พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,003 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายหลอกลวง: สัญญาที่ทำขึ้นโดยเจตนาลวงไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
จำเลยให้โจทก์โฆษณาขายที่นาให้ เมื่อขายได้ โจทก์จะหักเอาเงินที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์. จึงได้ทำสัญญาซื้อขายกันหลอกๆ ว่า จำเลยขายนาให้โจทก์ เพื่อจะได้นำไปแสดงแก่บุคคลอื่นให้มาซื้อ. ดังนี้ สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยทำขึ้นโดยเจตนาลวง. ใช้บังคับระหว่างกันไม่ได้. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์จากการยึดที่ดิน: ผู้ซื้อต้องพิสูจน์การครอบครองและกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้จะซื้อมาจากภริยา
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวอ้างว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งโจทก์นำยึดเป็นของตน ซื้อจากจำเลยกับภริยา และครอบครองมาเกิน 1 ปี โดยให้ผู้อื่นเช่าทำนาตลอดมา โจทก์ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำนองสหกรณ์ไว้ยังมิได้ไถ่ถอน จำเลยกับภริยาไม่ได้ขาย และมิได้มอบการครอบครองให้แก่ผู้ร้อง สัญญาซื้อขายทำโดยไม่สุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ เมื่อขณะโจทก์นำยึด มีผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ โจทก์ปฏิเสธการครอบครองของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องแม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องแม้จะฟังว่าเป็นของภริยาจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม้ซุง เงินล่วงหน้า อายุความทั่วไป 10 ปี
โจทก์จำเลยติดต่อค้าขายไม้ซุงกัน โดยโจทก์ให้เงินจำเลยไปก่อน เมื่อจำเลยส่งไม้มาให้โจทก์ก็คิดหักราคาไม้กับเงินที่จำเลยรับไปล่วงหน้า และถ้าไม้ที่จำเลยส่งมีราคาน้อยกว่าเงินที่จำเลยรับไป หักเหลือเงินเท่าใดก็ขึ้นบัญชีไว้ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ ดังนี้ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นสัญญาชนิดหนึ่งอันเกิดจากข้อตกลงในการที่จะซื้อขายไม้กัน ซึ่งไม่เข้ากับบทบัญญัติบทหนึ่งบทใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้น ในกรณีที่เงินของโจทก์ยังเหลืออยู่ที่จำเลยมากน้อยเท่าใด จึงมีสภาพเป็นเรื่องที่จำเลยเก็บรักษาเงินของโจทก์ไว้เพื่อทำการซื้อขายไม้กันต่อไป เมื่อจำเลยไม่มีไม้มาขายให้แก่โจทก์ โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินนั้นได้
อายุความเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะจึงต้องปรับใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา164 ซึ่งเป็นอายุความเรียกร้องทั่วไป
อายุความเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะจึงต้องปรับใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา164 ซึ่งเป็นอายุความเรียกร้องทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม้ซุงและการเรียกร้องเงินคืน: อายุความตามมาตรา 164
โจทก์จำเลยติดต่อค้าขายไม้ซุงกัน โดยโจทก์ให้เงินจำเลยไปก่อน เมื่อจำเลยส่งไม้มาให้โจทก์ก็คิดหักราคาไม้กับเงินที่จำเลยรับไปล่วงหน้า และถ้าไม้ที่จำเลยส่งมีราคาน้อยกว่าเงินที่จำเลยรับไป หักเหลือเงินเท่าใดก็ขึ้นบัญชีไว้ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ ดังนี้ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นสัญญาชนิดหนึ่งอันเกิดจากข้อตกลงในการที่จะซื้อขายไม้กัน ซึ่งไม่เข้ากับบทบัญญัติบทหนึ่งบทใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้น ในกรณีที่เงินของโจทก์ยังเหลืออยู่ที่จำเลยมากน้อยเท่าใด จึงมีสภาพเป็นเรื่องที่จำเลยเก็บรักษาเงินของโจทก์ไว้เพื่อทำการซื้อขายไม้กันต่อไป เมื่อจำเลยไม่มีไม้มาขายให้แก่โจทก์ โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินนั้นได้
อายุความเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะจึงต้องปรับใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา164 ซึ่งเป็นอายุความเรียกร้องทั่วไป
อายุความเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะจึงต้องปรับใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา164 ซึ่งเป็นอายุความเรียกร้องทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม้ซุง การเรียกร้องเงินคืน และอายุความทั่วไป
โจทก์จำเลยติดต่อค้าขายไม้ซุงกัน. โดยโจทก์ให้เงินจำเลยไปก่อน เมื่อจำเลยส่งไม้มาให้โจทก์ก็คิดหักราคาไม้กับเงินที่จำเลยรับไปล่วงหน้า. และถ้าไม้ที่จำเลยส่งมีราคาน้อยกว่าเงินที่จำเลยรับไป หักเหลือเงินเท่าใดก็ขึ้นบัญชีไว้ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์. ดังนี้ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นสัญญาชนิดหนึ่งอันเกิดจากข้อตกลงในการที่จะซื้อขายไม้กัน ซึ่งไม่เข้ากับบทบัญญัติบทหนึ่งบทใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. ฉะนั้น ในกรณีที่เงินของโจทก์ยังเหลืออยู่ที่จำเลยมากน้อยเท่าใด จึงมีสภาพเป็นเรื่องที่จำเลยเก็บรักษาเงินของโจทก์ไว้เพื่อทำการซื้อขายไม้กันต่อไป. เมื่อจำเลยไม่มีไม้มาขายให้แก่โจทก์. โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินนั้นได้.
อายุความเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ.จึงต้องปรับใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา164 ซึ่งเป็นอายุความเรียกร้องทั่วไป.
อายุความเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ.จึงต้องปรับใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา164 ซึ่งเป็นอายุความเรียกร้องทั่วไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาทหลังสัญญาซื้อขาย/ขายฝากเป็นโมฆะ: จำเลยยังมิได้สละการครอบครองทันที ต้องสืบพยาน
จำเลยขายนาพิพาทให้โจทก์โดยทำหนังสือกันเอง มิได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ แต่ก็ยังมีผลเป็นการแสดงถึงพฤติการณ์ของโจทก์จำเลยเกี่ยวกับนาพิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน ว่ามีเจตนาต่อกันอย่างไร หนังสือสัญญานี้ในตอนต้นมีข้อความว่าจำเลยขายนาพิพาทให้โจทก์ และได้รับชำระราคาจากโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว แต่ในตอนท้ายกล่าวว่า "ให้ผู้ขายตรึกตรองและตกลงปลงใจพิจารณาอยู่ภายใน 10 วัน นับตั้งแต่วันทำหนังสือนี้เป็นต้นไป ถ้าพ้นจากภายใน 10 วันแล้ว ที่ดินนาดังกล่าวแล้ว ให้นายบุ่ง กลมเกลียว (โจทก์) ครอบครองต่อไป" ฉะนั้น ถึงหากจำเลยได้มอบที่นาให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญานั้น ก็ไม่พอฟังว่าจำเลยสละการครอบครองให้แก่โจทก์ไปในทันใดนั้นแล้ว เพราะยังอยู่ในระหว่างที่จำเลยจะตัดสินใจต่อไป นอกจากนี้ จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าคดีว่าต่อจากวันขายฝาก 8 วัน จำเลยได้นำเงินไปขอไถ่ แต่โจทก์ยังไม่รับเงิน ให้จำเลยเอาไว้เป็นเงินยืมจากโจทก์ โดยโจทก์ขอนำนาพิพาทต่างดอกเบี้ยไปก่อน เป็นการโต้เถียงว่าโจทก์เพียงแต่เป็นผู้ยึดถือครอบครองนาพิพาทแทนจำเลยอยู่ต่อมา เพราะจำเลยได้จัดการไถ่ภายในกำหนด 10 วัน และโจทก์จำเลยตกลงกันใหม่ เพื่อให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เป็นการครอบครองเป็นของโจทก์เอง ฉะนั้น คดีจะต้องให้คู่ความสืบพยานเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการครอบครองที่ดิน: สัญญาซื้อขายที่ยังไม่สมบูรณ์และการพิสูจน์เจตนาสละการครอบครอง
จำเลยขายนาพิพาทให้โจทก์โดยทำหนังสือกันเอง มิได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ แต่ก็ยังมีผลเป็นการแสดงถึงพฤติการณ์ของโจทก์จำเลยเกี่ยวกับนาพิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน ว่ามีเจตนาต่อกันอย่างไร หนังสือสัญญานี้ในตอนต้นมีข้อความว่าจำเลยขายนาพิพาทให้โจทก์ และได้รับชำระราคาจากโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว แต่ในตอนท้ายกล่าวว่า"ให้ผู้ขายตรึกตรองและตกลงปลงใจพิจารณาอยู่ภายใน 10วัน นับตั้งแต่วันทำหนังสือนี้เป็นต้นไป ถ้าพ้นจากภายใน 10 วันแล้ว ที่ดินนาดังกล่าวแล้วให้นายบุ่ง กลมเกลียว (โจทก์) ครอบครองต่อไป" ฉะนั้น ถึงหากจำเลยได้มอบที่นาให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญานั้น ก็ไม่พอฟังว่าจำเลยสละการครอบครองให้แก่โจทก์ไปในทันใดนั้นแล้ว เพราะยังอยู่ในระหว่างที่จำเลยจะตัดสินใจต่อไป นอกจากนี้ จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าต่อจากวันขายฝาก 8 วัน จำเลยได้นำเงินไปขอไถ่ แต่โจทก์ยังไม่รับเงิน ให้จำเลยเอาไว้เป็นเงินยืมจากโจทก์โดยโจทก์ขอทำนาพิพาทต่างดอกเบี้ยไปก่อน เป็นการโต้เถียงว่าโจทก์เพียงแต่เป็นผู้ยึดถือครอบครองนาพิพาทแทนจำเลยอยู่ต่อมา เพราะจำเลยได้จัดการไถ่ภายในกำหนด 10 วันและโจทก์จำเลยตกลงกันใหม่ เพื่อให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เป็นการครอบครองเป็นของโจทก์เอง ฉะนั้น คดีจะต้องให้คู่ความสืบพยานเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลาภมิควรได้จากการปรับปรุงที่ดินก่อนสัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ ผู้ซื้อรายใหม่รับช่วงสิทธิเรียกร้อง
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดิน ผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครอง ผู้ซื้อได้ลงทุนทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว ต่อมาผู้ขายไม่สามารถโอนขายที่ดินให้ผู้ซื้อได้ เมื่อผู้ซื้อต้องส่งมอบที่ดินคืนผู้ขาย กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1376 ซึ่งให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้ ผู้ซื้อจึงเป็นเจ้าหนี้เรียกร้องเอาค่าใช้จ่ายดังกล่าวในฐานะที่เป็นลาภมิควรได้จาก (ผู้ขาย) จำเลยได้
โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อคนใหม่ ได้จ่ายเงินค่าที่ดินและค่าใช้จ่ายในการทำที่ดินให้เป็นที่สวนให้แก่ผู้ซื้อ จึงเป็นการที่โจทก์ผู้มีส่วนได้เสียได้เข้ามาใช้หนี้แทนจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เข้ารับช่วงสิทธิเรียกร้องของผู้ซื้อ มีสิทธิฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อทำให้ที่ดินรายนี้มีราคาเพิ่มขึ้นจากจำเลยได้
โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อคนใหม่ ได้จ่ายเงินค่าที่ดินและค่าใช้จ่ายในการทำที่ดินให้เป็นที่สวนให้แก่ผู้ซื้อ จึงเป็นการที่โจทก์ผู้มีส่วนได้เสียได้เข้ามาใช้หนี้แทนจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เข้ารับช่วงสิทธิเรียกร้องของผู้ซื้อ มีสิทธิฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อทำให้ที่ดินรายนี้มีราคาเพิ่มขึ้นจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายผิดสัญญา (สวิทซ์) และการชำระหนี้ตามส่วน รวมถึงค่าเสียหายจากการติดตั้งที่ไม่เสร็จ
โจทก์ส่งมอบเครื่องสัญญาณเรียกผู้รับใช้ที่ตกลงซื้อขายให้จำเลยถูกต้อง แต่ส่งมอบสวิทซ์ไฟฟ้าผิดยี่ห้อไม่ตรงตามสัญญา เมื่อจำเลยได้รับชำระหนี้ตามสภาพดังกล่าวแล้วก็ต้องชำระราคาตอบแทนตามส่วน
การที่โจทก์ติดตั้งเครื่องสัญญาณไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา เพราะจำเลยเกี่ยงจะให้โจทก์ปฏิบัตินอกเหนือสัญญา ย่อมไม่ใช่ความผิดของโจทก์ แต่เป็นความผิดของจำเลย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนทดแทนค่าแรงและอุปกรณ์ในการติดตั้งที่โจทก์ได้กระทำไปแล้ว
ตามสัญญา จำเลยจะต้องชำระราคาค่าเครื่องสัญญาณทันที เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระก็ต้องเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันรับมอบของ ซึ่งจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัก
ค่าติดตั้งเครื่องสัญญาณซึ่งโจทก์ทำไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา เพราะความผิดของจำเลย โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยได้ในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดแน่นอนเมื่อใด ศาลก็พิพากษาให้ดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
การที่โจทก์ติดตั้งเครื่องสัญญาณไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา เพราะจำเลยเกี่ยงจะให้โจทก์ปฏิบัตินอกเหนือสัญญา ย่อมไม่ใช่ความผิดของโจทก์ แต่เป็นความผิดของจำเลย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนทดแทนค่าแรงและอุปกรณ์ในการติดตั้งที่โจทก์ได้กระทำไปแล้ว
ตามสัญญา จำเลยจะต้องชำระราคาค่าเครื่องสัญญาณทันที เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระก็ต้องเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันรับมอบของ ซึ่งจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัก
ค่าติดตั้งเครื่องสัญญาณซึ่งโจทก์ทำไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา เพราะความผิดของจำเลย โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยได้ในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดแน่นอนเมื่อใด ศาลก็พิพากษาให้ดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขาย-ติดตั้ง: การชำระหนี้ตามส่วน, ความผิดของผู้ซื้อ, ดอกเบี้ย, ค่าเสียหายจากการติดตั้งไม่เสร็จ
โจทก์ส่งมอบเครื่องสัญญาณเรียกผู้รับใช้ที่ตกลงซื้อขายให้จำเลยถูกต้อง แต่ส่งมอบสวิทซ์ไฟฟ้าผิดยี่ห้อไม่ตรงตามสัญญา เมื่อจำเลยได้รับชำระหนี้ตามสภาพดังกล่าวแล้วก็ต้องชำระราคาตอบแทนตามส่วน
การที่โจทก์ติดตั้งเครื่องสัญญาณไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญาเพราะจำเลยเกี่ยงจะให้โจทก์ปฏิบัตินอกเหนือสัญญา ย่อมไม่ใช่ความผิดของโจทก์ แต่เป็นความผิดของจำเลย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนทดแทนค่าแรงและอุปกรณ์ในการติดตั้งที่โจทก์ได้กระทำไปแล้ว
ตามสัญญา จำเลยจะต้องชำระราคาค่าเครื่องสัญญาณทันทีเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระก็ต้องเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันรับมอบของ ซึ่งจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด
ค่าติดตั้งเครื่องสัญญาณซึ่งโจทก์ทำไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา เพราะความผิดของจำเลย โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยได้ในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้วเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดแน่นอนเมื่อใด ศาลก็พิพากษาให้ดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
การที่โจทก์ติดตั้งเครื่องสัญญาณไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญาเพราะจำเลยเกี่ยงจะให้โจทก์ปฏิบัตินอกเหนือสัญญา ย่อมไม่ใช่ความผิดของโจทก์ แต่เป็นความผิดของจำเลย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนทดแทนค่าแรงและอุปกรณ์ในการติดตั้งที่โจทก์ได้กระทำไปแล้ว
ตามสัญญา จำเลยจะต้องชำระราคาค่าเครื่องสัญญาณทันทีเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระก็ต้องเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันรับมอบของ ซึ่งจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด
ค่าติดตั้งเครื่องสัญญาณซึ่งโจทก์ทำไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา เพราะความผิดของจำเลย โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยได้ในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้วเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดแน่นอนเมื่อใด ศาลก็พิพากษาให้ดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง