พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาซื้อขาย ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์มีเจตนาจะขายที่พิพาทให้แก่จำเลยเพียงครึ่งหนึ่งแต่ลงลายมือชื่อทำนิติกรรมขายที่พิพาททั้งแปลงให้แก่จำเลย การทำนิติกรรมดังกล่าวเกิดจากความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาซื้อขายที่พิพาทจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 โจทก์มีสิทธิยกขึ้นกล่าวอ้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2503/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดินโดยอาศัยการครอบครองเป็นส่วนสัดและการสำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรม
เหตุที่จำเลยทำบันทึกข้อตกลงเรื่องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมโดยกำหนดส่วนของที่ดินด้วย และทำบันทึกให้จดทะเบียนบรรยายส่วนกรรมสิทธิ์ในโฉนดเกิดจากการกระทำของโจทก์และ ว. โดยจำเลยสำคัญผิดในข้อสารสำคัญแห่งนิติกรรมว่าแบ่งตามที่ครอบครองเป็นส่วนสัด จึงตกเป็นโมฆะไม่อาจแบ่งที่ดินให้โจทก์ตามที่ได้จดทะเบียนบรรยายส่วนกรรมสิทธิ์ที่ดินไว้ เมื่อโจทก์จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมต่างครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของเป็นส่วนสัด จึงต้องแบ่งที่พิพาทตามส่วนดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจองเช่าโมฆียะจากความสำคัญผิดและฉ้อฉล การคืนเงินมัดจำเมื่อบอกเลิกสัญญา
โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่า จำเลยประกาศโฆษณาจะทำการก่อสร้างตลาดและตึกแถวให้ประชาชนเช่า โจทก์จึงไปจองเช่าตึกแถวบริเวณรอบนอกตลาดกับจำเลย ต่อมาจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะก่อสร้างตึกแถวขึ้นอีกแถวหนึ่งภายในบริเวณตลาดซึ่งบังหน้าตึกแถวที่โจทก์จองเช่าไว้ ทำให้ทำเลการค้าของโจทก์เสียไป โจทก์ขอเลิกสัญญากับจำเลย และขอเรียกเงินมัดจำคืนไม่มีประเด็นเรื่องสัญญาจองเช่าตึกแถวเป็นโมฆียะด้วยหรือไม่แต่อย่างใดการที่ศาลอุทธรณ์ยกประเด็นขึ้นวินิจฉัยว่า โจทก์สำคัญผิดในคุณสมบัติแห่งทรัพย์ และจำเลยฉ้อฉลโจทก์ สัญญาจองเช่าตึกแถวระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆียะ โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยสำคัญผิด, ฟ้องซ้ำ, อายุความ และสิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คดีก่อนโจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและได้ใช้หนี้แทนจำเลยไป แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลย โดยสำคัญผิดว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระแทน โดยอาศัยหลักลาภมิควรได้ ซึ่งเป็นการอาศัยเหตุต่างกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปี จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปี จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ, อายุความ, และการชำระหนี้โดยสำคัญผิด: สิทธิไล่เบี้ยตามลาภมิควรได้
คดีก่อนโจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและได้ใช้หนี้แทนจำเลยไป แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยโดยสำคัญผิดว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระแทนโดยอาศัยหลักลาภมิควรได้ ซึ่งเป็นการอาศัยเหตุต่างกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปีจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปีจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาเช่าซื้อ: สัญญาเป็นโมฆะ, ไม่เกิดผลผูกพัน
โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 หลักฐานข้อตกลงตามหนังสือโอนการเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ และมิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุคคลภายนอก ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อได้ ดังนั้น การทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในลักษณะของรถยนต์ที่เช่าซื้อ ศาลตัดสินสัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 หลักฐานข้อตกลงตามหนังสือโอนการเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้และมิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุคคลภายนอก ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อได้ ดังนั้น การทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน การป้องกันเกินกว่าเหตุ และการลดโทษจากประวัติผู้กระทำ
จำเลยเป็นกำนันยิงผู้ตาย 3 นัด เพราะสำคัญผิดว่าผู้ตายจะยิงจำเลย เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ ศาลลดโทษและลงโทษตาม มาตรา 288,69 ได้ จำเลยมีประวัติดีเด่นในหน้าที่ราชการ ศาลจำคุก 2 ปี รอการลงโทษไว้ 5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสัญญาประนีประนอม และการขยายเวลาการยื่นฎีกา
โจทก์ลงลายมือชื่อในบันทึกข้อตกลงประนีประนอมยอมความโดยสำคัญผิดว่าเป็นการรับทราบพินัยกรรม ข้อตกลงเป็นโมฆะ
จำเลยฎีกาภายในกำหนดอายุฎีกา แต่มีเงินค่าธรรมเนียมไม่พอศาลชั้นต้นสั่งขยายเวลาให้เกิน 1 เดือนออกไป เมื่อจำเลยวางเงินแล้วจึงสั่งรับฎีกา ดังนี้ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาภายในกำหนดอายุฎีกา แต่มีเงินค่าธรรมเนียมไม่พอศาลชั้นต้นสั่งขยายเวลาให้เกิน 1 เดือนออกไป เมื่อจำเลยวางเงินแล้วจึงสั่งรับฎีกา ดังนี้ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1405/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยสำคัญผิดในตัววัตถุ และอำนาจทนายความของมูลนิธิ
จำเลยรับโอนโฉนดที่ดินที่ 5399 โดยต่างสำคัญผิดว่าเป็นที่ดินโฉนดที่ 5415 ที่ครอบครองอยู่ จำเลยอ้างเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 5399 ไม่ได้
มูลนิธิเป็นโจทก์ โดยผู้จัดการมูลนิธิลงลายมือชื่อตั้งทนายความผู้จัดการตาย ทนายความว่าความต่อไปได้เพราะเป็นทนายความของมูลนิธิ ไม่ใช่ของผู้จัดการมูลนิธิที่ตาย
มูลนิธิเป็นโจทก์ โดยผู้จัดการมูลนิธิลงลายมือชื่อตั้งทนายความผู้จัดการตาย ทนายความว่าความต่อไปได้เพราะเป็นทนายความของมูลนิธิ ไม่ใช่ของผู้จัดการมูลนิธิที่ตาย