คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาคดีเด็ก: ศาลเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกอบรม ไม่ถือเป็นการลงโทษ จึงห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยซึ่งเป็นเยาวชนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก, 279 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 277 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 80 ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี 4 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง กรณีเป็นการแก้บทลงโทษและกำหนดโทษแม้จะเป็นการแก้ไขมากแต่การที่ศาลทั้งสองเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มิใช่การลงโทษ ถือมิได้ว่าศาลทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 29.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษและกำหนดโทษในคดีเด็กและเยาวชน มิใช่การลงโทษ จึงไม่ขัดต่อการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยซึ่งเป็นเยาวชนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก,279 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 277 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 80 ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี 4 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง กรณีเป็นการแก้บทลงโทษและกำหนดโทษแม้จะเป็นการแก้ไขมากแต่การที่ศาลทั้งสองเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มิใช่การลงโทษ ถือมิได้ว่าศาลทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา29.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาโดยศาลอุทธรณ์ที่เปลี่ยนแปลงผลแพ้ชนะคดีเดิมถือเป็นการแก้ไขมาก ไม่อยู่ในข้อยกเว้นไม่ต้องห้ามฎีกา
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์พบว่ามาตรวัดน้ำที่โจทก์ติดตั้งไว้เพื่อคำนวณหน่วยน้ำที่จำเลยใช้ชำรุด ต้องคำนวณตามจำนวนหน่วยน้ำที่ใช้ในเดือนก่อน ขอให้จำเลยชำระเงินค่าน้ำที่ค้างชำระศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้โจทก์ 12,997 บาท โดยฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่ามาตรวัดน้ำไม่ชำรุด ซึ่งมีผลเท่ากับว่าจำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงิน 42,514 บาท เต็มตามฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่ามาตรวัดน้ำชำรุดตรงตามฟ้อง เป็นการแก้ข้อสำคัญตามประเด็นที่จำเลยชนะคดีในศาลชั้นต้นให้แพ้ทั้งหมด จึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1352/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองฎีกาต้องระบุปัญหาข้อเท็จจริงสำคัญ การรับรองลอยๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้จำเลยฎีกาว่า"ฎีกาของจำเลยทั้งสองมีเหตุอันควรฎีกาในข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้ฎีกา" คำรับรองดังกล่าวไม่ปรากฏข้อความว่าได้พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นข้อใด เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูง สุดและอนุญาตให้ฎีกาจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1352/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองฎีกาที่ไม่ชัดเจนปัญหาสำคัญ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้จำเลยฎีกาว่า 'ฎีกาของจำเลยทั้งสองมีเหตุอันควรฎีกาในข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้ฎีกา' คำรับรองดังกล่าวไม่ปรากฏข้อความว่าได้พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นข้อใดเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกาจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบด้วยกฎหมาย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่สมบูรณ์ (ไม่มีลายมือชื่อ) และการโต้แย้งคำพิพากษาที่ไม่ชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง จึงเป็นฟ้องฎีกาที่ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(7),215,225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อปรากฏว่าฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจน เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรค 2,195,225 อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีจากความผิดพลาดของเสมียนทนาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย มิอาจเพิกถอนคำสั่งได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี และเสมียนทนายได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งใหม่ไว้แล้ว การที่เสมียนทนายจดวันนัดผิดพลาดเป็นเหตุให้โจทก์ไม่มาศาลตามนัด และศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 201 ดังนี้ศาลมิได้สั่งไปโดยผิดหลงและมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ผิดระเบียบอันโจทก์จะขอให้เพิกถอนเสียได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการยุติการสืบพยาน: ดุลพินิจและข้อจำกัดการฎีกา
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้วเป็น อันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลวินิจฉัย ว่าพยานที่นำสืบมาเพียงพอยุติได้แล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า ยังไม่ควรยุติเพราะหากศาลเปิดโอกาสให้จำเลยสืบพยานอีก ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็จะกระจ่ายชัดขึ้น ทำให้การวินิจฉัยคดี จะได้รับความยุติธรรม จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฎีกาจำกัดเฉพาะคู่ความที่ศาลพิพากษาประทับฟ้องแล้ว การไต่สวนมูลฟ้องยังไม่ถือเป็นการประทับฟ้อง
คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษาใหม่จำเลยไม่มีสิทธิที่จะฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่นเป็นดุลพินิจของศาล แม้โทษจำคุกรวมเกิน 50 ปี และประเด็นการฎีกาต้องเป็นไปตามเหตุผลที่อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง แต่จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นเป็นการมิชอบ ดังนั้นประเด็นเรื่องจำเลยได้กระทำตามฟ้องหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยจะกลับมาฎีกาอีกไม่ได้ การนับโทษจำคุกจำเลยต่อกับโทษในคดีอื่นเป็นดุลพินิจ ของศาลแม้ว่าศาลจะพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 50 ปีแล้วก็ตามหากศาลเห็นสมควรก็จะสั่งให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นอีกได้ไม่ขัดต่อ ป.อ. มาตรา 91.
of 303