คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หมิ่นประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความต่อศาลเพื่อสนับสนุนคดีของตน ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท หากเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้อนุบาล
จำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนโจทก์ออกจากเป็นผู้อนุบาลของ จ.ผู้ไร้ความสามารถและตั้งจำเลยเป็นผู้อนุบาลแทน โดยบรรยายฟ้องว่าโจทก์เล่นการพนันไม่เหมาะที่จะเป็นผู้อนุบาลของ จ. คดีดังกล่าวจึงมีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าโจทก์หรือจำเลยควรเป็นผู้อนุบาลของจ. ดังนั้น การที่จำเลยเบิกความว่าบ้านของโจทก์ตั้งเป็นบ่อนการพนัน ก็เพื่อสนับสนุนคดีของจำเลยว่าโจทก์ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้อนุบาล ถือได้ว่าเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดีของตนไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 331

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความในคดีแพ่งเพื่อสนับสนุนข้ออ้างทางคดี ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยบรรยายฟ้องในคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยขอให้เพิกถอนโจทก์จากการเป็นผู้อนุบาลของ จ. และตั้งจำเลยเป็นผู้อนุบาลแทนว่าโจทก์เล่นการพนัน ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้อนุบาลจ. แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะมิได้ตั้งประเด็นเรื่องคุณสมบัติของโจทก์ไว้โดยตรง แต่ก็มีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าโจทก์หรือจำเลยควรจะเป็นผู้อนุบาลของ จ. การที่จำเลยเบิกความว่า บ้านของโจทก์ตั้งเป็นบ่อนการพนันก็เพื่อสนับสนุนคดีของจำเลยในข้อที่ว่าจำเลยเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้อนุบาลของ จ. ส่วนโจทก์ไม่เหมาะสม ถือได้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 331

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทจากการโฆษณา: การใส่ความให้เสียชื่อเสียงทางการเงินและความน่าเชื่อถือ
เมื่ออ่านข้อความที่ลงพิมพ์โฆษณาโดยตลอดแล้ว ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ทั้งสองมีฐานะทางการเงินไม่น่าไว้วางใจปราศจากความน่าเชื่อถือ โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ใช้วิธีการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการเป็นประการที่น่าจะทำให้โจทก์ทั้งสองเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป มิใช่เป็นการเขียนข่าวหรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตใจด้วยความเป็นธรรม จึงเป็นการใส่ความโจทก์ทั้งสองโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ในความผิดฐานหมิ่นประมาทเมื่อจำเลยมีความผิดตามมาตรา 328 แล้วไม่จำต้องยกมาตรา 326 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: ข้อความสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ ถือเป็นความผิด แม้ผู้กระทำจะอ้างการแสดงความคิดเห็น
ข้อความที่ลงพิมพ์โฆษณามีหัวข้อข่าวว่า "โรงแรมพ่นพิษใส่บีโอไอถ่วงวางเงินค้ำประกัน"และมีเนื้อข่าวว่า"กลุ่มแอมเทลของนายชวลิตทั่งสัมพันธ์ (คือโจทก์ที่ 2) ใช้วิธีหน่วงจ่ายโรงแรมที่อนุมัติรุ่นเดียวกับโรงแรมเอราวัณมีอีก 3 แห่ง แต่เป็นเจ้าของเดียวกันคือ นายชวลิตทั่งสัมพันธ์ เจ้าของเครือโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซึ่งครบกำหนดวางเงินค้ำประกันเช่นกันแต่ไม่มีการวางเงิน เพราะก่อนหน้านี้ บีโอไอ แจ้งมติส่งเสริมการลงทุนพร้อมเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ไปให้กำหนดให้ตอบรับหรือไม่รับมติใน1 เดือน แต่ช่วงนั้นนายชวลิตทำเรื่องมายังบีโอไอ ขอเพิ่มสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้ตามช่องของกฎระเบียบ บีโอไอ ที่เปิดไว้กรณีผู้รับส่งเสริมไม่พอใจสิทธิประโยชน์ สามารถเสนอขอแก้ไขส่วนจะได้หรือไม่อยู่ที่ บีโอไอตัดสินดังนั้นบีโอไอจึงเตรียมออกหนังสือแจ้งให้นายชวลิตทราบมติ ถ้ารับได้ต้องวางเงินประกันใน 60 วัน คราวนี้ไม่มาอีกจะตัดสิทธิทันที "ข้อความดังกล่าวเมื่ออ่านโดยตลอดแล้วย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ทั้งสองมีฐานะทางการเงินไม่น่าไว้วางใจ ปราศจากความน่าเชื่อถือ โจทก์ที่ 2เป็นผู้ที่ใช้วิธีการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการ ในขณะที่ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนรายอื่นได้ปฏิบัติแล้ว เป็นประการที่น่าจะทำให้โจทก์ทั้งสองเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จากประชาชนโดยทั่วไป ทั้งมิใช่เป็นการเขียนข่าวหรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตใจด้วยความเป็นธรรม เมื่อจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ก็ไม่ต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 326 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าจากเหตุหมิ่นประมาท/เหยียดหยามจากแจ้งความ/ฟ้องคดีอาญา ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการใช้สิทธิเพื่อปกป้องทรัพย์สิน
การที่โจทก์ขายรถยนต์สินสมรสให้แก่บุคคลอื่นโดยที่จำเลยไม่ทราบและได้ระบุในบันทึกคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ว่าโจทก์เป็นโสด มีเหตุให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์ขายรถยนต์สินสมรสเพื่อประโยชน์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียว จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จำเลยย่อมมีสิทธิรักษาประโยชน์ของตนเองได้ ดังนั้นการแจ้งความของจำเลยต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโจทก์ฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จึงเป็นการใช้สิทธิตามที่มีกฎหมายให้อำนาจเพื่อปกป้องและรักษาประโยชน์ในทรัพย์สินของตนตามปกติ จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรงที่จะถือว่าเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(3) การที่จำเลยฟ้องโจทก์และ พ. เป็นจำเลยในคดีอาญาข้อหาร่วมกันแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จนั้น สืบเนื่องมาจากเหตุที่ได้มีการฟ้องคดีแพ่งและมีการนำยึดที่ดินพร้อมบ้านที่ปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าว ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และจำเลยร่วมกัน และจำเลยก็มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยมีพฤติการณ์ที่ทำให้จำเลยเข้าใจว่าหนี้สินระหว่างโจทก์และ พ. เป็นหนี้สมยอมกันเพื่อกลั่นแกล้งจำเลย การฟ้องคดีอาญาดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่า มีสิทธิกระทำได้ เพื่อป้องกันส่วนได้เสียและป้องกันทรัพย์สินที่จำเลยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ จึงหาใช่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรงอันจะเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(3) ไม่เช่นเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าจากเหตุหมิ่นประมาท/เหยียดหยาม ต้องพิจารณาเหตุผลในการแจ้งความ/ฟ้องร้อง หากมีเหตุผลสมควร ศาลไม่ถือเป็นเหตุหย่า
โจทก์ขายรถยนต์สินสมรสให้แก่บุคคลอื่นโดยที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาไม่ทราบ และได้ระบุในบันทึกคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ว่า โจทก์เป็นโสด มีเหตุให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์ขายรถยนต์เพื่อประโยชน์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวการที่โจทก์แจ้งว่าเป็นโสดเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จำเลยย่อมมีสิทธิรักษาประโยชน์ของตนเองได้ การที่จำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาว่าโจทก์แจ้งความต่อนายทะเบียนยานพาหนะอันเป็นเท็จดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิตามที่มีกฎหมายให้อำนาจเพื่อปกปักและรักษาประโยชน์ในทรัพย์สินของตนตามปกติ จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรงที่จะถือว่าเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(3) จำเลยเข้าใจว่าเหตุที่ทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยถูกยึดในคดีที่ พ.ฟ้องโจทก์ให้ชำระเงินตามเช็คเป็นผลมาจากการกลั่นแกล้งของโจทก์โดยความร่วมมือของ พ.ซึ่งไม่มีหนี้สินต่อกัน ที่จำเลยฟ้องคดีอาญากล่าวหาโจทก์และ พ.ว่าร่วมกันแสดงพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวอันเป็นเท็จ จึงเป็นการกระทำที่จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิกระทำได้เพื่อป้องกันส่วนได้เสียและปกป้องทรัพย์สินที่จำเลยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความและฟ้องคดีอาญาไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามร้ายแรงจนเป็นเหตุหย่าได้
การแจ้งความของจำเลยเป็นการใช้สิทธิตามที่กฎหมายให้อำนาจส่วนผลของการแจ้งความจะเป็นประการใดเป็นอีกส่วนหนึ่ง การแจ้งความของจำเลยจึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง อันจะถือเป็นเหตุหย่าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(3) กรณีที่จำเลยฟ้องคดีอาญากล่าวหาโจทก์และ พ. ร่วมกันแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จนั้น จำเลยกระทำการโดยสุจริตโดยเข้าใจว่าตนมีสิทธิที่จะกระทำได้หาใช่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุหย่าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(3) ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุรายละเอียดให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ชัดเจน
ฟ้องโจทก์กล่าวโดยสรุปว่า โจทก์เป็นหญิงสาว มีอาชีพรับราชการถูกจำเลยใส่ความต่อหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอว่า มี พฤติการณ์ทำนองชู้สาวกับ ส.อาจารย์ใหญ่โรงเรียนโดยส. มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว คำฟ้องของโจทก์จึงมีความหมาย ที่เข้าใจได้ ว่าโจทก์เป็นคนมีความประพฤติไม่ดี มีความสัมพันธ์ ทางชู้สาวกับสามีของหญิงอื่น อาจทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูก ดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์ ในทำนองชู้สาวว่ามีอย่างไร ชอบที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ได้กล่าวถึงถ้อยคำพูด หนังสือ อันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทไว้โดยบริบูรณ์พอที่จะ ให้จำเลยเข้าใจ ข้อหาได้ดี เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องหมิ่นประมาทต้องกล่าวถึงถ้อยคำที่ทำให้เกิดความเสียหายชัดเจน แม้รายละเอียดการกระทำจะนำสืบในชั้นพิจารณาได้
คำฟ้องของโจทก์บรรยายถึงการกระทำของจำเลยว่าจำเลยได้กล่าวและเขียนคำร้องทุกข์ใส่ความโจทก์ต่อหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอว่าโจทก์มีพฤติการณ์ในทำนองชู้สาวกับ ส. อาจารย์ใหญ่ โดยเจตนาจะให้โจทก์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชังและต้องได้รับโทษทางวินัยเพราะ ส. มีภริยาชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว คำฟ้องของโจทก์มีความหมายที่เข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นคนมีความประพฤติไม่ดี มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับสามีของหญิงอื่นส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์ในทำนองชู้สาวว่ามีอย่างไรนั้น ชอบที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา จึงเป็นคำฟ้องที่ได้กล่าวถึงถ้อยคำพูดหนังสือ อันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทไว้โดยบริบูรณ์ พอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทมารดาถือเป็นการประพฤติเนรคุณ โจทก์มีสิทธิเรียกคืนทรัพย์สินที่ยกให้ได้
โจทก์ยกที่ดินให้จำเลย และให้จำเลยยืมเงินอีกจำนวนหนึ่ง ต่อมาโจทก์ไปทวงเงินคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนกลับด่าโจทก์ผู้เป็นมารดาว่า "อีสำเพ็ง อีหัวหงอก กูไม่ให้อยากจะได้ให้ไปฟ้องร้องเอา" การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) อันเป็นการประพฤติเนรคุณ โจทก์เรียกถอนคืนการให้ที่ดินได้
of 86