พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,842 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายต่างประเทศ: ความรับผิดชอบของจำเลยต่อความเสียหายจากผิดสัญญา และการกำหนดค่าเสียหายที่เหมาะสม
โจทก์ส่งสำเนาคำแปลเอกสารพร้อมกับสำเนาคำฟ้อง โจทก์แถลงรับรองต่อศาลว่าแปลผิดไป แต่คำแปลที่ส่งพร้อมกับต้นฉบับเอกสารนั้นถูกต้อง จำเลยมิได้คัดค้านคำแปลนี้ว่าผิดพลาดประการใด จึงต้องถือคำแปลที่ส่งพร้อมกับต้นฉบับว่าถูกต้องตามความจริง
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์สั่งผ้าจากต่างประเทศให้จำเลยโจทก์ได้จัดการสั่งให้ครบถ้วน และโจทก์ได้ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศด้วยแล้ว เมื่อจำเลยทำผิดสัญญากับโจทก์ ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ย่อมผิดสัญญากับบริษัทในต่างประเทศต้องเสียหาย จำเลยก็ต้องรับผิดในความเสียหายจำนวนนั้น
ถ้าโจทก์นำสืบค่าเสียหายไม่ได้แน่ชัดว่า การเสียหายถึงจำนวนนั้นจริงศาลก็กำหนดให้ตามที่ศาลเห็นสมควร
การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯในวันฟ้อง
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์สั่งผ้าจากต่างประเทศให้จำเลยโจทก์ได้จัดการสั่งให้ครบถ้วน และโจทก์ได้ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศด้วยแล้ว เมื่อจำเลยทำผิดสัญญากับโจทก์ ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ย่อมผิดสัญญากับบริษัทในต่างประเทศต้องเสียหาย จำเลยก็ต้องรับผิดในความเสียหายจำนวนนั้น
ถ้าโจทก์นำสืบค่าเสียหายไม่ได้แน่ชัดว่า การเสียหายถึงจำนวนนั้นจริงศาลก็กำหนดให้ตามที่ศาลเห็นสมควร
การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯในวันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าพนักงานไปรษณีย์ต่อความเสียหายของสิ่งของที่ส่ง หากความเสียหายมิได้เกิดจากการกระทำของตน
ระเบียบการส่งและรับแสตมป์อากรและแสตมป์อากรรมหรสพระหว่างกรมสรรพากรกับกรมไปรษณีย์ มุ่งประสงค์มิให้หีบห่อศูนย์หาย ทั้งเป็นแต่เพียงข้อตกลงที่วางเป็นระเบียบขึ้นไว้ หาใช่กฎหมายไม่ เมื่อหีบห่อเรียบร้อยแต่แสตมป์อากรที่บรรจุอยู่ในหีบห่อศูนย์หายไปนั้น หาใช่ผลโดยตรงหรือเนื่องมาจาการที่จำเลยจ่ายแก่ผู้รับที่ไม่มีใบมอบอำนาจอันเป็นการผิดระเบียนไม่ ดังนี้แล้ว ความเสียหายนั้นก็มิได้เกิดจากการกระทำของจำเลย ๆ ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการปล่อยอาคารเอนทับ ทำให้เกิดความเสียหาย แม้ภายหลังเกิดเหตุไฟไหม้ ค่าเสียหายยังคงอยู่
จำเลยปล่อยให้อาคารของตนเอนทับอาคารโจทก์เสียหายดังนี้เรียกว่าจำเลยทำละเมิด จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
ความเสียหายเกิดขึ้นนับแต่ทำละเมิดดังนั้นแม้ภายหลังปรากฏว่าอาคารของโจทก์ถูกไหม้ไม่มีอะไรจะให้จำเลยจัดการกับอาคารก็ดีความเสียหายซึ่งเกิดแต่ละเมิดยังคงอยู่ไม่ระงับหรือเปลี่ยนแปลงตามไปจำเลยต้องรับผิด
ความเสียหายเกิดขึ้นนับแต่ทำละเมิดดังนั้นแม้ภายหลังปรากฏว่าอาคารของโจทก์ถูกไหม้ไม่มีอะไรจะให้จำเลยจัดการกับอาคารก็ดีความเสียหายซึ่งเกิดแต่ละเมิดยังคงอยู่ไม่ระงับหรือเปลี่ยนแปลงตามไปจำเลยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้เช่าต่อความเสียหายของเรือนที่เกิดจากการกระทำของบุคคลอื่นระหว่างเช่า
จำเลยเช่าเรือนของโจทก์ไป เรือนเกิดบุบสลายเสียหายขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลอื่นใดในระหว่างที่จำเลยยังเช่าโจทก์อยู่ อันเป็นความผิดของจำเลยๆ ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ผู้ให้เช่าตามมาตรา 562 ป.พ.พ.ม
เมื่อสญญา+
เมื่อสญญา+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้เช่าต่อความเสียหายของเรือนอันเกิดจากการกระทำของบุคคลอื่นระหว่างเช่า และค่าเช่าค้างชำระ
จำเลยเช่าเรือนของโจทก์ไปเรือนเกิดบุบสลายเสียหายขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลอื่นใดในระหว่างที่จำเลยยังเช่าโจทก์อยู่อันเป็นความผิดของจำเลยจำเลยต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ผู้ให้เช่าตามมาตรา 562 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เมื่อสัญญาเช่าระงับลงแล้ว ผู้เช่าส่งมอบเรือนคืนไม่ได้เพราะพฤติการณ์ที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบผู้เช่าต้องใช้ค่าทดแทนในการนี้ตามจำนวนค่าเช่า
เมื่อสัญญาเช่าระงับลงแล้ว ผู้เช่าส่งมอบเรือนคืนไม่ได้เพราะพฤติการณ์ที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบผู้เช่าต้องใช้ค่าทดแทนในการนี้ตามจำนวนค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ให้เช่าต่อความเสียหายของที่เช่า แม้การรื้อถอนจะอ้างคำสั่งเจ้าพนักงาน
ผู้เช่าฟ้องจำเลยผู้ให้เช่าว่าจ้างวานให้บุคคลอื่นรื้อหลังคาเคหะที่ให้เช่าเป็นเหตุให้ผู้เช่าโจทก์เสียหาย จึงขอให้จำเลยจัดการซ่อมหลังคา หรือถ้าจำเลยไม่จัดการ ก็ขอให้โจทก์ซ่อมแซมโดยจำเลยเสียค่าซ่อม ดังนี้ แม้การเช่าจะไม่มีหนังสือ ก็ยังฟ้องคดีเช่นนี้ได้ และเมื่อจำเลยให้การว่า " จำเลยมิได้บังอาจสมคบจ้างวานบุคคลอื่นทำการรื้อหลังคาห้องที่โจทก์เช่า แต่จำเลยให้คนรื้อห้องพิพาทอันเป็นห้องของจำเลยตามคำสั่งของนายเทศมนตรีซึ่งจำเลยเชื่อว่า เป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมายและเชื่อว่า ถ้าจำเลยไม่ปฎิบัติตามจำเลยอาจมีความผิดตามกฎหมายทั้งก่อนรื้อจำเลยก็ได้แจ้งให้โจทก์และเจ้าหน้าที่อำเภอทราบล่วงหน้าแล้ว " ดังนี้ แม้จะได้เป็นความจริง ข้ออ้างดังกล่าวก็ไม่ใช่ข้อต่อสู้ที่จะให้จำเลยพ้นความรับผิดชอบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและการฉ้อโกงทำให้เกิดความเสียหาย การฟ้องขอค่าเสียหายคืนได้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
เดิมเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่ซ่อมเรือให้ส่งมอบเรือที่ซ่อมคืนในสภาพเดิม ซึ่งขณะนั้นปรากฎว่า ไม่มีเครื่องยนต์ในเรือเพราะมีคนถอดเอาไป ศาลจึงพิพากษาให้เจ้าของอู่ซ่อมเรือใช้ค่าเสียหาย แก่เจ้าของเรือ ต่อมาปรากฏว่า คนของเจ้าของเรือเป็นผู้มาถอดเอาเครื่องยนต์ในเรือไปแล้วหาย ต่อมาจับได้ และเจ้าของเรือได้รับเอาเครื่องยนต์คืนจากตำรวจไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่เรือ ดังนี้ เจ้าของอู่เรือย่อมมีสิทธิฟ้องเจ้าของเรือ ฐานปิดบังความจริงและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันเป็นการกล่าวเท็จ เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและพิพากษาบังคับเจ้าของอู่เรือ ให้ใช้ค่าเสียหายที่ต้องชำระไปดังกล่าวคืนจากเจ้าของเรือได้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและการฉ้อโกงทำให้เกิดความเสียหาย สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายคืน
เดิมเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่ซ่อมเรือให้ส่งมอบเรือที่ซ่อมคืนในสภาพเดิมซึ่งขณะนั้นปรากฏว่า ไม่มีเครื่องยนต์ในเรือเพราะมีคนถอดเอาไปศาลจึงพิพากษาให้เจ้าของอู่ซ่อมเรือใช้ค่าเสียหาย แก่เจ้าของเรือ ต่อมาปรากฏว่า คนของเจ้าของเรือเป็นผู้มาถอดเอาเครื่องยนต์ในเรือไปแล้วหาย ต่อมาจับได้ และเจ้าของเรือได้รับเอาเครื่องยนต์คืนจากตำรวจไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่เรือดังนี้ เจ้าของอู่เรือย่อมมีสิทธิฟ้องเจ้าของเรือ ฐานปิดบังความจริงและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันเป็นการกล่าวเท็จ เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและพิพากษาบังคับเจ้าของอู่เรือ ให้ใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของเรือตามฟ้องเจ้าของอู่เรือจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่ต้องชำระไปดังกล่าวคืนจากเจ้าของเรือได้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินประมาทเลินเล่อในการดำเนินการอายัดที่ดิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้รับซื้อฝาก ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
มีผู้ลักโฉนดที่ดินเขาไป เจ้าของจึงไปแจ้งอายัดไว้ แต่เจ้าพนักงานที่ดินผู้ได้รับคำสั่งอายัดมาดำเนินการต่อไปนั้นลืมเอาไปให้เจ้าหน้าที่ลงบัญชีอายัดไว้จึงได้มีการขายฝากที่ดินนั้นแก่ผู้อ่นไปเจ้าของเดิมจึงฟ้องขอให้เพิกถอนทำลายนิติกรรม เจ้าพนักงานที่ดินก็รัองต่อศาลขอให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนสัญญาขายฝากเสียตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินฉะบับที่ 2 มาตรา 7 จนศาลมีคำสั่งและพิพากษาให้เพิกถอน ดังนี้ เจ้าพนักงานที่ดินผู้รับคำสั่งอายัดแล้ว บกพร่องประมาทเลินเล่อลืมลงบัญชีอายัดนั้น ต้องรับผิดใช่ค่าเสียหายแก่ผู้รับซื้อฝาก และกรมที่ดินก็ต้องรับผิดร่วมด้วยตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 76
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: การฟ้องคดีล่าช้าเกิน 1 ปีนับแต่วันรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำ
โจทย์ฟ้องบรรยายกล่าวว่าจำเลยกระทำการโดยประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวัง มิได้ปฏิบัติตามระเบียบหน้าที่และคำสั่ง อันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้อยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยยักยอกเงินของทางราชการไป ทำให้โจทก์เสียหาย อันเป็นการแสดงชัดว่า โจทก์ขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 420 ฉะนั้นเมื่อปรากฎว่าโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยภายหลัง 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ละเมิดแล้ว ก็ต้องถือว่าคดีขาดอายุความ