พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: พิจารณาประโยชน์สูงสุดของกองมรดกและทายาทโดยธรรม
ในการจัดตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ถ้าไม่มีข้อกำหนด พินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์ และโดยคำนึงถึงเจตนาของผู้ตาย ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบ ด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ อยู่ในความปกครองของผู้ร้อง ผู้ร้องและบุตรทั้งสามเป็นทายาท โดยธรรมผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในกองมรดกและผู้ตาย เป็นผู้ดำเนินการให้ผู้ร้องได้สัญชาติไทยตามผู้ตาย แม้จะ ปรากฏว่าผู้ร้องเคยถูกดำเนินคดีฐานเข้าเมืองโดยไม่ได้ รับอนุญาตและมีคำพิพากษาให้ออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับข้อห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดก การตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกจึงเป็นประโยชน์สูงสุดแก่กองมรดกตามความมุ่งหมายของกฎหมายแล้ว เมื่อกรณีมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตายการที่จะให้ผู้คัดค้านที่ 2 จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องจึงมีข้อแสดงให้เห็นเบื้องต้นว่าไม่อาจที่จะจัดการร่วมกันได้ ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมประเภทคู่สมรส ซึ่งต้องระวังรักษา ประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์อีกสามคนที่เป็นทายาทโดยธรรม ในลำดับที่ (1) ส่วนผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นทายาทโดยธรรม ในลำดับที่ (3) ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย จึงไม่สมควรที่จะตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดก ร่วมกับผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6930/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในมรดกยุติลงหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ผู้ร้องจึงไม่มีส่วนได้เสียในการเป็นผู้จัดการมรดก
ณ. เคยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยคำสั่งศาลมาก่อน ต่อมาผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรผู้ตายฟ้องขอให้ศาลเพิกถอน ณ. จากการเป็นผู้จัดการมรดกแล้วถอนฟ้อง โดยตกลงกันให้ ณ. ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อไป ซึ่ง ณ. ยอมแบ่งเงินจากกองมรดกของผู้ตายจำนวน 180,000 บาท ให้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องไม่ติดใจเรียกร้องทรัพย์มรดกอื่นใดอีก ข้อตกลงดังกล่าวจึงเข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ อันเป็นการระงับข้อพิพาท ซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ซึ่งทำให้การเรียกร้องของแต่ละฝ่ายที่ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 852 ผู้ร้องย่อมไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตายอีก จึงมาร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1713
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6809/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของทายาทผู้จัดการมรดกในการไล่ที่บุกรุกหลังการซื้อขายแต่ยังไม่ได้จดทะเบียน
ที่ดินพิพาทเป็นของ อ. จำเลยไม่ได้ฝากให้ อ. ดูแลที่ดินพิพาทแทน และ ด. ได้ซื้อที่ดินพิพาทจาก อ. แล้ว แต่ ด. ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนโอนชื่อเป็นของ ด. เมื่อ อ. ตายเสียก่อน โจทก์เป็นทายาทผู้รับมรดกและในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ. ผู้ตาย สิทธิในทางทรัพย์สินรวมทั้งหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ของ อ. ก็ตกทอดแก่โจทก์ทันทีรวมทั้งหน้าที่ในการโอนที่ดินพิพาทที่ขายด้วย เมื่อจำเลยเข้าเกี่ยวข้องโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5080/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและการดำเนินกระบวนการพิจารณาของผู้ร้องที่เหลือ
ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ได้เริ่มคดีโดยร่วมกันยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้าน แต่ภายหลังผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอถอนคำคัดค้านไปและยินยอมให้ผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน การที่ผู้ร้องที่ 1 ได้ขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเฉพาะตัวผู้ร้องที่ 1 ในเวลาต่อมา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้วย่อมไม่มีผลให้คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเดิมของผู้ร้องที่ 2 กลับเป็นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกขึ้นมาใหม่ การที่ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องที่ 2 ต่อไปเพื่อวินิจฉัยว่าสมควรตั้งให้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องประกาศหนังสือพิมพ์หรือแจ้งให้ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียทราบอีกการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่กระทำมาจึงชอบแล้ว ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ผู้คัดค้านจะขอให้เพิกถอนตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5080/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้องรายหนึ่ง ไม่ทำให้คำร้องของผู้ร้องอีกรายกลายเป็นคำร้องใหม่
ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ได้เริ่มคดีโดยร่วมกันยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้าน แต่ภายหลังผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอถอนคำคัดค้านไปและยินยอมให้ผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน การที่ผู้ร้องที่ 1 ได้ขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเฉพาะตัวผู้ร้องที่ 1 ในเวลาต่อมา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ย่อมไม่มีผลให้คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเดิมของผู้ร้องที่ 2 กลับเป็นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกขึ้นมาใหม่ การที่ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องที่ 2 ต่อไปเพื่อวินิจฉัยว่าสมควรตั้งให้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องประกาศหนังสือพิมพ์หรือแจ้งให้ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียทราบอีกการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่กระทำมาจึงชอบแล้ว ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ผู้คัดค้านจะขอให้เพิกถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5080/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเฉพาะตัวไม่ทำให้คำร้องเดิมเป็นคำร้องใหม่ การพิจารณาของศาลชอบแล้ว
ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก โดยผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้าน แต่ต่อมาได้ถอนคำคัดค้านไปแล้ว การที่ผู้ร้องที่ 1 ได้ขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเฉพาะตัวผู้ร้องที่ 1 ไม่มีผลให้คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเดิมของผู้ร้องที่ 2 กลับเป็นคำร้องขอใหม่ขึ้นมาแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะดำเนินการไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องที่ 2 เพื่อวินิจฉัยว่าสมควรตั้งให้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ต่อไป ที่ศาลชั้นต้นไม่ประกาศหนังสือพิมพ์หรือแจ้งให้ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียทราบอีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ผู้คัดค้านทั้งสองจะขอให้เพิกถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4811/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ค่าเสียหายจากการเช่า และอำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่าโจทก์สามารถนำที่พิพาทไปสร้างอาคารพาณิชย์จะได้รับประโยชน์อัตราเดือนละ 20,000 บาท และโจทก์ใช้เป็นเกณฑ์เรียกค่าเสียหายตามจำนวนนั้น ซึ่งศาลชั้นต้นก็กำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 5,000 บาท ก็ตาม แต่เมื่อตามหนังสือสัญญาเช่าที่ดินมีการกำหนดอัตราค่าเช่ากันชัดเจนเดือนละ 500 บาท เช่นนี้แล้ว กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาว่าอาจให้เช่าได้ค่าเช่าจำนวนเท่าใดอีก ต้องฟังว่าที่พิพาทมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง การที่จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นในเรื่องการกำหนดค่าเสียหายของศาล เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 บัญญัติให้ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปและเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกได้ โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ผู้ตาย มีอำนาจจัดการเกี่ยวแก่ที่พิพาทซึ่งเป็นมรดกของ ส. ได้ตามกฎหมาย จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาททุกคนก่อน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 บัญญัติให้ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปและเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกได้ โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ผู้ตาย มีอำนาจจัดการเกี่ยวแก่ที่พิพาทซึ่งเป็นมรดกของ ส. ได้ตามกฎหมาย จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาททุกคนก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4221/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกมีอำนาจฟ้องภารจำยอมได้ และสิทธิภารจำยอมเกิดขึ้นได้จากการใช้ทางต่อเนื่อง
ผู้จัดการมรดกมีอำนาจทำการแทนทายาทเกี่ยวกับทรัพย์มรดกได้การฟ้องคดีนี้ก็เพื่อปลดเปลื้องการรบกวนและเป็นการทำการอันจำเป็นเพื่อรักษาไว้ซึ่งภารจำยอมแทนทายาทผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นการทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1719 ส. กับโจทก์ใช้ทางบนที่ดินที่พิพาทมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอม จำเลยเพิ่งซื้อที่ดินพิพาทมาภายหลังจาก ส.กับโจทก์ได้ภารจำยอมไปแล้ว แม้ ส. กับโจทก์จะยังไม่ได้จดทะเบียนภารจำยอมหรือ(จำเลย)รับโอนภารยทรัพย์มาโดยสุจริตหรือไม่ก็ตาม จำเลยก็ไม่อาจต่อสู้กับสิทธิภารจำยอมของ ส. กับโจทก์ได้ โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งว่า ขอให้ทางพิพาทตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 11835 ของ ส. ด้วย แม้ในคำขอท้ายฟ้องไม่ได้ระบุที่ดินโฉนดเลขที่ดังกล่าว แต่ก็ได้ระบุเลขที่ดินของ ส. ไว้แล้ว ถือได้ว่าโจทก์มีคำขอบังคับให้ทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 11835 ของ ส. แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของ ส.กับโจทก์ แต่ในคำพิพากษามิได้ระบุที่ดินโฉนดเลขที่ 11835 ด้วย ย่อม ทำให้คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในส่วนที่ดินโฉนด เลขที่ 11835 ดังกล่าวนั้นไร้ผล ถือว่าเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้เสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการถอดถอนผู้จัดการมรดก และสิทธิผู้มีส่วนได้เสียในมรดก
ผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดีในการพิจารณาคำร้องขอของผู้ร้องครั้งแรกฝ่ายเดียว และประเด็นในการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นครั้งแรกเป็นเรื่องผู้ร้องเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ส่วนประเด็นครั้งหลังเป็นเรื่องสมควรถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ซึ่งแตกต่างกัน ทั้งตาม ป.พ.พ.มาตรา 1727 เมื่อมีเหตุอันสมควรศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้ จึงถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตาม ป.วิ.พ.มาตรา 144
ผู้ร้องร่วมดูแลจัดการในบ้านของผู้ตายหลายประการ ผู้ร้องเป็นภรรยาผู้ตาย อยู่กินกับผู้ตายมานาน ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ครั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านได้ทราบแล้วไม่คัดค้าน จนศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยชอบแล้วที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ภรรยาผู้ตาย มิได้ร่วมจัดการทรัพย์สินกับผู้ตาย ก็รับฟังไม่ได้ ทั้งทายาทโดยธรรมอื่นเช่นเดียวกับผู้คัดค้านก็เห็นว่าควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้ร้องร่วมดูแลจัดการในบ้านของผู้ตายหลายประการ ผู้ร้องเป็นภรรยาผู้ตาย อยู่กินกับผู้ตายมานาน ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ครั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านได้ทราบแล้วไม่คัดค้าน จนศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยชอบแล้วที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ภรรยาผู้ตาย มิได้ร่วมจัดการทรัพย์สินกับผู้ตาย ก็รับฟังไม่ได้ ทั้งทายาทโดยธรรมอื่นเช่นเดียวกับผู้คัดค้านก็เห็นว่าควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการถอดถอนผู้จัดการมรดก และสิทธิผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดก
ผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดีในการพิจารณาคำร้องขอของผู้ร้องครั้งแรกฝ่ายเดียว และประเด็นในการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นครั้งแรกเป็นเรื่องผู้ร้องเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ส่วนประเด็นครั้งหลังเป็นเรื่องสมควรถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ซึ่งแตกต่างกัน ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เมื่อมีเหตุอันสมควรศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้ จึงถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
ผู้ร้องร่วมดูแลจัดการในบ้านของผู้ตายหลายประการ ผู้ร้องเป็นภรรยาผู้ตาย อยู่กินกับผู้ตายมานาน ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ครั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านได้ทราบแล้วไม่คัดค้าน จนศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยชอบแล้ว ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ภรรยาผู้ตาย มิได้ร่วมจัดการทรัพย์สินกับผู้ตาย ก็รับฟังไม่ได้ ทั้งทายาทโดยธรรมอื่นเช่นเดียวกับผู้คัดค้านก็เห็นว่าควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้ร้องร่วมดูแลจัดการในบ้านของผู้ตายหลายประการ ผู้ร้องเป็นภรรยาผู้ตาย อยู่กินกับผู้ตายมานาน ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ครั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านได้ทราบแล้วไม่คัดค้าน จนศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยชอบแล้ว ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ภรรยาผู้ตาย มิได้ร่วมจัดการทรัพย์สินกับผู้ตาย ก็รับฟังไม่ได้ ทั้งทายาทโดยธรรมอื่นเช่นเดียวกับผู้คัดค้านก็เห็นว่าควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย