พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาของโจทก์เมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งที่ไม่รับคำร้องอนาถาของจำเลย และหลักการพิจารณาคำขออนาถาใหม่
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 5 และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 5 และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กลับคำสั่งไม่รับคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา และการพิจารณาคำร้องใหม่
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคห้า และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคห้า และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กลับคำสั่งไม่รับคำร้องขอเป็นคนอนาถา และการพิจารณาคำร้องใหม่
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่. และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง. ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247.
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่. กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล. ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว. ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร. ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป.
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่.มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์. จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน. นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค5 และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม. เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา.
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่. กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล. ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว. ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร. ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป.
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่.มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์. จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน. นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค5 และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม. เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่มิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นอุปสรรคต่อการวินิจฉัย
จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้คัดค้านคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นไว้ โจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่ไม่ได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบไม่ได้ เพราะปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นการขัดต่อหลักการพิจารณาคดี
จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้คัดค้านคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นไว้ โจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่ไม่ได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบไม่ได้ เพราะปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยถูกยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบ
จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้คัดค้านคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นไว้. โจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่ไม่ได้. เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่. จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบไม่ได้. เพราะปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเป็นโจทก์/จำเลยอนาถา: สิทธิในการยื่นคำขอใหม่หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วเป็นที่สุด
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่โดยไม่อนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมนั้น ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา และไม่ใช่คำสั่งยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ในกรณีที่มีการยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ว่าในชั้นใด หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ถ้าผู้ยื่นคำขอประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคำขอนั้นต่อไป ก็มีสิทธิเลือกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คืออาจยื่นคำขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ถ้าผู้ยื่นคำขอเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งคำขอนั้นประการใดแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ผู้ยื่นคำขอจะย้อนกลับมาขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าตนเป็นคนยากจนอีกไม่ได้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2511)
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว หากมีเหตุเกิดขึ้นใหม่ทำให้ผู้ยื่นคำขอตกเป็นคนยากจนลงในภายหลัง ก็มีสิทธิยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคแรก จะมาขอให้พิจารณาคำขอเดิมนั้นใหม่ตามมาตรา 156 วรรคสี่ หาได้ไม่
ในกรณีที่มีการยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ว่าในชั้นใด หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ถ้าผู้ยื่นคำขอประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคำขอนั้นต่อไป ก็มีสิทธิเลือกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คืออาจยื่นคำขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ถ้าผู้ยื่นคำขอเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งคำขอนั้นประการใดแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ผู้ยื่นคำขอจะย้อนกลับมาขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าตนเป็นคนยากจนอีกไม่ได้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2511)
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว หากมีเหตุเกิดขึ้นใหม่ทำให้ผู้ยื่นคำขอตกเป็นคนยากจนลงในภายหลัง ก็มีสิทธิยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคแรก จะมาขอให้พิจารณาคำขอเดิมนั้นใหม่ตามมาตรา 156 วรรคสี่ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177-1178/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติมและการไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่สามารถเพิ่มค่าเสียหายให้โจทก์ได้
เดิม คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงิน 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้เพิ่มเติมฟ้องเฉพาะคำขอข้อนี้ว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงินปีละ 750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คนละ 750 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ. โจทก์มิได้ฎีกา เป็นแต่ยื่นคำแถลงการณ์ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ชัดเจนขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ปีละ 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ ดังนี้ การที่จะพิพากษาให้เป็นไปตามที่โจทก์กล่าวในคำแถลงการณ์ จะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดี มิใช่เป็นการแก้ไขให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขเพิ่มเติม หากโจทก์ไม่พอใจ ก็ชอบที่จะฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่เมื่อโจทก์ไม่ฎีกา ศาลฎีกาย่อมจะแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177-1178/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำขอท้ายฟ้องและการฎีกา ศาลฎีกาไม่สามารถเพิ่มค่าเสียหายจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้หากไม่ได้ฎีกา
เดิม คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงิน 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ. ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้เพิ่มเติมฟ้องเฉพาะคำขอข้อนี้ว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงินปีละ 750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์. ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว.แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คนละ750 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ. โจทก์มิได้ฎีกา. เป็นแต่ยื่นคำแถลงการณ์ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ชัดเจนขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ปีละ 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์. ดังนี้ การที่จะพิพากษาให้เป็นไปตามที่โจทก์กล่าวในคำแถลงการณ์ จะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์. เป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดี มิใช่เป็นการแก้ไขให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น. แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขเพิ่มเติม. หากโจทก์ไม่พอใจ. ก็ชอบที่จะฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์. แต่เมื่อโจทก์ไม่ฎีกา. ศาลฎีกาย่อมจะแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงคดีแพ่ง-อาญาเชื่อมโยงกัน ศาลฎีกาต้องยึดข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีอาญา
ในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญายุติเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาของศาลอุทธรณ์