พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์หลักฐานการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน: ความสำคัญของลายมือชื่อ, การลงบัญชี และความน่าเชื่อถือของพยาน
พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเงินกู้และเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนเบิกความตอบคำถามค้านและคำถามติงว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยในเรื่องที่จำเลยนำตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทมาขายลดให้โจทก์นั้นเป็นการตกลงกันปากเปล่า และโจทก์ก็ไม่ได้นำเรื่องการขายลดมาลงในสมุดบัญชีเงินสดรายวันในวันที่มีการขายลดแต่เพิ่งจะนำมาลงบัญชีหลังจากนั้นเกือบหนึ่งเดือน ดังนี้ เป็นเรื่องที่คู่กรณีไม่น่าจะตกลงกันเพียงวาจา หากแต่ควรทำเป็นสัญญามีหลักฐานให้ปรากฏด้วยตัวหนังสือเนื่องจากตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทมีจำนวนเงินสูงมากถึงสองล้านบาทเศษ และการที่โจทก์ไม่ได้มีการลงรายการเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในบัญชีเงินสดประจำวันในวันเดียวกัน ก็เป็นข้อพิรุธได้ว่า ได้มีการตกลงกันจริงหรือไม่นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังปรากฏด้วยว่า ลายมือชื่อของผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทซึ่งเป็นภาษาไทย และโจทก์อ้างว่าเป็นลายมือที่แท้จริงของจำเลยนั้นมีลักษณะแตกต่างจากลายมือชื่อภาษาไทยของจำเลยซึ่งทำขึ้นก่อนหน้านี้ประมาณหกปี และจำเลยก็ไม่ได้ลงลายมือชื่อเป็นภาษาไทยมานานแล้ว ในการติดต่อธุรกิจกับโจทก์ จำเลยลงลายมือชื่อเป็นภาษาอังกฤษเสมอมา การที่โจทก์มิได้ตรวจสอบหรือทักท้วงในการที่จำเลยลงลายมือชื่อเป็นภาษาไทยในตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทอันเป็นลายมือชื่อต่างภาษากับลายมือชื่อตัวอย่างของจำเลยที่ให้ไว้กับโจทก์ทั้งที่มูลค่าแห่งหนี้มีจำนวนสูง ดังนี้ พยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีภาระการพิสูจน์จึงยังไม่มีน้ำหนัก ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทไว้กับโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลายมือชื่อในพินัยกรรม: ศาลพิจารณาจากหลักวิชาการและลักษณะลายมือชื่อเพื่อวินิจฉัยความถูกต้องของพินัยกรรม
การที่ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมแล้วลงความเห็นว่า ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือชื่อของส. นั้น เป็นการแสดงความเห็นตามหลักวิชาการ หาได้รับฟังถ้อยคำจากบุคคลใดมากล่าว ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจึงมิใช่พยานบอกเล่าแต่ศาลก็มิได้รับฟังคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักในการวินิจฉัยเสมอไป หากแต่รับฟังประกอบดุลพินิจของศาลเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พิพากษายกฟ้องกรณีพินัยกรรมปลอมและทรัพย์มรดก โดยพิจารณาจากลักษณะลายมือชื่อและอายุของผู้ทำพินัยกรรม
เมื่อปรากฏว่าคำพยานโจทก์หลายปากขัดกันเป็นข้อพิรุธ อีก ทั้งพยานโจทก์ทุกปากล้วนเป็นผู้ใกล้ชิดกับโจทก์ทั้งสิ้น ไม่มี คนใดพอที่จะถือได้ว่าเป็นพยานคนกลางโดยแท้จริง ประกอบกับเมื่อ พิจารณาลายมือชื่อของ บ. ในพินัยกรรมที่โจทก์อ้างเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของ บ. ในเอกสารอื่น ๆ แล้ว จึงเชื่อได้ว่า บ. มิได้ทำพินัยกรรม การยกให้อสังหาริมทรัพย์ จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะสมบูรณ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 525 โจทก์และจำเลยร่วมเป็นทายาทโดยธรรมของ บ. ย่อมมีสิทธิได้ดอกผลตามส่วนของตนที่มีในบ้านพิพาท ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1360วรรคสอง แต่คำฟ้องแย้งของจำเลยร่วมเรียกร้องเอาดอกผลของ บ้านพิพาทจากโจทก์เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวทั้งหมด ศาลจะพิพากษา ให้จำเลยร่วมได้รับแต่ส่วนแบ่งในเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยร่วมควรได้แต่ส่วนแบ่งเท่าใดก็ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่ลงลายมือชื่อไม่ตรงตามตำแหน่งผู้กู้ ยังคงเป็นหลักฐานการกู้ยืมได้
เมื่อจำเลยทั้งสองกู้ยืมเงินโจทก์ไปจริง การที่จำเลยที่ 2ซึ่งในสัญญาตอนต้นระบุว่าเป็นผู้กู้ลงลายมือชื่อในช่องพยานและจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้โดยไม่มีชื่อเป็นผู้กู้ในตอนต้นของสัญญา หาทำให้เอกสารดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคแรกไม่ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดตามข้อความในเอกสารดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นหลักฐานสำคัญ ศาลพิจารณาความสอดคล้องกับลายมือชื่อในเอกสารอื่นประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
ผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อจำเลยมีความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้พิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้ตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในการตรวจพิสูจน์เป็นข้อแพ้ชนะแล้ว แม้ความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่ก็มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องรับฟังตามนั้นเสมอไปเมื่อปรากฏว่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในใบรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องมีลักษณะการเขียนและขนาดของตัวหนังสือคล้ายคลึงกันกับลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในสัญญากู้พิพาท ศาลย่อมฟังว่าจำเลยที่ 2กู้ยืมเงินไปจากโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นหลักฐานสำคัญ ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานประกอบอื่นและดุลพินิจ
ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานมีความเห็นว่าลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารต่าง ๆ กับลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน แต่โจทก์จำเลยไม่ได้ตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะ ความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องฟังตามนั้นเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเห็นผู้เชี่ยวชาญลายมือชื่อไม่ใช่ข้อผูกพันศาล ศาลพิจารณาพยานหลักฐานอื่นประกอบ
แม้ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานจะมีความเห็นว่าลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารต่าง ๆ กับลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกันก็ตาม แต่โจทก์จำเลยไม่ได้ตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องฟังตามนั้นเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ ไม่ต้องระบุคำว่า 'กู้ยืม' โดยชัดเจน หากมีลายมือชื่อผู้ยืมและพยานหลักฐานสนับสนุน
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือนั้นกฎหมายมิได้มีความหมายเคร่งครัดถึงกับว่าจะต้องมีถ้อยคำว่ากู้ยืมอยู่ในหนังสือนั้นไม่เมื่อโจทก์มีหนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งมีใจความว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และจำเลยรับจะชดใช้เงินแก่โจทก์ กับมีลายมือชื่อจำเลยในฐานะลูกหนี้ลงไว้มาแสดง ทั้งมีพยานบุคคลมาสืบประกอบอธิบายถึงมูลหนี้ดังกล่าว ถือได้ว่าหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือตามที่ ป.พ.พ. มาตรา 653 บัญญัติไว้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นสัญญาปลอม และการพิสูจน์ลายมือชื่อในสัญญากู้ยืม
ประเด็นที่ว่า สัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องมีข้อความและลายมือชื่อจำเลยปลอมหรือไม่ ศาลชั้นต้นได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ในวันชี้สองสถานแล้ว การที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยประเด็นนี้จึงไม่ชอบ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ในประเด็นในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยตามป.วิ.พ. 243(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การกู้ยืมเงินจากลายมือชื่อและพยานหลักฐานประกอบอื่น การปิดอากรแสตมป์
ศาลฎีกาเปรียบเทียบลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสัญญากู้กับลายมือชื่อของจำเลยที่เคยลงไว้ในสมุด จ่ายเงินเดือน เงินค่าครองชีพ สมุด รายงาน เงินคงเหลือประจำวัน รวมทั้งจดหมายที่จำเลยอ้างความจำเป็นในการขอกู้ยืมเงินจากโจทก์แล้ว เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน เชื่อ ว่าเป็นลายมือเขียนของบุคคลเดียวกัน โจทก์มีฐานะดีกว่าจำเลย เป็นครูโรงเรียนเดียวกัน ไม่มีเหตุผลใด ที่จะปลอมสัญญากู้ขึ้นมาฟ้องจำเลยด้วยเงินไม่กี่หมื่นบาทอันเป็นการเสี่ยงต่ออาญาบ้านเมืองและถูกไล่ออกจากราชการ ส่วนเอกสารที่จำเลยอ้างว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่แท้จริงก็มีรอยขูดลบแล้วลงลายมือชื่อใหม่ มีลักษณะผิดเพี้ยนอันเป็นการผิดปกติรับฟังไม่ได้ พยานหลักฐานจากโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าเชื่อ ว่าโจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปตามฟ้องจริง สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสียและได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์เพื่อมิให้นำไปใช้ได้อีก แม้ไม่ได้ลงวันเดือนปีไว้ที่อากรแสตมป์ก็ตามถือว่าเป็นการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามป.รัษฎากร มาตรา 103 แล้ว จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้.