พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ต้องมีมูล หากไม่มีมูลและมีเจตนาประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลและประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะเป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ประวิงคดี และการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในบ้าน
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
นับแต่ศาลนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือนเศษ จำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อถึงวันนัดจำเลยแถลงว่านางสาว ด. พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดีศาลอนุญาตให้เลื่อนไปอีกนัดหนึ่ง ถึง วันนัดจำเลยมิได้นำนางสาว ด. ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้ ทั้งมิได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด พฤติการณ์ถือว่าจำเลยประวิงคดี
เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยไม่ยอมชำระเงินแก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้
เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยไม่ยอมชำระเงินแก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
นับแต่ศาลนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือนเศษจำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อ ถึงวันนัดจำเลยแถลงว่านางสาว ด. พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปอีกนัดหนึ่ง ถึงวันนัดจำเลยมิได้นำนางสาว ด. ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้ ทั้งมิได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด พฤติการณ์ถือว่าจำเลยประวิงคดี ศาลชอบที่จะงดสืบพยานจำเลยได้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยไม่ยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลบังคับคดีได้
นับแต่ศาลนัดไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยครั้งแรกเป็นเวลา6 เดือน เศษ จำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อ ถึง วันนัดจำเลยแถลงว่านางสาว ด. พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดีศาลอนุญาตให้เลื่อนไปอีกนัดหนึ่ง ถึง วันนัดจำเลยมิได้นำนางสาว ด. ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้ ทั้งมิได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด พฤติการณ์ถือว่าจำเลยประวิงคดี เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ จำเลยไม่ยอมชำระเงินแก่โจทก์ตาม สัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานพยายามฆ่า และการประวิงคดี: ศาลฎีกาตัดสินประเด็นความรับผิดชอบและเหตุผลการไม่อนุญาตเลื่อนคดี
เมื่อจำเลยยิงผู้ตายแล้ว ผู้เสียหายได้เข้าไปแย่งปืนจากจำเลยและกอดปล้ำกัน ระหว่างกอดปล้ำกัน ก. วิ่งเข้ามาหาจำเลย จำเลยจึงส่งอาวุธปืนให้แก่ ก. โดยจำเลยมิได้พูดหรือแสดงกิริยาอาการใดที่จะพึงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาให้ ก. ยิงผู้เสียหาย เมื่อ ก. ได้รับอาวุธปืนจากจำเลยแล้วก็หาได้ยิงผู้เสียหายในทันทีไม่ แต่ได้ถอยหลังออกไปก่อน เมื่อผู้เสียหายเข้าไปแย่งอาวุธปืนจาก ก. อีกจึงถูกยิง เช่นนี้ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยทราบหรือคาดหมายได้ว่า ก. มีเจตนายิงผู้เสียหาย ถือไม่ได้ว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ ก. ยิงผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายจำเลยที่ศาลชั้นต้นตั้งขอถอนตัว เพราะจำเลยแต่งตั้งทนายเข้ามาใหม่ เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นก็อนุญาตและนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สอง ห่างจากวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกประมาณ 70 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานเพียงพอที่จำเลยจะพิจารณาขอถอนทนายความคนเดิม และตั้งแต่งทนายความคนใหม่เข้ามา และขอเลื่อนคดีเพื่อมิให้เดือดร้อนแก่พยานโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้มาศาล แต่จำเลยกลับละเลยโดยมาร้องขอถอนทนายความคนเดิมพร้อมตั้งแต่งทนายความคนใหม่ กับร้องขอเลื่อนคดีในวันนัดซึ่งพยานโจทก์ได้มาศาลพร้อมแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรและส่อไปในทางประวิงคดีให้เนิ่นช้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายจำเลยที่ศาลชั้นต้นตั้งขอถอนตัว เพราะจำเลยแต่งตั้งทนายเข้ามาใหม่ เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นก็อนุญาตและนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สอง ห่างจากวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกประมาณ 70 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานเพียงพอที่จำเลยจะพิจารณาขอถอนทนายความคนเดิม และตั้งแต่งทนายความคนใหม่เข้ามา และขอเลื่อนคดีเพื่อมิให้เดือดร้อนแก่พยานโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้มาศาล แต่จำเลยกลับละเลยโดยมาร้องขอถอนทนายความคนเดิมพร้อมตั้งแต่งทนายความคนใหม่ กับร้องขอเลื่อนคดีในวันนัดซึ่งพยานโจทก์ได้มาศาลพร้อมแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรและส่อไปในทางประวิงคดีให้เนิ่นช้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดและการประวิงคดี: การส่งอาวุธปืนโดยไม่มีเจตนาช่วยเหลือ และการขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
เมื่อจำเลยยิงผู้ตายแล้ว ผู้เสียหายได้เข้าไปแย่งปืนจากจำเลยและกอดปล้ำกัน ระหว่างกอดปล้ำกัน ก. วิ่งเข้ามาหาจำเลย จำเลยจึงส่งอาวุธปืนให้แก่ ก. โดยจำเลยมิได้พูดหรือแสดงกิริยาอาการใดที่จะพึงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาให้ ก. ยิงผู้เสียหายเมื่อ ก. ได้รับอาวุธปืนจากจำเลยแล้วก็หาได้ยิงผู้เสียหายในทันทีไม่ แต่ ได้ ถอยหลังออกไปก่อน เมื่อผู้เสียหายเข้าไปแย่งอาวุธปืนจาก ก. อีกจึงถูก ยิง เช่นนี้ไม่อาจรับฟังได้ ว่าจำเลยทราบหรือคาดหมายได้ว่า ก. มีเจตนายิงผู้เสียหาย ถือไม่ได้ว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ ก. ยิงผู้เสียหายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายจำเลยที่ศาลชั้นต้นตั้งขอถอนตัว เพราะจำเลยแต่งตั้ง ทนายเข้ามาใหม่ เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นก็อนุญาตและนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สองห่างจากวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกประมาณ 70 วัน ซึ่ง เป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานเพียงพอที่จำเลยจะพิจารณาขอถอน ทนายความคนเดิม และตั้งแต่ง ทนายความคนใหม่เข้ามา และขอเลื่อนคดีเพื่อมิให้เดือดร้อนแก่พยานโจทก์ซึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้มาศาล แต่ จำเลยกลับละเลยโดย มาร้องขอถอน ทนายความคนเดิมพร้อมตั้งแต่ง ทนายความคนใหม่กับร้องขอเลื่อนคดีในวันนัดซึ่ง พยานโจทก์ได้ มาศาลพร้อมแล้วจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรและส่อไปในทางประวิงคดีให้เนิ่นช้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดี: เหตุจำเป็นต้องเลื่อน, การแสดงเหตุผลให้พอใจศาล, และการประวิงคดี
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีโดยกำชับว่า นัดหน้าให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อม ทนายจำเลยแถลงว่าจะนำพยานจำเลยมาศาลทั้งหมด หากพยานจำเลยไม่มา จำเลยจะไม่ติดใจสืบพยาน หากพยานจำเลยมาจำนวนเท่าใดจำเลยขอสืบเพียงเท่านั้น ถึงวันนัดทนายโจทก์มาศาล จำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาล แต่ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาล อ้างว่าทนายจำเลยป่วยเป็นโรคคออักเสบไม่สามารถดำเนินคดีในศาลได้คำร้องขอเลื่อนคดีอีกของจำเลยเช่นนี้มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรมตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40วรรคแรก ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ดังนี้ศาลจึงไม่อาจให้เลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4646/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกลับคำให้การหลังรับสารภาพ การประวิงคดี และการอุทธรณ์ดุลพินิจการลงโทษในคดีเช็ค
จำเลยให้การรับสารภาพโดยศาลชั้นต้นเป็นผู้จดคำให้การไว้ให้และจำเลยแถลงว่าจะชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ร่วม แต่ขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป 6 เดือน ศาลชั้นต้นอนุญาต เป็นการให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจและมิได้สำคัญผิด การที่จำเลยขอถอนคำให้การรับสารภาพและขอให้การใหม่เป็นปฏิเสธหลังจากที่ได้ให้การรับสารภาพแล้วถึง 6 เดือน โดยอ้างเหตุว่าจำเลยออกเช็คพิพาททั้ง 2 ฉบับ เพื่อเป็นการค้ำประกันหนี้ของบุคคลภายนอกที่มีอยู่ต่อโจทก์นั้น เป็นการให้การปฏิเสธเพื่อให้มีการสืบพยานต่อไปอีกถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประวิงคดีไม่ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ร่วม เป็นการยืนยันว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้เช็คนั้นชำระหนี้แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุว่าเป็นหนี้ค่าอะไร มูลหนี้อะไร และเป็นหนี้กันมาแต่เมื่อใดอันเป็นการระบุถึงความเป็นมาแห่งหนี้ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่เพราะเป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา จำเลยฎีกาอ้างว่าศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษให้จำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่แท้ที่จริงแล้ว จำเลยประสงค์เพียงจะให้ศาลฎีการอการลงโทษให้แก่จำเลยเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ฎีกาดังกล่าวของจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย