พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมในนิติกรรม: หน้าที่การนำสืบและข้อจำกัดการอ้างหลักฐานหนังสือ
ตามฟ้องของโจทก์ตั้งประเด็นมาว่าภรรยาโจทก์ไปทำสัญญาประนีประนอมกับจำเลยโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รู้เห็นยินยอมด้วยแล้วข้อโตเถียงกันเช่นนี้หน้าที่นำสืบต้องตกอยู่แก่จำเลยต้องนำสืบว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอม
ในเรื่องการยินยอมของโจทก์ มิได้มีหนังสือใช้ไม่ได้ตาม ม.1476 เมื่อโจทก์มิได้ยกประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นต้น โจทก์เพิ่งมายกปัญหาข้อนี้โต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้.
ในเรื่องการยินยอมของโจทก์ มิได้มีหนังสือใช้ไม่ได้ตาม ม.1476 เมื่อโจทก์มิได้ยกประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นต้น โจทก์เพิ่งมายกปัญหาข้อนี้โต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมในสัญญาประนีประนอม: หน้าที่การนำสืบและประเด็นการโต้เถียงที่ต้องยกขึ้นตั้งแต่ชั้นต้น
ตามฟ้องของโจทก์ตั้งประเด็นมาว่าภรรยาโจทก์ไปทำสัญญาประนีประนอมกับจำเลยโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รู้เห็นยินยอมด้วยแล้วข้อโต้เถียงกันเช่นนี้หน้าที่นำสืบต้องตกอยู่แก่จำเลยต้องนำสืบว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอม
ในเรื่องการยินยอมของโจทก์มิได้มีหนังสือใช้ไม่ได้ตามมาตรา1476เมื่อโจทก์มิได้ยกเป็นประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นต้น โจทก์เพิ่งมายกปัญหาข้อนี้โต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ในเรื่องการยินยอมของโจทก์มิได้มีหนังสือใช้ไม่ได้ตามมาตรา1476เมื่อโจทก์มิได้ยกเป็นประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นต้น โจทก์เพิ่งมายกปัญหาข้อนี้โต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและหน้าที่นำสืบ: การที่จำเลยไม่ให้การตัดฟ้องและไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงในฟ้องทำให้ไม่มีประเด็นต้องสืบ
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้ายคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย" เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้นๆเช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็น และมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่า โจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและหน้าที่การนำสืบพยาน: ประเด็นการยืมเงินและการปฏิเสธข้อกล่าวหา
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้ายคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย" เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้นๆเช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็น และมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่า โจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบของจำเลยเมื่ออ้างการเช่ารถเพื่อปฏิเสธความรับผิดในฐานนายจ้าง
คดีที่โจทก์ฟ้องฐานละเมิดว่าจำเลย ที่ 2 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาททำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่1 ต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่ารถของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้าง เมื่อโจทก์สืบพยานว่า จำเลย ที่ 2 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 เป็น หน้าที่จำเลยที่ 1 ผู้จ้างจะต้องนำสืบให้ชัดเจนว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์: ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบการครอบครองเมื่อถูกโต้แย้งสิทธิ
ผู้ร้องขัดทรัพย์ย่อมมีฐานะเป็นโจทก์ในคดีชั้นขัดทรัพย์ ส่วนโจทก์เดิมอยู่ในฐานะผู้คัดค้าน
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่านาที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องได้สละสิทธิยกให้จำเลยแล้ว เช่นนี้เท่ากับว่าโจทก์ปฏิเสธว่านาไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าข้อเท็จจริงยังโต้เถียงกันอยู่ว่าใครเป็นผู้ครอบครอง หน้าที่นำสืบจึงตกแก่ผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องไม่สืบพยานก็ต้องแพ้คดี
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่านาที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องได้สละสิทธิยกให้จำเลยแล้ว เช่นนี้เท่ากับว่าโจทก์ปฏิเสธว่านาไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าข้อเท็จจริงยังโต้เถียงกันอยู่ว่าใครเป็นผู้ครอบครอง หน้าที่นำสืบจึงตกแก่ผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องไม่สืบพยานก็ต้องแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการสืบพยานและการพิจารณาคำร้องแก้ไขฟ้อง: ศาลต้องพิจารณาก่อนพิพากษา
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยต่อสู้ว่าเป็นคนไทย ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์โต้แย้งแถลงว่า ประเด็นตกหน้าที่จำเลยนำสืบก่อน ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบก่อน โจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบ และจะสืบต่อเมื่อจำเลยนำสืบพยานเรียบร้อยแล้ว และก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องศาลชั้นต้นสั่งเพียงว่า "รวม" ดังนี้หาควรที่จะพิพากษาคดีเสียก่อนไม่ศาลควรสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเสียก่อน แล้วสั่งเรื่องหน้าที่นำสืบต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการนำสืบพยานและผลกระทบต่อการพิจารณาคดี: การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องต้องทำก่อนพิพากษา
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคนไทยครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์โต้แย้งแถลงว่า ประเด็นตกหน้าที่จำเลยนำสืบก่อนขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบก่อน โจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบ และจะสืบต่อเมื่อจำเลยนำสืบพยานเรียบร้อยแล้ว และก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องศาลชั้นต้นสั่งเพียงว่า 'รวม' ดังนี้หาควรที่จะพิพากษาคดีเสียก่อนไม่ศาลควรสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเสียก่อน แล้วสั่งเรื่องหน้าที่นำสืบต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานในคดีมรดก: ผู้โต้แย้งความเป็นมรดกมีหน้าที่นำสืบ
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจำเลยให้การต่อสู้ว่า เจ้ามรดกยกให้จำเลยตั้งแต่ก่อนตาย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ยอมรับว่า ทรัพย์ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดก เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์ที่พิพาทและโต้เถียงสิทธิอยู่เช่นนี้ ก็เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นว่า ทรัพย์ที่พิพาทเป็นมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบเมื่อจำเลยโต้แย้งสิทธิในทรัพย์มรดก โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าเป็นมรดก
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดก จำเลยให้การต่อสู้ว่าเจ้ามรดกยกให้จำเลยตั้งแต่ก่อนตาย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ยอมรับว่า ทรัพย์ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดก เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์ที่พิพาทและโต้เถียงสิทธิอยู่เช่นนี้ ก็เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นว่า ทรัพย์ที่พิพาทเป็นมรดก