง ไม่มีเงา ไม่มีแสงเหมือนเพชรพลอย จะต้องนำไปเจียรไนตบแต่งเสียก่อน จึงจะมีลักษณะเหมือนพลอยและใช้ทำเครื่องประดับกาย หรือทำของอย่างอื่นได้ เช่น ใช้ด่างทับทิบรองรับตัวจักรนาฬิกาข้อมือเป็นต้น จึงไม่ใช่เพชรพลอยตามความในบัญชีอัตราการซื้อโภคภัณฑ์ในประเภทที่ 1 ข. ท้ายลักษณะ 4 แห่งประมวลรัษฎากรฉบับก่อนเมื่อยังมิได้แก้ไขโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พ.ศ.2501 มาตรา 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลและการวางขายเนื้อสุกร ไม่ถือเป็นสถานการค้าตามประมวลรัษฎากร
โรงฆ่าสัตว์ของเทศบาล ซึ่งผู้ได้รับอนุญาตให้ฆ่าสุกรจำหน่ายต้องนำสุกรไปฆ่าตาม พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว และสถานที่ซึ่งผู้นำสุกรไปฆ่า นำเอาเนื้อสุกรไปวางนอกโรงฆ่าสัตว์นั้น ไม่ใช่สถานการค้าของผู้นำสุกรไปฆ่าตามที่กฎหมายบังคับที่จะต้องประเมินเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 78,79
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดอากรแสตมป์ใบมอบอำนาจก่อน พ.ร.บ.แก้ไขประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องความที่ไม่ได้ทำในรูปสัญญา ซึ่งทำก่อนวันประกาศใช้ประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 นั้นต้องปิดอากรแสตมป์ 5 บาท ตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481 มาตรา 104
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้ก่อนแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) ต้องวินิจฉัยตามกฎหมายเดิม
การประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้ตาม มาตรา61ในกรณีที่เกิดขึ้นก่อนมี พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10)พ.ศ.2496 ใช้บังคับ ต้องวินิจฉัยคดีตาม มาตรา 61 ก่อนที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10)
โจทก์เข้าหุ้นส่วนกับผู้อื่นทำการขนส่งชักลากไม้กับบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าโดยโจทก์เป็นผู้ทำสัญญากับบริษัทเมื่อสิ้นปีโจทก์และผู้ถือหุ้นแต่ละคนได้เสียภาษีเงินได้ของแต่ละคนแล้วดังนี้ เจ้าพนักงานสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีเงินได้จากโจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ กับบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าอีกหาได้ไม่
โจทก์เข้าหุ้นส่วนกับผู้อื่นทำการขนส่งชักลากไม้กับบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าโดยโจทก์เป็นผู้ทำสัญญากับบริษัทเมื่อสิ้นปีโจทก์และผู้ถือหุ้นแต่ละคนได้เสียภาษีเงินได้ของแต่ละคนแล้วดังนี้ เจ้าพนักงานสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีเงินได้จากโจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ กับบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะ 'โรงบ่มใบยา' เป็น 'ร้านค้า' ตามประมวลรัษฎากรหรือไม่? ศาลต้องพิจารณาเพื่อตัดสินการยึดทรัพย์
เจ้าของสถานีบ่มใบยาถูกเจ้าพนักงานประเมินให้เสียภาษีร้านค้าตามประมวลรัษฎากร ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งว่าสถานีบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้าตามลำดับ เจ้าพนักงานคงยืนยันว่าเป็นร้านค้าและได้ทำการยึดทรัพย์เพื่อเสียภาษี เจ้าของสถานีบ่มใบยาจึงเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าพนักงานขอให้ถอนการยึดและขอให้ศาลแสดงว่าโรงบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้า ดังนี้ คดีมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าสถานีบ่มใบยาเป็นร้านค้าใช่หรือไม่ ศาลจะสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าสถานีบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้าหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคดีภาษีและขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร
ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินสรรพากร ประเมินภาษีเงินได้และเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์เกินไปกว่าที่โจทก์จะต้องเสีย 1 ล้านบาทเศษ โจทก์อุทธรณ์ อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องศาลตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ขอให้ศาลพิพากษายกหรือกลับแก้การประเมินและคำสั่งชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากรที่ให้โจทก์ชำระเงินค่าภาษีเพิ่มเติมอันไม่ถูกต้องนั้นเสีย ดังนี้เป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ การที่จะไม่ต้องเสียเงินจำนวนนั้น อันเป็นทรัพย์สินที่พิพาท แม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์จะเบี่ยงบ่ายไปประการใด ก็หาทำให้ผลแห่งการปลดเปลื้องทุกข์เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯนั้นเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลอาจสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2495)
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯนั้นเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลอาจสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2495)