พบผลลัพธ์ทั้งหมด 341 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดี - เหตุผลที่ศาลไม่อนุญาต - การแสดงให้เห็นถึงความเสียหายหากไม่เลื่อน
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีและศาลอนุญาตให้เลื่อนมาแล้วหลายนัดในนัดสุดท้ายขอเลื่อนโดยอ้างว่าป่วยเป็นไข้ไทฟอยด์ มีอาการท้องร่วงอย่างแรงและอ่อนเพลีย ไม่สามารถมาดำเนินคดีในศาลได้ ปรากฏตามใบรับรองแพทย์ที่แนบมาพร้อมคำร้อง ดังนี้ คำร้อง ขอเลื่อนคดี ของทนายจำเลยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรมตามที่บัญญัติไว้ ในป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก ศาลจึงไม่อาจให้เลื่อนคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2130/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, การดำเนินคดีโดยทนายความ, และการเลื่อนคดี: ศาลมีอำนาจพิจารณาเจตนาประวิงคดีได้
หนังสือมอบอำนาจให้ ป.และ ท.ฟ้องคดีและกระทำการอย่างอื่นอีกหลายประการแทนโจทก์ เป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกระทำการมากกว่าครั้งเดียว ซึ่งตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร ข้อ 7(ข)โจทก์ซึ่งเป็นผู้มอบอำนาจมีหน้าที่เสียอากรแสตมป์ฉบับละ 30 บาท โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจคนเดียวหรือหลายคน หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ 30 บาท จึงครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสอง มิได้ห้ามผู้รับมอบอำนาจซึ่งเป็นทนายความอยู่แล้วตั้งตนเองเป็นทนายความดำเนินคดีนั้นอีก ที่ ท.และ ป. ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ตั้ง ท.เป็นทนายความว่าคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยปากหนึ่งไปถึง 4 นัด ครั้งสุดท้ายจำเลยยื่นคำร้องระบุว่าหากไม่ได้ตัวพยานมาในนัดต่อไป จำเลยยอมให้ศาลตัดพยานได้ทันที ซึ่งทนายจำเลยก็แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาในวันเดียวกันนั้นว่า หากนัดหน้าพยานไม่มาศาลไม่ว่าด้วยเหตุใด จำเลยไม่ติดใจสืบ ศาลชั้นต้นก็ได้ให้โอกาสจำเลยเป็นครั้งสุดท้ายโดยเลื่อนการสืบพยานจำเลยไปถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีก อ้างว่าพยานติดคดีต้องเบิกความที่ศาลทั้งเช้าและบ่ายไม่อาจมาเบิกความที่ศาลในคดีนี้ได้ ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยเห็นว่าจำเลยมีโอกาสนำตัวพยานมาสืบได้ จำเลยขอเลื่อนคดีมีลักษณะประวิงคดี จึงชอบแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสอง มิได้ห้ามผู้รับมอบอำนาจซึ่งเป็นทนายความอยู่แล้วตั้งตนเองเป็นทนายความดำเนินคดีนั้นอีก ที่ ท.และ ป. ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ตั้ง ท.เป็นทนายความว่าคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยปากหนึ่งไปถึง 4 นัด ครั้งสุดท้ายจำเลยยื่นคำร้องระบุว่าหากไม่ได้ตัวพยานมาในนัดต่อไป จำเลยยอมให้ศาลตัดพยานได้ทันที ซึ่งทนายจำเลยก็แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาในวันเดียวกันนั้นว่า หากนัดหน้าพยานไม่มาศาลไม่ว่าด้วยเหตุใด จำเลยไม่ติดใจสืบ ศาลชั้นต้นก็ได้ให้โอกาสจำเลยเป็นครั้งสุดท้ายโดยเลื่อนการสืบพยานจำเลยไปถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีก อ้างว่าพยานติดคดีต้องเบิกความที่ศาลทั้งเช้าและบ่ายไม่อาจมาเบิกความที่ศาลในคดีนี้ได้ ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยเห็นว่าจำเลยมีโอกาสนำตัวพยานมาสืบได้ จำเลยขอเลื่อนคดีมีลักษณะประวิงคดี จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2130/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ-การเป็นทนายความ-การเลื่อนคดี: ความชอบด้วยกฎหมายและข้อยกเว้น
หนังสือมอบอำนาจให้ ป. และ ท. ฟ้องคดีและกระทำการอย่างอื่นอีกหลายประการแทนโจทก์ เป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกระทำการมากกว่าครั้งเดียว ซึ่งตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร ข้อ 7(ข) โจทก์ซึ่งเป็นผู้มอบอำนาจมีหน้าที่เสียอากรแสตมป์ฉบับละ 30 บาท โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจคนเดียวหรือหลายคน หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ 30 บาท จึงครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสองมิได้ห้ามผู้รับมอบอำนาจซึ่งเป็นทนายความอยู่แล้วตั้งตนเองเป็นทนายความดำเนินคดีนั้นอีก ที่ ท. และ ป. ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ตั้ง ท. เป็นทนายความว่าคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยปากหนึ่งไปถึง 4 นัดครั้งสุดท้ายจำเลยยื่นคำร้องระบุว่าหากไม่ได้ตัวพยานมาในนัดต่อไปจำเลยยอมให้ศาลตัดพยานได้ทันที ซึ่งทนายจำเลยก็แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาในวันเดียวกันนั้นว่า หากนัดหน้าพยานไม่มาศาลไม่ว่าด้วยเหตุใด จำเลยไม่ติดใจสืบ ศาลชั้นต้นก็ได้ให้โอกาสจำเลยเป็นครั้งสุดท้าย โดยเลื่อนการสืบพยานจำเลยไปถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีก อ้างว่าพยานติดคดีต้องเบิกความที่ศาลทั้งเช้า และบ่ายไม่อาจมาเบิกความที่ศาลในคดีนี้ได้ ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยเห็นว่าจำเลยมีโอกาสนำตัวพยานมาสืบได้ จำเลยขอเลื่อนคดีมีลักษณะประวิงคดี จึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1588/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีโดยทนายจำเลย: เหตุจำเป็น & สิทธิในการแต่งตั้งทนาย
ศาลเคยอนุญาตให้ทนายจำเลยเลื่อนคดีครั้งหนึ่งแล้ว ในนัดต่อมาทนายจำเลยคนเดิมขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและศาลอนุญาตและในวันเดียวกันนั้นจำเลยได้แต่งตั้งทนายความคนใหม่ ทนายความคนใหม่มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าทนายความคนใหม่ติดว่าความที่ศาลอื่น ดังนี้เป็นกรณีจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ ศาลชอบที่จะสั่งอนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปได้อีกแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งก็ตาม ทั้งนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตเลื่อนคดีเนื่องจากทนายติดว่าความอื่น ศาลพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและไม่ได้มีเจตนาประวิงคดี
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์เป็นครั้งแรกโดยอ้างว่าติดว่าความในคดีอื่น ซึ่งทนายจำเลยคงคัดค้านแต่เพียงว่าเหตุที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเป็นเหตุไม่จำเป็นและสมควร ไม่ได้คัดค้านว่าทนายโจทก์มิได้ติดว่าความที่ศาลอื่นจริง ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าทนายโจทก์ติดว่าความในคดีอื่น ถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนคดี แม้ในวันนัดชี้สองสถานเสมียนทนายโจทก์จะได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานของโจทก์แทนทนายโจทก์ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานโจทก์ให้ตามวันว่างของทนายโจทก์หรือไม่ เมื่อคดีเพิ่งนัดสืบพยานโจทก์เป็นนัดแรก พฤติการณ์จึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5987/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากป่วยไข้ การใช้ดุลพินิจของศาล และการไม่จำกัดการแสดงใบรับรองแพทย์
คู่ความจะร้องขอเลื่อนคดีได้จะต้องเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นตามที่บัญญัติไว้ในประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 และการอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งศาลจะให้เลื่อนคดีหรือไม่ก็ได้ แต่ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผลด้วย ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่า ไม่สามารถมาศาลเพื่อซักค้านพยานโจทก์ได้เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะ เจ็บคออันเนื่องมาจากไข้หวัด ซึ่งเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 41 หากข้ออ้างเป็นความจริง ก็ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นควรให้เลื่อนคดีตามมาตรา 40 ดังกล่าว เมื่อโจทก์รับสำเนาคำร้องขอเลื่อนคดีแล้วแถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี โจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าจำเลยมิได้ป่วยเจ็บตามที่อ้างมา และมิได้คัดค้านว่าคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริง จึงเท่ากับโจทก์ยอมรับว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บตามที่อ้างในคำร้อง การร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยนั้น ตามประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 และ 41 มิได้บังคับว่าผู้ที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย จึงอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ หากศาลมีความสงสัยว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับไม่สามารถจะมาศาลได้หรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีก่อนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 21 (4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานของศาลไปทำการตรวจดูว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บหรือไม่เพียงใดแล้วจึงวินิจฉัยและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับคำร้องขอเลื่อนคดีนั้น ตามมาตรา 41การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าวย่อมแสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้มีความสงสัยในเรื่องที่จำเลยอ้างว่าป่วยเจ็บตามคำร้องดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บและไม่สามารถมาศาลได้ เป็นกรณีมีเหตุจำเป็นสมควรให้เลื่อนคดีตามคำร้องของทนายจำเลย ส่วนข้อที่ว่าจำเลยยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้นั้น ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาพิจารณาว่าสมควรให้เลื่อนคดี เพราะคู่ความอ้างว่าเจ็บป่วยตามมาตรา 40 หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5987/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์
การร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าป่วยเจ็บนั้น ป.วิ.พ.มาตรา 40 และ 41 มิได้บังคับว่าผู้ที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย จึงอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ หากศาลมีความสงสัยว่าทนายจำเลยจะป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับไม่สามารถจะมาศาลได้หรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 21(4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปทำการตรวจดู ว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บหรือไม่เพียงใดแล้วจึงวินิจฉัยและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับคำร้องนั้น ตามมาตรา 41.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลมีสิทธิไม่อนุญาตเลื่อนคดีเมื่อจำเลยมีเจตนาประวิง
จำเลยยื่นคำร้องในวันนัดสืบพยานจำเลย ขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยโดยอ้างว่าพยานจำเลยป่วย ศาลชั้นต้นสั่งที่คำร้องว่าสำเนาให้โจทก์ สั่งในรายงานฯ แล้วศาลชั้นต้นสั่งในรายงานกระบวนพิจารณามีใจความสำคัญว่าทนายจำเลยยื่นคำร้องลงวันนี้ว่า ส.ป่วย ขอเลื่อน โจทก์คัดค้าน และขอให้ตัดพยานจำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยประวิงคดีจึงให้ถือว่าไม่มีพยานมาสืบและให้งดสืบพยานจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้เข้าใจได้ว่า ศาลชั้นต้นได้สั่งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยแล้ว โดยสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยตามที่จำเลยขอ เพราะคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยนั้นมีความหมายในตัวว่าไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลย จำเลยมีเจตนาประวิงคดีศาลชั้นต้นก็ได้ให้โอกาสจำเลยมากมายเป็นพิเศษในการนำพยานมาสืบแล้ว ไม่มีความจำเป็นและไม่มีกฎหมายบังคับว่าศาลจะต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าพยานจำเลยป่วยจริงหรือไม่ทั้งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยในนัดสุดท้ายก็มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเนื่องจากจำเลยประวิงคดีและไม่แสดงเหตุผลอันสมควรในการขอเลื่อน
จำเลยยื่นคำร้องในวันนัดสืบพยานจำเลย ขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยโดยอ้างว่าพยานจำเลยป่วย ศาลชั้นต้นสั่งที่คำร้องว่าสำเนาให้โจทก์ สั่งในรายงานกระบวนพิจารณา แล้วสั่งในรายงานกระบวนพิจารณามีใจความสำคัญว่า โจทก์คัดค้านและขอให้ตัดพยานจำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยประวิงคดีจึงให้ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้งดสืบพยานจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้เข้าใจได้ว่า ศาลชั้นต้นได้สั่งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยแล้วโดยสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยตามที่จำเลยขอเพราะคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยนั้นมีความหมายในตัวว่าไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลย จำเลยมีเจตนาประวิงคดี ศาลชั้นต้นก็ได้ให้โอกาสจำเลยมากมายเป็นพิเศษในการนำพยานมาสืบแล้ว ไม่มีความจำเป็นและไม่มีกฎหมายบังคับว่าศาลจะต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าพยานจำเลยป่วยจริงหรือไม่ ทั้งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยในนัดสุดท้ายก็มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3662/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการตัดพยาน: เหตุจำเป็นต้องชัดเจนและต่อเนื่อง
ป.วิ.พ. มาตรา 40 มีเจตนารมณ์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยมิชักช้า การเลื่อนคดีก็อนุญาตให้เลื่อนคดีได้เพียงครั้งเดียว คู่ความที่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดีไปแล้วจะขอเลื่อนคดีอีกได้ก็ต่อเมื่อเข้าข้อยกเว้น คือมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ จำเลยเคยขอเลื่อนคดีมาแล้วด้วยเหตุพยานจำเลยติดธุระมาศาลไม่ได้ และในนัดก่อนศาลได้กำชับว่าหากจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเกี่ยวกับพยานจำเลยอีกจะถือว่าจำเลยประวิงคดี แต่เมื่อถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกครั้งนี้อ้างว่าทนายจำเลยติดธุระสำคัญมาศาลไม่ได้ โดยไม่ปรากฏว่าติดธุระอะไรและสำคัญเร่งด่วนอย่างไร พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยประวิงคดี ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีอีกจึงชอบแล้ว