พบผลลัพธ์ทั้งหมด 670 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5197/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาเอกสารพยาน, การเบิกความของกรรมการผู้จัดการ, และการพิสูจน์หนี้ตามสัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานในวันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับแต่เห็นว่าจำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเป็นพยาน จึงอนุญาตให้ ส. ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยเข้าเบิกความเป็นพยาน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลรับฟังคำเบิกความของ ส. มาพิจารณาด้วยได้ เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นเอกสารที่โจทก์ได้ส่งอ้างต่อศาลไว้แล้วในชั้นไต่สวนขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลภายนอกที่จำเลยสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และแท้จริงแห่งเอกสาร โจทก์จึงไม่ต้องส่งสำเนาเอกสารนี้ให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5179-5180/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานจำเลย และการนำสืบพยานบุคคลแทนเอกสารชำระหนี้
เมื่อศาลล่างทั้งสองไม่ได้นำเอาคำเบิกความของพยานโจทก์ตามบัญชีระบุพยาน ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นหลังจากที่สืบพยานจำเลยเสร็จแล้วมาวินิจฉัยในการฟังข้อเท็จจริง ฉะนั้น ฎีกาของจำเลยที่ว่าการยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์ฉบับดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก
การชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและตามสัญญาจำนองซึ่งเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบว่าใบเสร็จรับเงินที่จำเลยอ้างเป็นการออกให้เพื่อการชำระหนี้จำนวนใดได้ไม่เป็นการสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารและไม่เป็นการสืบพยานเพิ่มเติมตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) และ (ข).
การชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและตามสัญญาจำนองซึ่งเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบว่าใบเสร็จรับเงินที่จำเลยอ้างเป็นการออกให้เพื่อการชำระหนี้จำนวนใดได้ไม่เป็นการสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารและไม่เป็นการสืบพยานเพิ่มเติมตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) และ (ข).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3684/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยการขอเลื่อนนัดและไม่นำสืบพยาน ศาลมีอำนาจงดสืบพยานได้
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องครั้งแรกทนายผู้ร้องมาศาลขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุป่วยเจ็บ ในนัดที่ 2 ทนายผู้ร้องขอส่งประเด็นไปสืบพยานทุกคนที่ศาลอื่นโดยทนายผู้ร้องจะเป็นผู้จัดส่งหมายเรียกพยานเองหากส่งหมายให้พยานไม่ได้หรือพยานไม่มาศาลให้ถือว่าไม่ติดใจสืบพยานที่ไม่มาศาล ครั้นถึงวันนัดสืบพยานประเด็นทนายผู้ร้องก็ขอเลื่อนอีก โดยอ้างเหตุป่วยเจ็บและไม่ปรากฏว่านอกจากตัวผู้ร้องแล้วพยานอื่นที่ได้ขอหมายเรียกได้มาศาล ทั้งเมื่อผู้ร้องรับหมายเรียกพยานไปส่งแล้วก็ไม่ได้แจ้งผลการส่งหมายทนายโจทก์แถลงคัดค้านการขอเลื่อนคดีและขอให้ผู้ร้องซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานเข้าเบิกความแต่ผู้ร้องก็ปฏิเสธไม่ยอมเข้าเบิกความ ศาลรับประเด็นจึงส่งประเด็นคืนเช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องจงใจประวิงคดีให้ชักช้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานผู้ร้องชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าโดยความยินยอม: บันทึกข้อตกลงที่มีพยานเจ้าพนักงานตำรวจ
ตามบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีของโจทก์จำเลยที่ระบุว่า"นายสุรชัยและนางจุฑาทิตจะทำการหย่าร้างจากการเป็นสามีภริยากันให้ถูกต้องตามกฎหมายในภายหลัง... ส่วนเรื่องทรัพย์สินของสามีภริยาส่วนตัวจะไปทำความตกลงกันเอง..." โดยโจทก์จำเลยได้ลงลายมือชื่อในบันทึกนั้นถือได้ว่าเป็นข้อตกลงที่โจทก์จำเลยจะหย่ากันตามกฎหมายแม้ในบันทึกดังกล่าวจะไม่ได้ระบุว่า เจ้าพนักงานตำรวจสองนายที่ลงชื่อไว้นั้นลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยาน แต่เมื่อผู้ที่ลงลายมือชื่อนั้นเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่และรับรู้ข้อตกลงของโจทก์จำเลย ถือได้ว่าเป็นพยานในบันทึกข้อตกลงการหย่าโดยความยินยอมแล้ว บันทึกดังกล่าวจึงเป็นการหย่าโดยความยินยอมของโจทก์จำเลยโดยทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1514 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าโดยความยินยอมจากบันทึกข้อตกลงที่มีพยานรับรอง
ตามบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีของโจทก์จำเลยที่ระบุว่า"นายสุรชัยและนางจุฑาทิตจะทำการหย่าร้างจากการเป็นสามีภริยากันให้ถูกต้องตามกฎหมายในภายหลัง... ส่วนเรื่องทรัพย์สินของสามีภริยาส่วนตัวจะไปทำความตกลงกันเอง..." โดยโจทก์จำเลยได้ลงลายมือชื่อในบันทึกนั้นถือได้ว่าเป็นข้อตกลงที่โจทก์จำเลยจะหย่ากันตามกฎหมายแม้ในบันทึกดังกล่าวจะไม่ได้ระบุว่า เจ้าพนักงานตำรวจสองนายที่ลงชื่อไว้นั้นลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยาน แต่เมื่อผู้ที่ลงลายมือชื่อนั้นเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่และรับรู้ข้อตกลงของโจทก์จำเลย ถือได้ว่าเป็นพยานในบันทึกข้อตกลงการหย่าโดยความยินยอมแล้ว บันทึกดังกล่าวจึงเป็นการหย่าโดยความยินยอมของโจทก์จำเลยโดยทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1514 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3189/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมโมฆะเมื่อพยานไม่รู้เห็นการลงลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรม
การที่ผู้เป็นพยานในพินัยกรรมคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนไม่ได้อยู่รู้เห็นในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรม พินัยกรรมย่อมตกเป็นโมฆะ
ข้อกฎหมายที่เกิดจากข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้ง แต่เกิดจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ เมื่อข้อกฎหมายนั้นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง
ข้อกฎหมายที่เกิดจากข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้ง แต่เกิดจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ เมื่อข้อกฎหมายนั้นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารในสำนวนคดีเดิมที่จำเลยอ้างเป็นพยาน ศาลล่างรับฟังได้โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดระบุอ้าง
เมื่อเอกสารที่ใช้ในการวินิจฉัยคดีรวมอยู่ในสำนวนคดีที่จำเลยระบุอ้างเป็นพยาน เอกสารนั้นจึงเข้าสู่สำนวนความของศาลโดยถูกต้อง การที่ศาลจะฟังและเชื่อ พยานหลักฐานในส่วนไหนอย่างไรในสำนวนเป็นดุลพินิจ ของศาล ไม่จำเป็นว่าคู่ความที่ได้รับประโยชน์จากเอกสารนั้นจะต้องเป็นฝ่ายระบุอ้างและนำเข้าสู่สำนวนความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่เบิกความตามคำเบิกความของพยานอื่น ศาลมีดุลพินิจ
กรณีที่พยานคนใดเบิกความโดยฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว แม้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะอ้างว่าศาลไม่ควรฟังคำเบิกความเช่นว่านี้เพราะเป็นการผิดระเบียบ ก็มิได้เป็นการบังคับมิให้ศาลรับฟังคำพยานดังกล่าวโดยเด็ดขาด เมื่อยังไม่ปรากฏว่าพยานจะเบิกความเป็นที่เชื่อถือฟังได้หรือไม่ และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ จึงสมควรให้พยานเบิกความไปก่อนเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าเป็นการผิดระเบียบหรือไม่ ยังไม่ควรงดสืบพยานเช่นนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความของพยานที่ได้ฟังคำเบิกความของพยานก่อนหน้า ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจในการรับฟัง
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 114 มิได้บังคับโดยเด็ด ขาดมิให้ศาลรับฟังคำพยานซึ่งเบิกความโดยได้ฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว แต่เป็นการให้ศาลใช้ดุลพินิจ ในการรับฟังคำพยานดังกล่าวได้และหามีบทบัญญัติใดบังคับไว้เด็ด ขาดห้ามมิให้สืบพยานที่ได้ฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่เบิกความโดยฟังคำพยานก่อนหน้า ศาลมีดุลพินิจพิจารณาความน่าเชื่อถือได้
กรณีที่พยานคนใดเบิกความโดยฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว แม้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะอ้างว่าศาลไม่ควรฟังคำเบิกความเช่นว่านี้เพราะเป็นการผิดระเบียบ ก็มิได้เป็นการบังคับมิให้ศาลรับฟังคำพยานดังกล่าวโดยเด็ดขาด เมื่อยังไม่ปรากฏว่าพยานจะเบิกความเป็นที่เชื่อถือฟังได้หรือไม่ และสามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ จึงสมควรให้พยานเบิกความไปก่อนเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าเป็นการผิดระเบียบหรือไม่ ยังไม่ควรงดสืบพยานเช่นนี้.