พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รวมคดีปล้นทรัพย์หลายกรรม, โทษจำคุกรวมตาม ป.อ. มาตรา 91
คดีทั้งสามสำนวนนี้เกิดเหตุในคืนเดียวกัน โดยจำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์ทั้งสามคดีติดต่อกัน และจำเลยทั้งสามก็ถูกจับในวันเดียวกันทั้งสามสำนวน คดีทั้งสามสำนวนจึงเกี่ยวพันกันพอที่จะฟ้องรวมกันหรือพิจารณาพิพากษารวมกันได้ แม้โจทก์จะแยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นสามสำนวนก็ตาม แต่เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปเช่นนี้โทษจำคุกที่ลงทุกกระทงเมื่อรวมทั้งสิ้นแล้วต้องไม่เกินกำหนดตาม ป.อ.มาตรา 91
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษจำคุกและรอการลงโทษ ไม่ถือว่าไม่ลงโทษตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นได้กำหนดโทษจำคุกที่จะลงแก่จำเลยแล้วแม้จะให้รอการลงโทษจำคุกไว้ก็ตามจำเลยก็อาจถูกศาลลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ได้เมื่อจำเลยกระทำผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติหรือเมื่อไปกระทำความผิดอาญาที่มิได้กระทำโดยประมาทหรือที่มิใช่ความผิดลหุโทษภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา57และ58ฉะนั้นการที่ศาลกำหนดโทษจำคุกจำเลยแต่ให้รอการลงโทษไว้จึงถือว่าศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา20แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเฮโรอีนและกัญชาเพื่อจำหน่าย: ศาลฎีกาแก้โทษเฉพาะการครอบครองเฮโรอีน
เจ้าพนักงานตำรวจพบเฮโรอีนซึ่งอยู่ในถุงพลาสติก4ใบอยู่ในตะกร้าซึ่งวางไว้บนแคร่ไม้ใกล้จำเลยและยังพบเฮโรอีน9หลอดกับอีก1ถึงที่บริเวณร่องน้ำนอกบ้านห่างจากบ้านจำเลยประมาณ170เมตรพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังฟังไม่ได้อย่างแน่แท้ว่าเฮโรอีน9หลอดและอีก1ถุงนั้นเป็นของจำเลยคงฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนในถุง4ใบซึ่งวางอยู่ในตะกร้าใกล้ตัวจำเลยไว้ในครอบครองเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9378/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษพยายามฆ่า: ศาลแก้ไขโทษจำคุกให้เป็นไปตามอัตราส่วนสองในสามของโทษฐานฆ่า
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาการสอบสวนคดีอาญาเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามที่เห็นสมควรภายในขอบเขตบทบัญญัติแห่งกฎหมายในการสอบสวนคดีนี้ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้กระทำผิดกฎหมายหรือผิดหน้าที่อย่างใดทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็มิได้บัญญัติห้ามมิให้บุคคลอื่นหรือพยานปากอื่นเข้าฟังการสอบสวนดังนั้น การที่พนักงานสอบสวนปากคำพยานโจทก์ทั้งห้าปากพร้อมกันและพันตำรวจโทอ.พยานโจทก์ปากหนึ่งตรวจดูบันทึกคำให้การพยานโจทก์ชั้นสอบสวนทุกปาก พร้อมทั้งนั่งฟังการสอบสวนด้วยจึงหาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่ โทษฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288กำหนดโทษไว้เป็น3ประการคือโทษประหารชีวิตจำคุกตลอดชีวิตและจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีโดยให้ศาลเลือกพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีในคดีนี้เป็นการพยายามกระทำความผิดต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นที่กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้นซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณาเลือกกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยคือโทษตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีฉะนั้นโทษสูงสุดของอัตราโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้20ปีดังกล่าวที่สามารถจะลงโทษในข้อหาฐานพยายามได้ในกรณีนี้คือ13ปี4เดือนการที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยข้อหาฐานพยายามฆ่า15ปีและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงเป็นการลงโทษเกินสองในสามส่วนของโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สมควรแก้ไขโทษเสียให้เป็นการถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9377/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีเก่ากับคดีใหม่ต้องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่รอการลงโทษ หากไม่เป็นไปตามนั้น การบวกโทษเป็นโมฆะ
โทษของความผิดในคดีหลังที่จะนำมาบวกกับโทษในคดีก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก นั้น จะต้องเป็นโทษของการกระทำภายในระยะเวลาระหว่างรอการลงโทษตามคดีก่อน และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9216/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจำคุกเป็นมาตรการอื่นและการจำกัดสิทธิในการฎีกาข้อเท็จจริงในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288,80 ลดมาตราส่วนโทษแล้ว ลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปี ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 295 ให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดาจำเลยไปอบรมดูแลฯ ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะบทลงโทษจำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และการให้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมหรือมอบตัวจำเลยแก่บิดามารดาจำเลยไปอบรมดูแลฯถือได้ว่าเบากว่าโทษจำคุก จึงเป็นการให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534มาตรา 6 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7273/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีก่อนมาบวกกับโทษในคดีหลัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา58วรรคหนึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่10)พ.ศ.2532ซึ่งใช้บังคับก่อนการกระทำผิดคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่1500/2537ของศาลชั้นต้นบทบัญญัติดังกล่าวนี้แก้ไขและใช้บังคับพร้อมกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา56วรรคสองซึ่งบัญญัติเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำผิดในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษไว้เมื่อมาตรา58วรรคหนึ่งกับมาตรา56วรรคสองมีการแก้ไขพร้อมกันแสดงว่ามีเจตนาจะให้สอดคล้องกันทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้จำเลยกระทำความผิดอีกแม้ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคหนึ่งจะได้บัญญัติว่าห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องก็ตามเมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติย่อมจะต้องไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเป็นกฎหมายสารบัญญัติเช่นเมื่อประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องโทษไว้อย่างไรการพิพากษาคดีย่อมจะต้องอาศัยประมวลกฎหมายอาญาในการกำหนดโทษมิให้ผิดไปจากประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้เช่นนี้ย่อมตีความประมวลกฎหมายอาญามาตรา58วรรคหนึ่งได้ว่าแม้ความปรากฎแก่ศาลเองก็ให้ศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีหลังปฎิบัติตามแต่สำหรับกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติการกระทำผิดของจำเลยก่อนที่ศาลพิพากษาเมื่อพนักงานคุมประพฤติรายงานว่าจำเลยเคยมีประวัติถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษลงโทษจำคุกและปรับโทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด2ปีและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3เดือนต่อครั้งภายในกำหนดระยะเวลา1ปีและให้จำเลยเว้นจากการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษหรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆแต่หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วจำเลยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งได้ยอมรับต่อพนักงานคุมประพฤติว่ายังคงเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษอยู่ซึ่งรายงานดังกล่าวถือว่าเป็นรายงานที่เป็นผลร้ายต่อจำเลยศาลชั้นต้นปฎิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ.2522มาตรา13กล่าวคือแจ้งรายงานนั้นให้จำเลยทราบจำเลยแถลงไม่คัดค้านเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงานรายงานดังกล่าวมีลักษณะเช่นเดียวกับคำแถลงของเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา58ที่แก้ไขแล้วศาลจึงนำโทษที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกโทษในคดีหลังได้ในกรณีที่ศาลคดีหลังพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6810/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีที่เคยรอการลงโทษไว้กับคดีใหม่ แม้โจทก์มิได้ขอ โดยอาศัยความปรากฏต่อศาล
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา58วรรคหนึ่งซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่10)พ.ศ.2532มาตรา4เมื่อจำเลยแถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยเคยต้องโทษตามคดีอาญาอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้นจริงและคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจำคุก6เดือนโดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56และในระหว่างที่ยังไม่ครบ2ปีจำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้เช่นนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษคดีนี้แต่เป็นกรณีที่ความปรากฎแก่ศาลเองจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติทั้งจำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วข้างต้นศาลจึงต้องนำโทษที่รอไว้ในคดีอาญาเรื่องนั้นของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6660/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของพ.ร.บ.ล้างมลทินต่อการเพิ่มโทษจำเลยในคดีใหม่ แม้เคยมีโทษจำคุกแต่เปลี่ยนเป็นกักขัง
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ50ปีพ.ศ.2539ใช้บังคับมาตรา4แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่9มิถุนายนพ.ศ.2539และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้นๆเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยพ้นโทษในความผิดฐานลักทรัพย์ไปก่อนวันที่9มิถุนายน2539ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับจำเลยจึงได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติดังกล่าวดังกล่าวซึ่งถือว่าจำเลยไม่เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นมาก่อนจึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในคดีจำหน่ายและครอบครองยาเสพติด ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและโทษไม่เกิน 5 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเฉพาะโทษโดยลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปีไม่ได้แก้บทมาตราด้วยเป็นการแก้ไขเล็กน้อยส่วนความผิดฐาน จำหน่าย เฮโรอีน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปีย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสองฐานความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคหนึ่งจำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและลดโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม