พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขาย: การไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และผลกระทบต่อการคืนมัดจำเมื่อมีการขายให้ผู้อื่น
เมื่อโจทก์และจำเลยไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกำหนดในสัญญาจะซื้อจะขายโจทก์จึงไม่อาจอ้างได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้เพราะโจทก์ก็มิได้ชำระหนี้ตอบแทน แต่การที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บุคคลภายนอกย่อมทำให้การชำระหนี้คือการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่โจทก์กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งจำเลยต้องรับผิดชอบ จำเลยจึงต้องคืนมัดจำแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378(3)ทั้งการฟ้องคดีเรียกมัดจำคืนและเรียกค่าเสียหายเท่ากับเป็นการเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 389 อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3676/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนโจทก์-สิทธิในที่ดิน: การยึดครองโดยอาศัยสิทธิในสัญญาจะซื้อจะขายไม่ทำให้ได้สิทธิในที่ดิน
จำเลยมิได้อ้างสัญญา ซื้อขายเอกสารหมายล.1ขึ้นให้การต่อสู้กลับอ้างความเป็นเจ้าของ สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามหนังสือสัญญามัดจำเอกสารหมายจ.6หรือล.11แสดงว่าโจทก์จำเลยยกเลิกสัญญาซื้อขายเอกสารหมายล.1แล้วเพราะมีการตกลงราคาที่ดินพิพาทกันใหม่โจทก์กับจำเลยย่อมผูกพันตาม ข้อตกลงในเอกสารหมายจ.6หรือล.11 โจทก์จำเลยทำสัญญา มัดจำจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกันโดยโจทก์ยอมให้จำเลยเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก่อนในระหว่างที่ยังไม่ได้หนังสือ น.ส.3 จากทางราชการฟังไม่ได้ว่าโจทก์ สละการครอบครองให้แก่จำเลยแล้วการที่จำเลย ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทเป็นการยึดถือ ครอบครองแทนโจทก์แม้นานเท่าไรก็ไม่ได้สิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: ศาลสั่งให้บังคับคดีทั้งสองฝ่ายเมื่อจำเลยยังไม่ได้ไถ่ถอนจำนอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์โดยปลอดจำนองภายใน90วันนับแต่คดีถึงที่สุดและให้โจทก์ชำระเงินให้จำเลยในวันโอนกรรมสิทธิ์แสดงว่าเป็นการบังคับทั้งโจทก์และจำเลยการที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าเมื่อโจทก์ไม่ชำระเงินให้จำเลยภายใน90วันนับแต่คดีถึงที่สุดจำเลยก็ไม่ต้องโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งที่จำเลยยังไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนองได้เท่ากับเป็นการบังคับเอาแก่โจทก์ฝ่ายเดียวจำเลยจึงยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างเพื่อไม่ต้องโอนที่ดินพิพาทหาได้ไม่โจทก์จำเลยจึงมีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีต่อกันได้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3457/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมนำทรัพย์มรดกไปทำสัญญาจะซื้อจะขายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่น สัญญาผูกพันเฉพาะผู้ทำสัญญา
โจทก์กับ ร. กับทายาทคนอื่นเป็นเจ้าของรวมในที่ดินทรัพย์-มรดกของ ส. เมื่อมรดกของ ส. ยังมิได้แบ่งแยกระหว่างทายาท ร.จะนำที่ดินทรัพย์มรดกไปทำสัญญาจะซื้อจะขายให้จำเลยทั้งแปลงโดยทายาทคนอื่นซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมิได้ยินยอมด้วยถือว่าทำไปโดยไม่มีสิทธิคงผูกพันเฉพาะ ร.เท่านั้น
เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลผูกพัน ร. จำเลยก็มีสิทธิเพียงเรียกร้องบังคับเหนือ ร.ในฐานะคู่สัญญาได้เท่านั้น การที่โจทก์ซึ่งมิได้รู้เห็นยินยอมในการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือมอบโฉนดพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้ขอให้จำเลยส่งโฉนดเพื่อที่โจทก์จะนำไปแบ่งแยกเป็นชื่อของโจทก์และทายาทคนอื่นในฐานะผู้มีสิทธิรับมรดก จึงเป็นสิทธิอันชอบของโจทก์ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดพิพาทไว้ ต้องคืนให้แก่โจทก์
เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลผูกพัน ร. จำเลยก็มีสิทธิเพียงเรียกร้องบังคับเหนือ ร.ในฐานะคู่สัญญาได้เท่านั้น การที่โจทก์ซึ่งมิได้รู้เห็นยินยอมในการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือมอบโฉนดพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้ขอให้จำเลยส่งโฉนดเพื่อที่โจทก์จะนำไปแบ่งแยกเป็นชื่อของโจทก์และทายาทคนอื่นในฐานะผู้มีสิทธิรับมรดก จึงเป็นสิทธิอันชอบของโจทก์ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดพิพาทไว้ ต้องคืนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3457/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมรดกโดยทายาทคนเดียวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาทอื่น สัญญาไม่ผูกพันทายาทอื่น และจำเลยต้องคืนโฉนด
เมื่อส. ถึงแก่กรรมที่ดินของส. เป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่บุตรซึ่งเป็นทายาทของส. ทุกคนโจทก์กับร. กับทายาทคนอื่นรวม7คนจึงเป็นเจ้าของรวมในที่ดินทรัพย์มรดกเมื่อมรดกของส. ยังมิได้แบ่งปันระหว่างทายาทร. ทายาทคนหนึ่งจะนำที่ดินทรัพย์มรดกไปทำสัญญาจะซื้อจะขายให้จำเลยทั้งแปลงโดยทายาทคนอื่นซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมิได้ยินยอมด้วยก็ถือว่าทำไปโดยไม่มีสิทธิคงผูกพันเฉพาะร. เท่านั้นแม้สัญญาจะซื้อจะขายจะมีผลผูกพันร. จำเลยก็มีสิทธิเพียงเรียกร้องบังคับเหนือร. ในฐานะคู่สัญญาได้เท่านั้นเมื่อโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมในการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือมอบโฉนดที่ดินให้จำเลยยึดถือไว้ขอให้จำเลยส่งโฉนดเพื่อที่โจทก์จะนำไปแบ่งแยกเป็นชื่อของโจทก์และทายาทคนอื่นในฐานะผู้มีสิทธิรับมรดกจึงเป็นสิทธิอันชอบของโจทก์จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินไว้ต้องคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขาย: สิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับและหน้าที่ชำระราคาที่ดินเมื่อมีการบังคับสัญญา
ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมายจ.2ข้อ3มีข้อความว่าถ้าผู้จะขายผิดสัญญาผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อฟ้องบังคับให้เป็นไปตามสัญญาและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อจำนวน30,000บาทเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ผิดสัญญาแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทและกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับเบี้ยปรับตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา แม้คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสองมิได้ขอชำระราคาที่ดินให้จำเลยทั้งสองแต่การซื้อขายที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทนต่างฝ่ายก็มีหน้าที่ชำระหนี้ต่อกันเมื่อศาลอุทธรณ์บังคับให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองก็มีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าที่ดินพิพาทให้จำเลยทั้งสองที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ชำระค่าที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือแก่จำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้วไม่เป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3133/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ขัดต่อข้อห้ามโอน: สัญญาจะซื้อจะขายโมฆะ
จำเลยที่1ได้สละการครอบครองและส่งมอบการครอบครองที่พิพาทซึ่งมี ข้อกำหนดห้ามโอนภายในสิบปีให้โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์และโจทก์ได้ชำระราคาค่าที่พิพาทให้แก่จำเลยที่1แล้วจึงได้มาทำสัญญาจะซื้อขายกันในภายหลังแม้จะกำหนดให้ไปจดทะเบียนโอนที่พิพาทกันเมื่อพ้นระยะเวลาห้ามโอนก็ถือไม่ได้ว่าระยะเวลาดังกล่าวเป็น เงื่อนเวลาไปจดทะเบียนการโอนฟังไม่ได้ว่าสัญญาที่ทำกันไว้เป็น สัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาดังกล่าวย่อมมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายตกเป็น โมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา150โจทก์จึง ไม่มี อำนาจฟ้องขอให้จำเลยที่1โอนที่พิพาทแม้จะพ้นกำหนดเวลาห้ามโอนแล้วก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายเนื่องจากไม่ชำระค่างวดและการคืนเงินมัดจำ
การที่โจทก์ไม่ชำระค่างวดรายเดือนตามสัญญาจะซื้อจะขายอาคารพาณิชย์แก่จำเลยติดต่อกันมาเป็นเวลา 8 เดือนซึ่งจำเลยไม่ถือเป็นข้อผิดสัญญา สัญญาจะซื้อจะขายยังมีผลผูกพันกันอยู่ โจทก์มิได้ผิดสัญญาเมื่อหนังสือแจ้งให้โจทก์ ชำระเงินค่างวดที่ค้างมีข้อความว่า มิฉะนั้นทางบริษัทจะถือว่า ท่านสละสิทธิในการจองซื้อ จึงเป็นข้อความที่จำเลยแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์ โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าโจทก์ไม่ชำระค่างวดที่ค้างภายในกำหนด หรือไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้จำเลยทราบเมื่อเป็นเช่นนี้การที่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลย และให้จำเลยคืนเงินมัดจำย่อมมีสิทธิทำได้ และกรณีเป็นเรื่อง ต่างฝ่ายต่างยอมเลิกสัญญาต่อกันโดยไม่มีฝ่ายใดผิดสัญญา โจทก์และจำเลยต่างต้องคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 จำเลยต้อง คืนเงินมัดจำแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายเนื่องจากไม่ชำระค่างวด และสิทธิในการคืนเงินมัดจำ
การที่โจทก์ไม่ชำระค่างวดรายเดือนตามสัญญาจะซื้อจะขายอาคารพาณิชย์แก่จำเลยติดต่อกันมาเป็นเวลา8เดือนซึ่งจำเลยไม่ถือเป็นข้อผิดสัญญาสัญญาจะซื้อจะขายยังมีผลผูกพันกันอยู่โจทก์มิได้ผิดสัญญาเมื่อหนังสือแจ้งให้โจทก์ชำระเงินค่างวดที่ค้างมีข้อความว่ามิฉะนั้นทางบริษัทจะถือว่าท่านสละสิทธิในการจองซื้อจึงเป็นข้อความที่จำเลยแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าโจทก์ไม่ชำระค่างวดที่ค้างภายในกำหนดหรือไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้จำเลยทราบเมื่อเป็นเช่นนี้การที่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยและให้จำเลยคืนเงินมัดจำย่อมมีสิทธิทำได้และกรณีเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างยอมเลิกสัญญาต่อกันโดยไม่มีฝ่ายใดผิดสัญญาโจทก์และจำเลยต่างต้องคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391จำเลยต้องคืนเงินมัดจำแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบราคาซื้อขายที่ดินที่แท้จริงได้ แม้มีสัญญาจะซื้อจะขายระบุราคาไว้แล้ว ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ห้ามคู่ความนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเฉพาะเมื่อมีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้น แต่ข้อตกลงจะซื้อจะขายที่ดินโดยมีการวางมัดจำไว้บางส่วนแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลบังคับคดีกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคสอง โดยไม่ต้องการหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ข้อตกลงจะซื้อจะขายดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธินำสืบถึงราคาที่จะซื้อจะขายที่ดินกันตามความเป็นจริงได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94