พบผลลัพธ์ทั้งหมด 214 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยทราบการครอบครองของผู้อื่น ทำให้ไม่สามารถอ้างสิทธิเต็มตามโฉนดได้
โจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดไว้จากผู้มีชื่อ ในชั้นแรกโจทก์เข้าใจว่ามีอาณาเขตไม่กินที่พิพาท แม้ต่อมาภายหลังได้ความว่าเขตโฉนดที่โจทก์ซื้อกินถึงที่พิพาทด้วยก็ดี แต่ก็ได้ความว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วในขณะซื้อว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วโจทก์จะอ้างว่าโจทก์ควรได้ที่เต็มตามโฉนดที่ได้ซื้อไว้ตามความในมาตรา 1299,1300 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้ไม่เพราะเมื่อโจทก์ซื้อ โจทก์ทราบอยู่แล้วว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทมาอย่างเป็นเจ้าของ จึงฟังไม่ได้ว่า โจทก์ซื้อที่รายพิพาทไว้โดยสุจริต(อ้างฎีกาที่ 762/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์เมื่อเขตที่ดินไม่ตรงกับโฉนด การไม่สุจริตของผู้ซื้อ
โจทก์จำเลยต่างซื้อที่ดินมีโฉนด ซึ่งอยู่ติดต่อกันคนละโฉนดแล้วต่างเข้าปกครองตามเขตที่ผู้ขายเดิมครอบครองมา ทั้งสองฝ่ายภายหลังรังวัดสอบเขตตามโฉนดกันจึงปรากฎว่าเขตที่ดินที่โจทก์ปกครองตั้งแต่ซื้อตลอดมานั้นล้ำเข้าไปในเขตโฉนดของจำเลยส่วนหนึ่ง ดังนี้เมื่อปรากฎว่าโจทก์ได้ปกครองที่ดินส่วนที่ล้ำเข้าไปนั้นเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยจะอ้าง ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1299,1300 มาคุ้มครองจำเลยโดยจำเลยจะเอาทีส่วนที่โจทก์ปกครองนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินติดต่อกันเกิน 10 ปี เหนือโฉนดเดิม
โจทก์จำเลยต่างซื้อที่ดินมีโฉนด ซึ่งอยู่ติดต่อกันคนละโฉนดแล้วต่างเข้าปกครองตามเขตที่ผู้ขายเดิมครอบครองมา ทั้งสองฝ่ายภายหลังรังวัดสอบเขตตามโฉนดกันจึงปรากฏว่าเขตที่ดินที่โจทก์ปกครองตั้งแต่ซื้อตลอดมานั้นล้ำเข้าไปในเขตโฉนดของจำเลยส่วนหนึ่ง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ปกครองที่ดินส่วนที่ล้ำเข้าไปนั้นเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299,1300 มาคุ้มครองจำเลยโดยจำเลยจะเอาที่ส่วนที่โจทก์ปกครองนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการสละกรรมสิทธิในที่ดิน แม้มีโฉนด แต่การครอบครองก่อนและต่อเนื่องเป็นสำคัญ
ฟ้องของโจทก์มีว่า ยายโจทก์ได้ให้ศาลจ้าวจืนอาศัยปลูกสร้างศาลจ้าวลงในที่ดินพิพาทบัดนี้ที่ดินตกเป็นของโจทก์ ๆ จึงขอให้ขับไล่
กรรมการศาลจ้าว ซึ่งเป็นจำเลยให้การว่า ยายโจทก์ทำหนังสือยกที่พิพาทให้ทำเป็นศาลจ้าวของเอกชนโดยได้รับค่าตอบแทนไป 300 บาท 10 ปีเศษแล้ว
จำเลยอ้างเอกสาร 2 ฉะบับ ซึ่งยายโจทก์ยกที่ดินให้ปลูกศาลจ้าว ซึ่งโจทก์เองเป็นผู้เขียนกับเอกสารการรับเงินค่าตอบแทน 300 บาท โจทก์รับรองเอกสารดังกล่าวแล้ว และว่าได้มอบที่พิพาทให้ในวันทำเอกสาร โจทก์ไปรับโฉนดมา จำเลยไม่ทราบดังนี้ เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่า จำเลยอาศัยดังข้อกล่าวอ้าง
กรรมการศาลจ้าว ซึ่งเป็นจำเลยให้การว่า ยายโจทก์ทำหนังสือยกที่พิพาทให้ทำเป็นศาลจ้าวของเอกชนโดยได้รับค่าตอบแทนไป 300 บาท 10 ปีเศษแล้ว
จำเลยอ้างเอกสาร 2 ฉะบับ ซึ่งยายโจทก์ยกที่ดินให้ปลูกศาลจ้าว ซึ่งโจทก์เองเป็นผู้เขียนกับเอกสารการรับเงินค่าตอบแทน 300 บาท โจทก์รับรองเอกสารดังกล่าวแล้ว และว่าได้มอบที่พิพาทให้ในวันทำเอกสาร โจทก์ไปรับโฉนดมา จำเลยไม่ทราบดังนี้ เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่า จำเลยอาศัยดังข้อกล่าวอ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหักล้างโฉนด: ข้อแตกต่างระหว่างการนำสืบข้อเท็จจริงระหว่างตัวแทน/ตัวการ กับการหักล้างเอกสารทางทะเบียน
คู่ความฝ่ายหนึ่งขอนำสืบว่า ความจริงที่โฉนดมีชื่ออีกฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าของ เพราะฝ่ายนั้นเป็นตัวแทนหรือลงนามแทนตนนั้นเป็นการนำสืบความจริงในระหว่างตัวแทนกับตัวการ หาใช่เป็นเรื่องนำสืบหักล้างเอกสารทางทะเบียนไม่ จึงย่อมนำสืบได้ และจะขอนำสืบถึงเอกสารที่อ้างว่าฝ่ายนั้นทำรับรองไว้ อันเป็นพยานหลักฐานว่า ฝ่ายนั้นเป็นตัวแทนก็นำสืบได้ เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: โจทก์มีสิทธิพิสูจน์ส่วนได้ส่วนเสียที่มากกว่าจำเลย แม้ชื่อในโฉนดจะเท่ากัน ศาลต้องรับฟังพยานหลักฐานก่อน
เมื่อโจทก์อ้างว่า ตนมีส่วนในที่ดินมากกว่าจำเลยซึ่งมีชื่อในโฉนดด้วยกันนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบ หักล้างข้อสันนิษฐานส่วนเท่ากัน ในความเป็นเจ้าของได้
หากหลักฐานในสำนวนยังไม่พอฟังดังข้ออ้างของโจทก์ ศาลไม่ควรสั่งงดสืบพยานเสียทั้งๆ ที่โจทก์กำลังทำการ สืบอยู่ มิฉะนั้นศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไปและ พิพากษาใหม่
หากหลักฐานในสำนวนยังไม่พอฟังดังข้ออ้างของโจทก์ ศาลไม่ควรสั่งงดสืบพยานเสียทั้งๆ ที่โจทก์กำลังทำการ สืบอยู่ มิฉะนั้นศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไปและ พิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องร้องการรังวัดเพื่อออกโฉนดให้ผู้อื่น แม้เจ้าพนักงานทำตามหน้าที่
ผู้มีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองที่ดิน ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ที่นำเจ้าพนักงานที่ดินมารังวัดที่นั้นเพื่อออกโฉนดให้เป็นของผู้อื่นเป็นจำเลยโดยฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่นั้น และห้ามมิให้มารบกวนการครอบครองที่นั้นได้ แม้ว่าจำเลยจะกระทำไปตามหน้าที่ราชการและอาศัยสิทธิของบุคคลที่ 3 ก็ดี ก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะเรียกบุคคลที่ 3 ซึ่งจำเลยอาศัยสิทธินั้นเข้ามาในคดี หาใช่เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องฟ้องบุคคลที่ 3 ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์นั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินที่ขัดแย้งกับชื่อในโฉนด ศาลยึดตามเอกสารที่ผู้ให้รับรอง
โฉนดมีชื่อโจทก์กับจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิร่วมกันและยังปรากฎตามเอกสารสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินนี้ ซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วแปลความหมายได้แจ้งชัดว่า ผู้ให้ (โจทก์) ได้ให้กรรมสิทธิในที่ดินแก่จำเลยทั้งสอง 2/3 ของที่ดินตามโฉนดนี้ ดังนี้โจทก์จะนำสืบว่าเป็นแต่ยกให้จำเลยทั้งสองเพียงครึ่งหนึ่งของที่ดินย่อมเป็นการสืบแก้ไขเอกสารสัญญาซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกสินสมรสและการลงชื่อในโฉนดสำหรับคู่สมรสที่สมรสก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง บรรพ 5
ก.ม.ลักษณะผัวเมียไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ให้มีการแยกสินบริคณห์ โดยไม่ได้ฟ้องหย่า แต่ก็ไม่มีบังคับไว้ว่าถ้ายังไม่หย่า จะต้องบริคณห์ทรัพย์สินกันเสมอไปจะแยกมิได้
การที่จะนำ ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1472, 1467 มาใช้แก่คู่สมรส ซึ่งสมรสก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 5 จึงไม่เป็นการกระทบกระเทือน ถึงการสมรสหรือสัมพันธ์ในครอบครัวตามความหมายที่ พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่ง ป.ม.แพ่งฯ พ.ศ. 2477 มาตรา 4(1) ยกเว้นไว้แล้วนั้นแต่อย่างใด
ฟ้องโจทก์ขอให้แยกสินบริคณห์ถ้าสั่งแยกไม่ได้ จึงขอให้สั่งให้โจทก์มีชื่อร่วมในโฉนด ไม่เป็นคำขอที่ขัดกันและไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะโจทก์ไม่ได้ขอทั้ง 2 อย่าง โจทก์ขออย่างแรกก่อน ต่อเมื่อไม่ได้ จึงขออย่างที่สอง
การที่จะนำ ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1472, 1467 มาใช้แก่คู่สมรส ซึ่งสมรสก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 5 จึงไม่เป็นการกระทบกระเทือน ถึงการสมรสหรือสัมพันธ์ในครอบครัวตามความหมายที่ พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่ง ป.ม.แพ่งฯ พ.ศ. 2477 มาตรา 4(1) ยกเว้นไว้แล้วนั้นแต่อย่างใด
ฟ้องโจทก์ขอให้แยกสินบริคณห์ถ้าสั่งแยกไม่ได้ จึงขอให้สั่งให้โจทก์มีชื่อร่วมในโฉนด ไม่เป็นคำขอที่ขัดกันและไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะโจทก์ไม่ได้ขอทั้ง 2 อย่าง โจทก์ขออย่างแรกก่อน ต่อเมื่อไม่ได้ จึงขออย่างที่สอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ครอบครองที่ดินโดยมีชื่อในโฉนดตามคำพิพากษา มีสิทธิเหนือผู้ที่อ้างกรรมสิทธิ์ภายหลัง เว้นแต่ผู้ที่อ้างจะพิสูจน์สิทธิที่ดีกว่าได้
ฝ่ายที่ยึดถือที่ดินมีชื่อในโฉนดตามคำพิพากษาของศาลแล้ว เมื่อมีบุคคลอื่นอ้างว่าที่ดินเป็นของตน ก็เป็นหน้าที่ของบุคคลอื่นนั้นต้องนำสืบก่อน.
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/92
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/92