พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์: สิทธิทายาทและการกันส่วนมรดก
การแบ่งทรัพย์มรดก เมื่อเจ้ามรดกตายเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 แล้ว ต้องแบ่งตาม มาตรา 1635 และ 1636
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก ศาลต้องแบ่งให้เพียงเท่าที่โจทก์มีสิทธิควรจะได้
คำว่า "กันส่วนไว้เพื่อทายาทอื่น" ตามที่มาตรา 1749 ห้ามไว้นั้น หมายความว่า กันไว้เพื่อทายาทนั้นมารับเอาไปได้ทีเดียว โดยมิต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ดังเช่นที่เคยปฏิบัติกันมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 การแบ่งให้โจทก์เพียงเท่าที่โจทก์มีสิทธิควรจะได้ตามกฎหมายนั้น หาใช่เป็นการกันส่วนไว้เพื่อทายาทอื่นไม่
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก ศาลต้องแบ่งให้เพียงเท่าที่โจทก์มีสิทธิควรจะได้
คำว่า "กันส่วนไว้เพื่อทายาทอื่น" ตามที่มาตรา 1749 ห้ามไว้นั้น หมายความว่า กันไว้เพื่อทายาทนั้นมารับเอาไปได้ทีเดียว โดยมิต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ดังเช่นที่เคยปฏิบัติกันมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 การแบ่งให้โจทก์เพียงเท่าที่โจทก์มีสิทธิควรจะได้ตามกฎหมายนั้น หาใช่เป็นการกันส่วนไว้เพื่อทายาทอื่นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: สิทธิเรียกร้องแบ่งทรัพย์ยังคงมีอยู่ แม้จะมอบให้จัดการดูแล และข้อตกลงห้ามแบ่งเกิน 10 ปี
เมื่อเจ้ามรดกตายแล้ว ผู้รับมรดกได้ทำสัญญาตกลงแบ่งทรัพย์กันคนละส่วน แต่ยังไม่ได้แบ่งปันกัน และมอบเงินประกันการค้าน้ำมันกับบริษัทน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองมรดกให้อยู่ในความควบคุมดูแลของจำเลย ดั่งนี้ ถือว่าทายาทต่างยังเป็นเจ้าของรวมในเงินประกันนั้น จำนำมาตรา1754 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1748 วรรค 2 บัญญัติว่าสิทธิที่จะเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกตามวรรคก่อนจะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละสิบปีไม่ได้นั้น หมายความว่าทายาทจะทำความตกลงกันห้ามไม่ให้ใครเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกก็ย่อมทำได้ แต่ในการที่จะทำนิติกรรมห้ามเรียกแบ่งทรัพย์มรดกนั้นจะห้ามได้แต่เพียงคราวละสิบปีเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีแล้ว ทายาทย่อมมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้เสมอตามทรัพยสิทธิของเขา จะแปลกลับเป็นว่าทายาทจะเรียกให้แบ่งทรัพย์ไม่ได้ เมื่อเกินสิบปีแล้วนั้นไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1748 วรรค 2 บัญญัติว่าสิทธิที่จะเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกตามวรรคก่อนจะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละสิบปีไม่ได้นั้น หมายความว่าทายาทจะทำความตกลงกันห้ามไม่ให้ใครเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกก็ย่อมทำได้ แต่ในการที่จะทำนิติกรรมห้ามเรียกแบ่งทรัพย์มรดกนั้นจะห้ามได้แต่เพียงคราวละสิบปีเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีแล้ว ทายาทย่อมมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้เสมอตามทรัพยสิทธิของเขา จะแปลกลับเป็นว่าทายาทจะเรียกให้แบ่งทรัพย์ไม่ได้ เมื่อเกินสิบปีแล้วนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักหนี้ค่าทำศพออกจากมรดก: จำเลยมิอาจอ้างหักหนี้ได้หากมิได้ฟ้องแย้งและเป็นคนละเรื่องกับข้อพิพาท
โจทก์เป็นทายาทของผู้ตาย ฟ้องเรียกทรัพย์คือที่ดินบ้านเรือนอันเป็นทรัพย์มฤดกของผู้ตายจากจำเลย ซึ่งเป็นภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ดังนี้ จำเลยจะขอให้หักค่าทำศพผู้ตาย ซึ่งจำเลยว่าได้ออกไปเป็นส่วนตัว ออกจากกองมฤดก โดยมิได้ฟ้องหรือฟ้องแย้งขึ้นมาไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องการแบ่งมฤดกระหว่างโจทก์จำเลย ทั้งมูลหนี้ก็มีวัตถุต่างกัน ไม่อยู่ในสภาพที่จะหักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักหนี้ค่าทำศพออกจากกองมรดก: จำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องหากมิได้ฟ้องแย้งหรือเป็นการแบ่งมรดก
โจทก์เป็นทายาทของผู้ตายฟ้องเรียกทรัพย์คือที่ดินบ้านเรือนอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายจากจำเลยซึ่งเป็นภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ดังนี้ จำเลยจะขอให้หักค่าทำศพผู้ตาย ซึ่งจำเลยว่าได้ออกไปเป็นส่วนตัวออกจากกองมรดก โดยมิได้ฟ้องหรือฟ้องแย้งขึ้นมาไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องการแบ่งมรดกระหว่างโจทก์จำเลย ทั้งมูลหนี้ก็มีวัตถุต่างกัน ไม่อยู่ในสภาพที่จะหักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกและสิทธิเรียกร้อง: การพิสูจน์เงินร่วมลงทุนจำนองและการยืดอายุความ
ในสัญญาจำนองปรากฏว่า กลายเป็นผู้รับจำนองแต่ผู้เดียว แม้จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้ออกเงินร่วมกับผู้ตายในการรับจำนองนั้นไม่เป็นการสิบแก้ไข้เอกสาร หาต้องห้ามตามกฎหมายไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์มฤดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องน้น ย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยืดอายุความไม่เป็นธรรมแก่จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์มฤดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องน้น ย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยืดอายุความไม่เป็นธรรมแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกและสิทธิเรียกร้อง: การนำสืบแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองไม่เป็นเหตุต้องห้าม การขอตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องนอกบัญชีทรัพย์สินย่อมไม่ได้
ในสัญญาจำนองปรากฏว่าผู้ตายเป็นผู้รับจำนองแต่ผู้เดียวแม้จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้ออกเงินร่วมกับผู้ตายในการรับจำนองนั้น ไม่เป็นการสืบแก้ไขเอกสาร หาต้องห้ามตามกฎหมายไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์มรดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องนั้น ย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยึดอายุความไม่เป็นธรรมแก่จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์มรดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องนั้น ย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยึดอายุความไม่เป็นธรรมแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมต้องจดทะเบียน และสิทธิทายาทเมื่อมีข้อพิพาทเรื่องมรดก
บุตรบุญธรรมจะมีสิทธิรับมฤดกของผู้รับบุตรบุญธรรมได้ ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้เอาทรัพย์มฤดกของผู้ตายประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งกัน ระหว่างโจทก์ ซึ่งเป็นทายาท เมื่อได้ความว่า จำเลยก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมฤดกและโจทก์ก็มิได้คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้จำเลยด้วย ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยได้ และในคดีเช่นนี้ค่าฤาชาธรรมเนียมทั้งค่าทนายศาลสั่งให้ชักจากกองมฤดกก่อนแล้วจึงให้แบ่งกันระหว่างทายาท.
โจทก์ฟ้องขอให้เอาทรัพย์มฤดกของผู้ตายประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งกัน ระหว่างโจทก์ ซึ่งเป็นทายาท เมื่อได้ความว่า จำเลยก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมฤดกและโจทก์ก็มิได้คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้จำเลยด้วย ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยได้ และในคดีเช่นนี้ค่าฤาชาธรรมเนียมทั้งค่าทนายศาลสั่งให้ชักจากกองมฤดกก่อนแล้วจึงให้แบ่งกันระหว่างทายาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมและการแบ่งมรดกของทายาท
บุตรบุญธรรมจะมีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมได้ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้เอาทรัพย์มรดกของผู้ตายประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งกันระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นทายาท เมื่อได้ความว่า จำเลยก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดก และโจทก์ก็มิได้คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยได้และในคดีเช่นนี้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งค่าทนายศาลสั่งให้ชักจากกองมรดกก่อนแล้วจึงให้แบ่งกันระหว่างทายาท
โจทก์ฟ้องขอให้เอาทรัพย์มรดกของผู้ตายประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งกันระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นทายาท เมื่อได้ความว่า จำเลยก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดก และโจทก์ก็มิได้คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยได้และในคดีเช่นนี้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งค่าทนายศาลสั่งให้ชักจากกองมรดกก่อนแล้วจึงให้แบ่งกันระหว่างทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับมรดกของผู้ร้องสอดและการคุ้มครองสิทธิในคดีระหว่างโจทก์จำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับมฤดกของผู้ร้อง ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 57 (1) ซึ่งบัญญัติให้บุคคลที่ 3 ได้รับความคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยทันที ไม่จำต้องฟ้องคดีหลายเรื่อง และไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่ความ เช่น อนุมาตรา 2 แม้คู่ความจะคัดค้าน ศาลก็สั่งอนุญาตได้.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานผู้จัดการมฤดก และผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตาย ผู้ร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัว และในฐานผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243 (1)
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานผู้จัดการมฤดก และผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตาย ผู้ร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัว และในฐานผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลที่สามในคดีมรดก: การคุ้มครองสิทธิในการเรียกร้องทรัพย์มรดกเมื่อมีการฟ้องหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามา เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับมรดกของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)ซึ่งบัญญัติให้บุคคลที่ 3 ได้รับความคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยทันที ไม่จำต้องฟ้องคดีหลายเรื่องและไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่ความเช่นอนุมาตรา 2 แม้คู่ความจะคัดค้าน ศาลก็สั่งอนุญาตได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานะผู้จัดการมรดก และผู้รับมรดกของภริยาผู้วายชนม์ผู้ร้องสอดผู้เป็นมารดาผู้ตายร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัวและในฐานผู้จัดการและรับมรดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง ดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานะผู้จัดการมรดก และผู้รับมรดกของภริยาผู้วายชนม์ผู้ร้องสอดผู้เป็นมารดาผู้ตายร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัวและในฐานผู้จัดการและรับมรดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง ดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)