คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องสำหรับคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ นำมาปรับแก่คดีซึ่งอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล
พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องสำหรับคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ นำมาปรับแก่คดีซึ่งอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้องดังนี้ ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปยึดทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ฯ จำเลยที่ 1 ในคดีเดิม แล้วมอบให้จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ในคดีเดิมเป็นผู้รักษาทรัพย์ เมื่อศาลมีคำสั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด ปรากฏว่าทรัพย์บางรายมีสภาพชำรุด ทำให้เสื่อมราคา ดังนี้ หากจำเลยที่ 1 กระทำการใด ๆ แก่ทรัพย์ที่ยึดใช้เสียหาย ผู้ที่เสียหายย่อมได้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีและโจทก์ในคดีเดิม โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีเดิมในฐานะผู้ค้ำประกันและเป็นผู้นำยึดทรัพย์จะต้องรับผิดใช้หนี้มากน้อยเพียงใด ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 1 ในคดีเดิมได้ตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ผู้รักษาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอาญาที่มีโทษสูง: ศาลต้องพิจารณาโทษของแต่ละกระทงความผิดก่อนตัดสินว่าอุทธรณ์ได้หรือไม่
การอุทธรณ์คดีอาญาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลจะต้องพิจารณาอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ความผิดตามมาตรา 138 แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่โจทก์ฟ้องเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกับการกระทำในกระทงควมผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ซึ่งมีอัตราโทษในบทหนักตามมาตรา 289, 80 ถึงจำคุกตลอดชีวิต ฉะนั้น จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอาญาต้องพิจารณาโทษหนักสุด หากความผิดเป็นกรรมเดียวกับโทษหนักกว่า ย่อมไม่ขัดต่อการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
การอุทธรณ์คดีอาญาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลจะต้องพิจารณาอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ความผิดตามมาตรา 138 แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่โจทก์ฟ้องเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกับการกระทำในกระทงความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ซึ่งมีอัตราโทษในบทหนักตามมาตรา 289,80 ถึงจำคุกตลอดชีวิต ฉะนั้น จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้เดิม การตกลงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่งได้หากมีการสัตยาบัน
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงหนึ่งให้โจทก์ ได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 25,000 บาท ถ้าผิดสัญญายอมให้โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายได้อีก 25,000 บาท แต่ต่อมาปรากฏว่าไม่มีที่ดินขายให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยข้อหาฉ้อโกง ระหว่างพิจารณาคดีอาญาดังกล่าว ทนายโจทก์กับจำเลยได้ร่วมกันยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่โจทก์แล้ว 10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 20,000 บาท จำเลยจะนำมาชำระภายในเวลาที่กำหนด โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป โจทก์ขอถอนฟ้องและศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ข้อตกลงของโจทก์จำเลยตามคำร้องดังกล่าวจึงเป็นการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการเรียร้องค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ข้อตกลงนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้มูลหนี้ตามสัญญาเดิมระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผูกพันคำพิพากษาคดีอาญากับคดีแพ่ง และความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
คดีอาญาศาลพิพากษาว่า ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 4 ขับรถคันที่ชนโจทก์ในคดีแพ่ง ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งตามคดีอาญาแต่จำเลยที่ 5 นายจ้างของจำเลยที่ 4 มิได้ถูกฟ้องในคดีอาญาด้วย ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีแพ่ง ซึ่งศาลฟังว่าจำเลยที่ 4 มิได้ขับรถที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การพิพากษาคดีอาญาเป็นผลผูกพันคดีแพ่ง และการแก้ไขคำพิพากษา
ในคดีส่วนอาญาศาลได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่า จำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียวเป็นผู้ประมาท ดังนั้นในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์ แต่จะนำข้อเท็จจริงดังว่านี้มาใช้ยันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 หาได้ไม่ เพราะจำเลยที่ 2 มิได้เป็นคู่ความในคดีอาญานั้นด้วย
การกำหนดให้คู่ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม เป็นดุลพินิจของศาลจำคำนวณจากทุนทรัพย์ตามฟ้อง หรือตามที่โจทก์ชนะคดีก็ได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อสู้คดีในลักษณะประวิงคดีและไม่สุจริต ศาลจะไม่ให้จำเลยรับผิดในค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เฉฑาะทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีแต่ให้รับผิดตามทุนทรัยพ์ที่ฟ้องก็ได้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์คือ ค่าปลงศพ 65,000 บาท ค่าโจทก์ขาดไร้อุปการะ 161,500 บาท ค่าซ่อมรถ 3,000 บาท แล้วพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงิน 164,500 บาท แก่โจทก์ เป็นการผิดพลาดไปโดยมิได้เอายอดเงินปลงศพ 25,000 บาท มารวมคำนวณด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และจำเลยฎีกาฝ่ายเดียวต่อมาดังนี้ ศาลฎีกาชอบที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดนี้เสียให้ถูกต้องได้โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 พิพากษาแก้ให้จำเลยชดใช้เงิน 189,000 บาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิพากษาแก้โทษในคดีอาญา แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ หากโจทก์อุทธรณ์ขอแก้ไขโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกรรโชก ชิงทรัพย์ และพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร จำเลยมิได้อุทธรณ์ แต่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานกรรโชคอีกด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดียังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายชิงทรัพย์และหาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร แต่เชื่อว่าจำเลยเป็นคนร้ายกรรโชคทรัพย์ผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้เสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 เพราะมิใช่เป็นเหตุในลักษณะคดี แต่เป็นเรื่องคดียังไม่ถึงที่สุดซึ่งศาลอาจพิพากษาเป็นอย่างอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากไม่บรรยายรายละเอียดข้อสำคัญในคดีที่จำเลยเบิกความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา คำบรรยายฟ้องของโจทก์เข้าใจได้แต่เพียงว่าจำเลยเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาซึ่ง ส. ถูกฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเท่านั้น ส.กระทำการอย่างใดอันเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตโจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้อง จึงไม่ทำให้เข้าใจได้ว่าข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลดังกล่าวนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีที่ ส. ถูกฟ้องนั้นหรือไม่คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
of 312