พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์และขาดเจตนา การฟ้องร้องบังคับคดีโดยอาศัยสัญญาที่ไม่ถูกต้อง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 70,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แต่จำเลยทั้งสองได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันโดยไม่ได้กรอกข้อความให้โจทก์ไว้ ต่อมาฝ่ายโจทก์ได้เขียนกรอกข้อความในสัญญาและเขียนจำนวนเงินกู้เป็น 136,770 บาท โดยจำเลยทั้งสองมิได้กู้ยืมเงินหรือค้ำประกันตามจำนวนเงินที่ปรากฏในสัญญานั้น โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีโดยอาศัยหลักฐานสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันฉบับระบุจำนวนเงินกู้ 136,770 บาท ไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและค้ำประกันจำนวน 70,000 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 70,000 บาทตามที่จำเลยยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญาฉบับที่โจทก์ฟ้องกับสัญญาที่จำเลยยอมรับเป็นคนละฉบับกัน และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้เงินให้ตามสัญญาที่จำเลยยอมรับ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันฉบับระบุจำนวนเงินกู้ 136,770 บาท ไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและค้ำประกันจำนวน 70,000 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 70,000 บาทตามที่จำเลยยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญาฉบับที่โจทก์ฟ้องกับสัญญาที่จำเลยยอมรับเป็นคนละฉบับกัน และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้เงินให้ตามสัญญาที่จำเลยยอมรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1532/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสัญญากู้ยืมปลอม ไม่อาจใช้บังคับคดีได้
จำเลยกู้เงินโจทก์ 30,000 บาท โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในช่องผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินโดยมิได้กรอกข้อความ เมื่อข้อความและจำนวนเงิน 40,000 บาท ที่กรอกในหนังสือสัญญากู้ถูกเขียนขึ้นภายหลัง ไม่ตรงต่อความเป็นจริงและโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมย่อมเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจแสวงสิทธิจากเอกสารปลอมได้ ถือได้ว่าการกู้เงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดีและการครอบครองทรัพย์สินที่ถูกยึดโดยไม่สุจริต สิทธิของเจ้าหนี้และผู้ครอบครอง
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินรายพิพาทไว้เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยึดถือครอบครองจนกว่าจะบังคับคดีเสร็จสิ้นหรือมีการถอนการบังคับคดี ในระหว่างการยึดนั้นแม้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้เป็นเจ้าของก็ไม่อาจก่อให้เกิด โอน หรือเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้แล้ว ดังนั้น แม้จำเลยเข้าครอบครองที่ดินรายพิพาทก็ไม่อาจอ้างสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะเป็นเหตุให้ที่ดินรายพิพาทหลุดพ้นไปจากการบังคับคดี
จำเลยเข้าครอบครองปลูกยางพาราในที่ดินรายพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้เพื่อบังคับคดีย่อมมิใช่เป็นการเพาะปลูกต้นไม้ในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ประกอบกับมาตรา 1314 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมีเพียงสิทธิที่จะบังคับตามมาตรา 1311 ประกอบกับมาตรา 1314 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ต้นยางพาราที่จำเลยกรีดเป็นของที่จำเลยปลูกทำลงไว้ การที่จำเลยกรีดยางดังกล่าวหาเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่
จำเลยเข้าครอบครองปลูกยางพาราในที่ดินรายพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้เพื่อบังคับคดีย่อมมิใช่เป็นการเพาะปลูกต้นไม้ในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ประกอบกับมาตรา 1314 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมีเพียงสิทธิที่จะบังคับตามมาตรา 1311 ประกอบกับมาตรา 1314 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ต้นยางพาราที่จำเลยกรีดเป็นของที่จำเลยปลูกทำลงไว้ การที่จำเลยกรีดยางดังกล่าวหาเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดีและการครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่ถูกยึด สิทธิของผู้ยึดและผู้ครอบครอง
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินรายพิพาทไว้เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยึดถือครอบครองจนกว่าจะบังคับคดีเสร็จสิ้นหรือมีการถอนการบังคับคดี ในระหว่างการยึดนั้นแม้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้เป็นเจ้าของก็ไม่อาจก่อให้เกิด โอน หรือเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้แล้ว ดังนั้น แม้จำเลยเข้าครอบครองที่ดินรายพิพาทก็ไม่อาจอ้างสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะเป็นเหตุให้ที่ดินรายพิพาทหลุดพ้นไปจากการบังคับคดี
จำเลยเข้าครอบครองปลูกยางพาราในที่ดินรายพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้เพื่อบังคับคดี ย่อมมิใช่เป็นการเพาะปลูกต้นไม้ในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ประกอบกับมาตรา 1314 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมีเพียงสิทธิที่จะบังคับตามมาตรา 1311 ประกอบกับมาตรา 1314 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ต้นยางพาราที่จำเลยกรีดเป็นของที่จำเลยปลูกทำลงไว้ การที่จำเลยกรีดยางดังกล่าวหาเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่
จำเลยเข้าครอบครองปลูกยางพาราในที่ดินรายพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้เพื่อบังคับคดี ย่อมมิใช่เป็นการเพาะปลูกต้นไม้ในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ประกอบกับมาตรา 1314 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมีเพียงสิทธิที่จะบังคับตามมาตรา 1311 ประกอบกับมาตรา 1314 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ต้นยางพาราที่จำเลยกรีดเป็นของที่จำเลยปลูกทำลงไว้ การที่จำเลยกรีดยางดังกล่าวหาเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349-1351/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตถอนเงินประกันค่าเสียหายเพื่อใช้ค่าธรรมเนียมศาล เป็นคำสั่งในชั้นบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
เมื่อโจทก์ฟ้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้อง และโจทก์ได้วางเงินประกันค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่วางประกันค่าเสียหายมาชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา โดยสั่งไว้ด้วยอีกว่าให้เบิกมาปิดฤชากรในคำฟ้องฎีกาได้เมื่อคำสั่งนี้ถึงที่สุดแล้ว และจะสั่งฎีกาของโจทก์ต่อไป เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งรับฎีกาของโจทก์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นกระทำไปในชั้นดำเนินการแทนศาลฎีกาถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งของศาลฎีกา แต่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นเองโดยตรง คำสั่งดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุด คู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 โจทก์ขอรับเงินที่วางประกันค่าเสียหายคืน จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินเพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เงินส่วนที่เหลือนี้เป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้เพื่อบังคับคดีแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินจำนวนนี้ไปเพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 226
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 โจทก์ขอรับเงินที่วางประกันค่าเสียหายคืน จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินเพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เงินส่วนที่เหลือนี้เป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้เพื่อบังคับคดีแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินจำนวนนี้ไปเพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349-1351/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตถอนเงินประกันค่าเสียหายในชั้นบังคับคดีเป็นคำสั่งที่อุทธรณ์ฎีกาได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา
เมื่อโจทก์ฟ้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้อง และโจทก์ได้วางเงินประกันค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินดังกล่าวมาชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา โดยสั่งด้วยว่าให้เบิกมาปิดฤชากรในคำฟ้องฎีกาได้เมื่อคำสั่งนี้ถึงที่สุดแล้ว และจะสั่งฎีกาของโจทก์ต่อไป เห็นได้ว่ายังมิได้สั่งรับฎีกา จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นกระทำไปในชั้นดำเนินการแทนศาลฎีกาแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งของศาลฎีกา แต่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นเองโดยตรง คำสั่งดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุด คู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวโจทก์ขอรับเงินประกันค่าเสียหายที่วางศาล จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้ แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินได้เพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้เพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวโจทก์ขอรับเงินประกันค่าเสียหายที่วางศาล จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้ แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินได้เพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้เพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยหนี้ภาษีอากรของผู้ร้อง แม้ไม่ใช่เจ้าหนี้บุริมสิทธิ หลังบังคับคดีจำนอง
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ให้อำนาจแก่ผู้ร้องที่จะเรียกเก็บหนี้อันเกี่ยวกับภาษีอากร และให้อำนาจที่จะยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยผู้ที่ค้างชำระได้โดยไม่จำต้องนำคดีฟ้องร้องต่อศาล ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะเป็นบุคคลภายนอก ก็อาจใช้สิทธิขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของจำเลยได้ตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องหนี้ภาษีอากรของเจ้าหนี้ที่ไม่ใช่เจ้าหนี้บุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินลูกหนี้ที่ถูกบังคับคดี
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ให้อำนาจแก่ผู้ร้องที่จะเรียกเก็บหนี้อันเกี่ยวกับภาษีอากร และให้อำนาจที่จะยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยผู้ที่ค้างชำระได้โดยไม่จำต้องนำคดีฟ้องร้องต่อศาล ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะเป็นบุคคลภายนอก ก็อาจใช้สิทธิขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของจำเลยได้ตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองขอบังคับจำนอง โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะเอาชำระได้ผู้ร้องแม้จะไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก็ชอบที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการบังคับคดีก่อนมีคำพิพากษา: โจทก์ต้องบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1-2 ก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เดิมจำเลยที่ 3 ให้การต่อสู้คดี แต่ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 แถลงสละข้อต่อสู้ทั้งหมด รับว่าฟ้องโจทก์เป็นความจริง ขอให้โจทก์บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก่อน หากไม่มีทรัพย์หรือมีไม่พอก็ให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 3 โจทก์แถลงไม่ขัดข้อง ดังนี้ จึงเท่ากับเป็นการตกลงในเรื่องการบังคับคดีไว้ล่วงหน้าก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้จำเลยที่ 3 รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม แต่ถ้าจะต้องมีการบังคับคดี โจทก์ก็ผูกพันที่จะต้องบังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก่อนตามข้อตกลง และชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ปรากฏเสียก่อนว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีทรัพย์สินที่โจทก์สามารถจะบังคับเอาชำระหนี้ได้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการบังคับคดี: โจทก์ต้องบังคับทรัพย์จำเลยที่ 1-2 ก่อน แม้ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 3 เป็นลูกหนี้ร่วม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็คจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาเดิมจำเลยที่ 3 ให้การต่อสู้คดี แต่ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 แถลงสละข้อต่อสู้ทั้งหมด รับว่าฟ้องโจทก์เป็นความจริง ขอให้โจทก์บังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ที่2 ก่อน หากไม่มีทรัพย์หรือมีไม่พอก็ให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 3 โจทก์แถลงไม่ขัดข้อง ดังนี้ จึงเท่ากับเป็นการตกลงในเรื่องการบังคับคดีไว้ล่วงหน้าก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้จำเลยที่ 3 รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมแต่ถ้าจะต้องมีการบังคับคดี โจทก์ก็ผูกพันที่จะต้องบังคับเอาแก่จำเลยที่1 ที่ 2 ก่อนตามข้อตกลง และชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ปรากฏเสียก่อนว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีทรัพย์สินที่โจทก์สามารถจะบังคับเอาชำระหนี้ได้หรือไม่