คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป่าสงวน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 177 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2045/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองป่าสงวนและการฟ้องขับไล่ผู้บุกรุก
ที่ป่าสงวนโจทก์ก็มีสิทธิครอบครอง มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ที่ขออาศัยโจทก์ทำไร่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3154/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของบุคคลที่มิได้มีส่วนร่วมในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ต้องเป็นไปตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วยเมื่อศาลพิพากษาให้ริบช้างของกลางตามบทบัญญัตินี้ และผู้ร้องมาร้องขอให้ศาลสั่งคืนช้าง ของกลาง กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3154/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของบุคคลที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ต้องเป็นไปตามหลักประเพณีการปกครองประเทศ
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่น ที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วย เมื่อศาลพิพากษาให้ริบช้างของกลางตามบทบัญญัตินี้ และผู้ร้องมาร้องขอให้ศาลสั่งคืนช้างของกลาง กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินในเขตป่าสงวนที่ยังมิได้ออกกฎกระทรวง: ผลต่อคดีบุกรุกและการพิสูจน์ความผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีอาวุธเข้าไปปลูกบ้านและยึดถือครอบครองที่ดินบางส่วนของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365, 362 ให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปและใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าไม่ได้บุกรุกที่ของโจทก์ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าสงวน ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยตกลงท้ากันนำสืบพยานคนกลาง ให้ศาลพิจารณาประเด็นข้อเถียงว่าที่พิพาทเป็นป่าสงวนหรือไม่ ถ้าเป็น โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่เป็นจำเลยแพ้ยอมออกไปและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปด้วย เมื่อได้ความว่าที่พิพาทไม่ใช่ป่าสงวนแห่งชาติแล้ว จำเลยย่อมแพ้คดีในส่วนแพ่งแต่จะลงโทษจำเลยฐานบุกรุกหาได้ไม่ เพราะไม่ปรากฏตามพยานหลักฐาน หรือจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง
แม้ที่พิพาทจะอยู่ในเขตที่ทางราชการได้รังวัดทำแผนที่ไว้ให้อยู่ในเขตป่าสงวน แต่เมื่อยังไม่ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้เขตนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมาย ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีบุกรุกที่ดิน ต้องอาศัยพยานหลักฐานหรือคำรับสารภาพ และการกำหนดเขตป่าสงวนต้องเป็นไปตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีอาวุธเข้าไปปลูกบ้านและยึดถือครอบครองที่ดินบางส่วนของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365,362 ให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปและใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าไม่ได้บุกรุกที่ของโจทก์ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าสงวน ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยตกลงท้ากันนำสืบพยานคนกลาง ให้ศาลพิจารณาประเด็นข้อเถียง ว่าที่พิพาทเป็นป่าสงวนหรือไม่ ถ้าเป็น โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่เป็น จำเลยแพ้ยอมออกไปและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปด้วย เมื่อได้ความว่าที่พิพาทไม่ใช่ป่าสงวนแห่งชาติแล้ว จำเลยย่อมแพ้คดีในส่วนแพ่ง แต่จะลงโทษจำเลยฐานบุกรุกหาได้ไม่ เพราะไม่ปรากฏตามพยานหลักฐาน หรือจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง
แม้ที่พิพาทจะอยู่ในเขตที่ทางราชการได้รังวัดทำแผนที่ไว้ให้อยู่ในเขตป่าสงวน แต่เมื่อยังไม่ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้เขตนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมาย ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินที่เป็นป่าสงวน โจทก์รู้ข้อเท็จจริงแต่ยังชำระเงิน จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินคืน
โจทก์รู้ดีอยู่แล้วในขณะทำสัญญาซื้อขายว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของจำเลย แต่เป็นป่าสงวนแห่งชาติซึ่งไม่อาจโอนให้แก่กันได้โจทก์ยังชำระเงินค่าที่ดินให้จำเลยโดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีพิพาทสิทธิครอบครองที่ดินทับซ้อนกับป่าคุ้มครอง/ป่าสงวน การโต้แย้งสิทธิเป็นเหตุให้ฟ้องได้
ทางการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าไสโป๊ะเป็นป่าคุ้มครองและแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาคลุมทับถึงที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองอยู่ และเจ้าพนักงานป่าไม้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยได้เข้าไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทเพื่อออกกฎกระทรวงกำหนดป่าคุ้มครองให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย การออกแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวผิดพลาดรุกล้ำผิดตำบลซึ่งระบุในพระราชกฤษฎีกา โดยไม่มีการประกาศให้ราษฎรทราบ จำเลยโต้เถียงว่าที่ดินพิพาทเป็นป่าคุ้มครองและป่าสงวนแห่งชาติโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ครอบครองโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์อ้าง การที่เจ้าพนักงานป่าไม้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยเข้าไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทเพื่อประกาศกำหนดให้เป็นป่าสงวน อาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิครอบครองของโจทก์ หากข้อเท็จจริงเป็นดังจำเลยโต้เถียงก็ไม่เป็นละเมิด และโจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทคงมีฐานะเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ภายในอำนาจของจำเลยที่จะสั่งให้โจทก์ออกไปหรืองดเว้นการกระทำใด ๆ ในที่ดินพิพาทตามมาตรา 25แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กรณีถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายตราหลักเขตป่าสงวน ต้องพิสูจน์เจตนาและวัตถุประสงค์ของการประทับตรา เพื่อให้เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ในฟ้องกล่าวแต่เพียงว่า ทำลายตราหลักเขตป่าสงวนซึ่งเจ้าพนักงานตรีตราประทับไว้ที่ต้นไม้ส้าน ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่าเป็นตราที่เจ้าพนักงานประทับไว้ในการปฏิบัติตามหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งนั้น ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141
ฟ้องอย่างนี้ศาลย่อมยกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายหลักเขตป่าสงวน: ฟ้องต้องระบุรายละเอียดชัดเจน
ในฟ้องกล่าวบรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทำลายตราหลักเขตป่าสงวนซึ่งเจ้าพนักงานตีตราประทับไว้ที่ต้นไม้ส้าน ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่าเป็นตราที่เจ้าพนักงานประทับไว้ในการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141 ฟ้องอย่างนี้ศาลต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำไม้ในพื้นที่ป่าสงวน แม้มีการจดทะเบียนที่ดินอย่างไม่ถูกต้อง ยังคงเป็นป่าตามกฎหมาย
เอาที่ดินไปจดทะเบียนบุริมสิทธิ์ ซื้อขายต่อกันอำเภอโดยอ้างว่าเป็นที่สวน จับจองเบิกบุกเอาเอง ซึ่งไม่ใช่ความจริง แม้เจ้าหน้าที่อำเภอจะจดทะเบียนบุริมสิทธิ์ซื้อขายให้ก็ดี ก็ต้องถือว่ายังเป็นยังดินซึ่งยังมิได้มีบุคคลได้มาตาม ก.ม.ที่ดิน อีกนัยหนึ่งคือป่า ผู้ใดทำไม้ประเภทหวงห้ามในที่นี้โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484
of 18