คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รับของโจร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รังนก-ลักทรัพย์-รับของโจร: รังนกเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ การยึดถือจึงสำคัญกว่าการมีสิทธิผูกขาด
รังนกในถ้ำตามเกาะเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ แต่บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยเข้ายึดถือเอา การที่ อ.ได้รับอนุญาตให้เก็บรังนกได้อันเป็นการได้รับผูกขาดจากรัฐบาลนั้น อ.ผู้รับผูกขาดมีสิทธิเพียงว่าถ้าประสงค์จะเก็บรังนกในถ้ำที่ผูกขาดก็เข้าเก็บเอาได้ ไม่ต้องมีการหวงห้ามเหมือนบุคคลผู้ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะมีกรรมสิทธิ์ได้ในรังนกนั้นยังจะต้องมีการเข้ายึดถือเอาอีกชั้นหนึ่งก่อนเมื่อผู้ที่เก็บรังนกรายนี้ไม่ใช่ลูกจ้างของ อ. และ อ.ยังมิได้เข้ายึดถือเอารังนกนั้นตามบทบัญญัติมาตรา 1318 แห่ง ป.พ.พ. อ.จึงยังมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรังนกรายนี้ การเก็บรังนกดังกล่าวไปจึงไม่เป็นการลักทรัพย์ของ อ. และเมื่อรังนกไม่ใช่ทรัพย์ที่ถูกลักมาจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา เมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่เป็นความผิด ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยทั้งสามได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรังนกไม่มีเจ้าของ การยึดถือเพื่อเป็นเจ้าของ และความผิดฐานรับของโจร
รังนกในถ้ำตามเกาะเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ บุคคลใดก็อาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยเข้ามายึดถือเอา แม้ อ. ได้รับอนุญาตผูกขาดจากรัฐให้เก็บรังนกบนเกาะได้อ. ก็มีสิทธิเพียงว่าถ้าประสงค์จะเก็บรังนกที่ผูกขาดก็เข้าเก็บเอาได้ไม่ต้องมีการหวงห้ามเหมือนบุคคลผู้ไม่ได้รับอนุญาต แต่ อ.จะมีกรรมสิทธิ์ได้ในรังนกนั้นจะต้องมีการเข้ายึดถือเอาอีกชั้นหนึ่งก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1318เมื่อมีบุคคลอื่นเข้าไปเก็บรังนกจำนวน0.5กิโลกรัมโดยที่อ.ยังมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรังนกดังกล่าวการเก็บรังนกนั้นจึงยังไม่เป็นการลักทรัพย์ของ อ.จำเลยเป็นผู้ครอบครองรังนกนั้นก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจร เพราะรังนกไม่ใช่ทรัพย์ที่ถูกลักมา จึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร เมื่อเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รังนกในถ้ำ: การยึดถือและฐานความผิดลักทรัพย์-รับของโจร
รังนกในถ้ำตามเกาะเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ แต่บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยเข้ายึดถือเอา การที่ อ. ได้รับอนุญาตให้เก็บรังนกได้อันเป็นการได้รับผูกขาดจากรัฐบาลนั้นอ.ผู้รับผูกขาดมีสิทธิเพียงว่าถ้าประสงค์จะเก็บรังนกในถ้ำที่ผูกขาดก็เข้าเก็บเอาได้ ไม่ต้องมีการหวงห้ามเหมือนบุคคลผู้ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะมีกรรมสิทธิ์ได้ในรังนกนั้นยังจะต้องมีการเข้ายึดถือเอาอีกชั้นหนึ่งก่อนเมื่อผู้ที่เก็บรังนกรายนี้ไม่ใช่ลูกจ้างของอ.และอ.ยังมิได้เข้ายึดถือเอารังนกนั้นตามบทบัญญัติมาตรา 1318 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อ. จึงยังมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรังนกรายนี้การเก็บรังนกดังกล่าวไปจึงไม่เป็นการลักทรัพย์ของอ.และเมื่อรังนกไม่ใช่ทรัพย์ที่ถูกลักมาจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา เมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่เป็นความผิดศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยทั้งสามได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2129/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจร แม้ฟ้องในความผิดฐานปล้นทรัพย์ ศาลลงโทษได้หากข้อเท็จจริงสนับสนุน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในข้อหาความผิดฐานปล้นทรัพย์แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณากลับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2กระทำความผิดฐานรับของโจร ดังนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม บัญญัติว่า ข้อแตกต่างดังกล่าวเป็นข้อแตกต่างในรายละเอียดมิให้ถือว่าแตกต่างในข้อสาระสำคัญ ทั้งมิให้ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำขอ หรือเป็นข้อหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่ได้หลงข้อต่อสู้ จึงชอบที่ศาลจะลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานรับของโจรได้ ส่วนการที่พนักงานสอบสวน มิได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนจำเลยที่ 2 ในข้อหาฐานรับของโจรเป็นเรื่องที่กฎหมายห้ามมิให้พนักงานอัยการนำคดีในข้อหาดังกล่าวมาฟ้องต่อศาลเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลในคดีความผิดต่อเนื่อง: ลักทรัพย์และรับของโจร
เมื่อการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์เกิดที่อำเภอไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรี แม้ความผิดฐานรับของโจรจะเกิดที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ก็เป็นความผิดที่ได้กระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยคจึงมีอำนาจสอบสวนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในข้อหารับของโจรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 และเมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยค ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดกาญจนบุรีโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวกัน-สิทธิฟ้องระงับ: การแยกฟ้องคดีรับของโจรเมื่อจำเลยรับทรัพย์ในคราวเดียวกัน
โจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นสองคดี เพราะทรัพย์แต่ละคดีถูกลักคนละตอนกัน เมื่อได้ความว่าจำเลยรับทรัพย์ในทั้งสองคดีนั้นไว้ในคราวเดียวกัน และศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยฐานรับของโจรในคดีหนึ่งแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) เพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4901/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อทรัพย์โดยสุจริต ไม่รู้ว่าเป็นของโจร ไม่มีความผิดฐานรับของโจร
การที่จำเลยซื้อกล้องถ่ายรูปจาก ส.ซึ่งเป็นช่างถ่ายรูปนอกสถานที่สะพายกล้องถ่ายรูปมาที่ร้านอาหารของพี่สาวจำเลยบ่อย ๆ ในราคาพอสมควรตามสภาพของกล้อง ไม่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดมากนัก และเป็นการซื้อขายโดยเปิดเผยที่ร้านอาหาร มิได้ปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด เมื่อซื้อมาแล้วจำเลยก็นำมาใช้โดยเปิดเผยและให้ญาติพี่น้องยืมไปใช้ พฤติการณ์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าจำเลยซื้อกล้องถ่ายรูปมาจากนาย ส.ด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยสุจริตและโดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4901/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อทรัพย์สินจากบุคคลภายนอกโดยสุจริต ไม่รู้ว่าเป็นของโจร ไม่มีความผิดฐานรับของโจร
การที่จำเลยซื้อกล้องถ่ายรูปจาก ส. ซึ่งเป็นช่างถ่ายรูปนอกสถานที่สะพาย กล้องถ่ายรูปมาที่ร้านอาหารของพี่สาวจำเลยบ่อย ๆ ในราคาพอสมควรตามสภาพของกล้องไม่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดมากนัก และเป็นการซื้อขายโดยเปิดเผยที่ร้านอาหาร มิได้ปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใดเมื่อซื้อมาแล้วจำเลยก็นำมาใช้โดยเปิดเผยและให้ญาติพี่น้อง ยืมไปใช้ พฤติการณ์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าจำเลย ซื้อกล้องถ่ายรูปมาจากนาย ส. ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยสุจริตและโดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: พฤติการณ์น่าสงสัยบ่งชี้ความรู้ว่าทรัพย์สินได้มาจากการลักทรัพย์ แม้ประกอบอาชีพสุจริต ศาลให้รอการลงโทษ
อ. เป็นลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาซ่อมกับจำเลย จำเลยย่อมจะจำได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมาซ่อม และขายชิ้นส่วนเป็นรถของ อ.หรือไม่การที่อ.นำรถจักรยานยนต์มาซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ จำเลยอ้างว่าไม่มีทุนซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนให้แต่เมื่อ อ. บอกขายชิ้นส่วนอะไหล่ จำเลยกลับมีเงินซื้อ ปกติรถจะต้องมีป้ายทะเบียน แต่ขณะที่ อ. เอารถจักรยานยนต์มาให้จำเลยซ่อมและขายชิ้นส่วน กลับไม่ปรากฏว่ามีป้ายทะเบียน ประกอบกับรถจักรยานยนต์ที่ อ.นำมานั้นชิ้นส่วนยังดีอยู่ไม่น่าที่อ.จะถอดขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมานั้น เป็นรถที่ถูกลักมา จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยประกอบอาชีพสุจริตตลอดมา ไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน การกระทำผิดของจำเลยน่าจะเกิดจากความโลภควรรอการลงโทษจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจร: การรับเงินยักยอกรู้แหล่งที่มา, หลายกรรมต่างกัน, และการบังคับคดี
ส. ภรรยาจำเลยมีหน้าที่จำหน่ายสินค้าและรับเงินค่าสินค้าของโจทก์ร่วม ได้รับเงินสดค่าสินค้าจากลูกค้าของโจทก์ร่วมไว้แล้วไม่นำเงินสดที่รับไว้ส่งมอบให้แก่แคชเชียร์ แต่เบียดบังเอาเงินสดนั้นไปเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต จึงเป็นการยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วม บัญชีกระแสรายวันของจำเลยมีรายการหมุนเวียนทางการเงินมากการนำเงินเข้าฝากและถอนเงินจากบัญชีแต่ละรายการมีจำนวนมากกว่ารายได้ตามปกติของจำเลยและส.ส.นำเงินฝากเข้าบัญชีจำเลยช่วงระยะเวลาเดียวกับที่ ส.ยักยอกเงินของโจทก์ร่วมและเมื่อส.นำเงินเข้าฝากแล้ว จำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีใกล้เคียงกับจำนวนเงินที่ ส. นำเข้าฝาก การถอนเงินโดยสั่งจ่ายเช็คบางฉบับจำเลยก็สั่งจ่ายเพื่อชำระค่าที่ดินพร้อมตึกแถวที่จำเลยกับ ส. ไปติดต่อซื้อด้วยกัน โดยที่ดินพร้อมตึกแถวดังกล่าว มีราคาสูงเกินกว่าฐานะและรายได้ตามปกติของจำเลยกับ ส.ที่จะซื้อได้ พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยได้รับเอาเงินฝากนั้นไว้ทุกคราวที่ ส.นำเข้าฝากโดยจำเลยรู้ว่าส. ได้เงินนั้นมาจากการยักยอกโจทก์ร่วม จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร ส. นำเงินเข้าฝากในบัญชีของจำเลยต่างวันเวลากัน จำเลยจึงมีความผิดหลายกรรมต่างกัน ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัดว่าการบังคับคดี ส. ได้เงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมเท่าใด ครบถ้วนแล้วหรือไม่ จะฟังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมหาได้ไม่และหากโจทก์ร่วมบังคับคดี ส.แล้วจะบังคับคดีจำเลยได้อีกเพียงใดนั้นเป็นปัญหาในชั้นบังคับคดี
of 65