พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4264/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในคดีศุลกากร: ศาลฎีกาห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงหากศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเพียงเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะเรื่องให้ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนกับรางวัลนำจับเท่านั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4264/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางคดีศุลกากร: ข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะเรื่องให้ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนกับรางวัลนำจับเท่านั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4157/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาการยื่นฎีกา: การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงจำเลยโดยตรงเป็นจุดเริ่มต้นนับระยะเวลา
ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2527 แม้ต่อมาศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์และทนายจำเลยฟังอีกครั้งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2527 ดังนี้ ก็ต้องถือว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2527 ไม่ใช่วันที่อ่านให้ทนายจำเลยฟังเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2527 จำเลยจึงต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2527 การที่ทนายจำเลยยื่นฎีกาวันที่ 30 ตุลาคม 2527 จึงเป็นเวลาเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ล่วงเลยระยะเวลาที่จำเลยมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4157/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาฎีกา: วันที่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสำคัญ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 8กันยายน 2527 ต่อมาอ่านให้โจทก์และทนายจำเลยฟังอีกครั้งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2527 ดังนี้ ต้องถือว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2527 ไม่ใช่วันที่30 กันยายน 2527 จำเลยจึงต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2527.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4157/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาการยื่นฎีกา: เริ่มนับจากวันที่ศาลอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังโดยตรง
ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2527 แม้ต่อมาศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์และทนายจำเลยฟังอีกครั้งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2527ดังนี้ ก็ต้องถือว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2527 ไม่ใช่วันที่อ่านให้ทนายจำเลยฟังเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2527 จำเลยจึงต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2527 การที่ทนายจำเลยยื่นฎีกาวันที่ 30 ตุลาคม2527 จึงเป็นเวลาเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ล่วงเลยระยะเวลาที่จำเลยมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4003/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้ว ทำให้ไม่มีประโยชน์ในการวินิจฉัยฎีกา
การที่โจทก์ฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบทรัพย์มรดกของนางสาวผ.ให้แก่โจทก์ เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาที่โจทก์ฎีกาต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะคู่ความก่อนมีคำสั่งประทับฟ้อง: จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ก่อนที่ศาลประทับฟ้องประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคสามบัญญัติมิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น จำเลยจึงไม่มีฐานะเป็นคู่ความ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่า โจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะคู่ความก่อนมีคำสั่งประทับฟ้อง: จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ก่อนที่ศาลประทับฟ้องประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคสามบัญญัติมิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น จำเลยจึงไม่มีฐานะเป็นคู่ความ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่า โจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามในคดีเช็คและการยกข้อกฎหมายใหม่ในชั้นอุทธรณ์ ทำให้ไม่มีสิทธิฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ม.สามีโจทก์มิได้โอนเช็คให้โจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็ค มิใช่ผู้เสียหาย โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ประกอบกับพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาปัญหาข้อนี้
ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นเพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นเพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์และฎีกาในคดีเช็ค: การยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ม.สามีโจทก์มิได้โอนเช็คให้โจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็ค มิใช่ผู้เสียหาย โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22ประกอบกับพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520มาตรา 3 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบโจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาปัญหาข้อนี้
ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นเพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นเพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.