คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาถึงสัญญาจำนอง: สิทธิจำนองผูกพันระหว่างจำเลย โจทก์ไม่อาจอุทธรณ์เพิกถอนสัญญาจำนองได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยคนหนึ่งรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย และขอให้เพิกถอนสัญญาที่จำเลยอีกสองคนทำกันไว้เกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้น เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยคนหนึ่งรับโอนที่ดินแปลงนั้นลงชื่อในโฉนดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ต่อไปแล้ว สัญญาจำนองจะใช้บังคับแก่ที่ดินนั้นได้หรือไม่ ย่อมเป็นภาระระหว่างจำเลย โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาจำนองอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การกรีดยางหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด ถือเป็นการรอนสิทธิเจ้าของ
โจทก์จำเลยต่างเถียงกรรมสิทธิ์ในสวนยางกันจนคดีถึงศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดิม) เกี่ยวข้องกับสวนพิพาทจำเลยจึงเข้ากรีดยางแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะ ศาลฎีกาพิพากษายืนที่สวนยางนี้เป็นของโจทก์เพราะศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วเมื่อปรากฏว่าจำเลยได้กรีดยางในสวนยางนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะจนถึงศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ดังนี้จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในการที่จำเลยกรีดน้ำยางในสวนยางของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตรวจสภาพที่พิพาทและการวินิจฉัยชี้ขาดโดยไม่ต้องสืบพยาน: ศาลต้องทำเป็นคำพิพากษา
การที่คู่ความขอให้ศาลไปตรวจดูสภาพที่พิพาทแล้ววินิจฉัย+ โดยต่างไม่สืบพยานบุคคลต่อไปนั้น เป็นเรื่องสืบพยานธรรมดาโดยอ้างวัตถุพยาน คือที่พิพาทเป็นพยานร่วม มิใช่เป็น+ท้าของคู่ความ ฉะนั้นเมื่อศาลชั้นต้นไปดูสภาพของที่พิพาทแล้วเห็นอย่างไร ก็วินิจฉัยชี้ขาดได้ตามที่คู่ความเสนอไว้ได้ แต่ต้องทำเป็นคำพิพากษาให้ถูกต้องครบถ้วนตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 141 จะทำเป็นคำสั่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตรวจสภาพที่พิพาทและการวินิจฉัยของศาล: ต้องทำเป็นคำพิพากษา
การที่คู่ความขอให้ศาลไปตรวจดูสภาพที่พิพาทแล้ววินิจฉัยชี้ขาด โดยต่างไม่สืบพยานบุคคลต่อไปนั้น เป็นเรื่องสืบพยานธรรมดาโดยอ้างวัตถุพยานคือที่พิพาทเป็นพยานร่วม มิใช่เป็นคำท้าของคู่ความ ฉะนั้นเมื่อศาลชั้นต้นไปดูสภาพของที่พิพาทแล้วเห็นอย่างไร ก็วินิจฉัยชี้ขาดได้ตามที่คู่ความเสนอไว้ได้ แต่ต้องทำเป็นคำพิพากษาให้ถูกต้องครบถ้วนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 จะทำเป็นคำสั่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานต่างจากศาลชั้นต้น และการไม่แก้ไขคำพิพากษาเมื่อไม่อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้ศาลจะไม่เชื่อคำพยานโจทก์ตอนหนึ่ง และโจทก์ไม่อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยเชื่อคำพยานโจทก์ตอนนั้นได้
ศาลชั้นต้นปรับจำเลยรวมกันฐานมีฝิ่นผิด พระราชบัญญัติเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้ไข

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หากเจ้าของกรรมสิทธิยังไม่ได้เข้าครอบครอง การกระทำของผู้ครอบครองเดิมจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยครอบครองทำนาพิพาทอยู่ก่อน ภายหลังเป็นความกับโจทก์ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่นาพิพาท แต่โจทก์ยังมิได้จัดการให้ได้มาซึ่งการครอบครองแต่ประการใด จำเลยจึงเข้าทำนาพิพาทต่อไปตามเคย ดังนี้การกระทำของจำเลยยังไม่เข้าหลักอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 327

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาในคดีซื้อขายที่ดินต่อบุคคลภายนอก: กรรมสิทธิไม่ได้มาจากคำพิพากษาเดิม
ฟ้องอ้างว่าจำเลยเป็นตัวแทนซื้อที่ดินให้ตนขอให้บังคับจำเลยโอนที่รายนั้นแก่ตน จำเลยปฏิเสธต่อสู้ว่าจำเลยซื้อของจำเลยเองกับตัดฟ้องว่าการตั้งตัวแทนไปซื้อที่ดินไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้และคู่ความท้าเอาแพ้ชนะกันด้วยข้อตัดฟ้องข้อเดียวศาลวินิจฉัยว่าการตั้งตัวแทนไปประมูลซื้อที่ดินที่ขายทอดตลาดไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงพิพากษาให้จำเลยโอนที่ให้โจทก์ ดังนี้หาใช่เป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิแห่งที่รายพิพาทเป็นคูณแก่โจทก์ไม่ ฉะนั้นโจทก์จะอาศัยคำพิพากษานั้นไปใช้ยันบุคคลภายนอกตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 145 วรรค 2 (2) ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งตัวแทนซื้อที่ดินโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่ทำให้กรรมสิทธิ์โอนไปยังโจทก์ คำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
ฟ้องอ้างว่าจำเลยเป็นตัวแทนซื้อที่ดินให้ตน ขอให้บังคับจำเลยโอนที่รายนั้นแก่ตน จำเลยปฏิเสธต่อสู้ว่าจำเลยซื้อของจำเลยเองกับตัดฟ้องว่าการตั้งตัวแทนไปซื้อที่ดินไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ และคู่ความท้าเอาแพ้ชนะกันด้วยข้อตัดฟ้องข้อเดียวศาลวินิจฉัยว่าการตั้งตัวแทนไปประมูลซื้อที่ดินที่ขายทอดตลาดไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงพิพากษาให้จำเลยโอนที่ให้โจทก์ดังนี้ หาใช่เป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งที่รายพิพาทเป็นคุณแก่โจทก์ไม่ ฉะนั้นโจทก์จะอาศัยคำพิพากษานั้นไปใช้ยันบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง(2) ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการซื้อที่ดินของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ที่ดินฯ การปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ขัดต่อกฎหมาย
ศาลพิพากษาคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ คือให้จำเลยโอนที่ดินสวนยางให้แก่โจทก์คดีถึงที่สุดแล้ว ภายหลังเจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมทำโอนให้เพราะโจทก์เป็นคนต่างด้าว หามีสิทธิ์ที่จะได้ที่ดินสวนยางตามจำนวน ที่กล่าวนั้นตาม พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินให้จัดการโอนให้โจทก์ตามคำพิพากษาดังนี้ โจทก์มีหน้าที่ต้องแสดงว่าโจทก์มีสิทธิ์ที่จะซื้อได้ตามกฎหมาย เมื่อศาลเห็นสมควรจึงจะแจ้งไปยังพนักงานที่ดินต่อไป เมื่อโจทก์ไม่แสดงและปรากฎว่าโจทก์ไม่มีอำนาจจะซื้อที่ดินเท่าจำนวนนั้น โดยกฎหมายห้ามไว้ชัดแจ้ง ศาลก็ย่อมสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้ ไม่ถือว่าเป็นการขัดแย้งกับคำพิพากษา
ผู้ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนใช้ พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 และยังได้ขอจดทะเบียนสิทธิ์การได้มาซึ่งที่ดินนั้นตามพ.ร.บ.ดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อปรากฎว่าเป็นแต่เพียงครอบครองในฐานะเป็นผู้จะซื้อตามสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น จะถือว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของที่นั้นหรือได้มาซึ่งที่นั้นโดยชอบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 ยังไม่ได้ การที่เจ้าพนักงานรับคำขอจดทะเบียนให้ ไม่ได้หมายความว่าโจทก์มีสิทธิ์หรือกรรมสิทธิ์ในที่นั้นจริง โจทก์จะมีสิทธิ์หรือกรรมสิทธิ์อย่างไรย่อมเป็นไปตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยทรัพย์ตามมาตรา 290: ระยะเวลาการยื่นคำขอและการอายัติทรัพย์ก่อนมีคำพิพากษา
ในกรณีร้องขอเฉลี่ยทรัพย์มาตรา 290 วรรค 4 บัญญัติห้ามมิให้ยื่นคำขอช้ากว่า 3 เดือนนับแต่วันอายัต นั้น มีความหมายถึงการอายัตตามคำพิพากษาเท่านั้น หาใช่มุ่งหมายให้นับแต่วันอายัติก่อนมีคำพิพากษาไม่
ภรรยาได้รับความยินยอมจากสามีให้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกหนี้สิน จนศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้แล้ว เมื่อจำเลยถูกเจ้าหนี้อื่นยึดและอายัตทรัพย์ไว้ก่อนแล้ว ภรรยาผู้เป็นโจทก์ก็มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ โดยในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยผู้นี้ ภรรยาไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีซ้ำอีก
คำว่า " ลูกหนี้ตามคำพิพากษา " ในมาตรา 290 นั้นหมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึดทรัพย์ ไม่หมายความว่ามีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาคนอื่นๆอยู่อีก
of 189