พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดตามเช็คและการพิสูจน์มูลหนี้เดิม: จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดหากไม่ได้ลงลายมือชื่อในเช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินที่ยังค้างชำระตามเช็คพร้อมกับแนบรูปถ่ายเช็คมาท้ายฟ้อง โดยกล่าวอ้างในฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่โจทก์มิได้กล่าวถึงจำเลยที่ 2 ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใดกับเช็คด้วย ฟ้องของโจทก์จึงแสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีลายมือชื่อในเช็ค ทั้งรูปถ่ายเช็คท้ายฟ้องก็ไม่มีลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ฉะนั้น การที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 มิได้ลงลายมือในเช็คไม่ว่าในฐานะผู้สั่งจ่ายหรือฐานะอื่นใด อันเป็นการแสดงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเช็คนั้น จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นเพราะเป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงตามที่ได้ความจากคำฟ้องของโจทก์เอง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากัน ได้ก่อหนี้ร่วมกันโดยจำเลยที่ 1 ออกเช็คแลกเงินสดจากโจทก์ ดังนี้ เช็คหาใช่หลักฐานแห่งหนี้หรือแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้ไม่ แต่เป็นการสั่งธนาคารให้ใช้เงิน กรณีนี้ต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยใช้เช็คแทนเงิน เกิดความผูกพันระหว่างกันในลักษณะตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ซึ่งบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็คเท่านั้นที่จะต้องรับผิดตามข้อความในเช็ค แม้โจทก์จะอ้างว่า ฟ้องเรียกเงินตามมูลหนี้เดิมก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามฟ้อง เพราะจำเลยที่ 2 มิได้มีลายมือชื่อในเช็คหากจะถือว่ามูลหนี้เดิมเป็นหนี้กู้ยืมเงิน โจทก์ก็ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 2 มาแสดง โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับจำเลยที่ 2 หาได้ไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากัน ได้ก่อหนี้ร่วมกันโดยจำเลยที่ 1 ออกเช็คแลกเงินสดจากโจทก์ ดังนี้ เช็คหาใช่หลักฐานแห่งหนี้หรือแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้ไม่ แต่เป็นการสั่งธนาคารให้ใช้เงิน กรณีนี้ต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยใช้เช็คแทนเงิน เกิดความผูกพันระหว่างกันในลักษณะตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ซึ่งบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็คเท่านั้นที่จะต้องรับผิดตามข้อความในเช็ค แม้โจทก์จะอ้างว่า ฟ้องเรียกเงินตามมูลหนี้เดิมก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามฟ้อง เพราะจำเลยที่ 2 มิได้มีลายมือชื่อในเช็คหากจะถือว่ามูลหนี้เดิมเป็นหนี้กู้ยืมเงิน โจทก์ก็ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 2 มาแสดง โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับจำเลยที่ 2 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171-2172/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเช็ค: การนับระยะเวลาเริ่มต้นเมื่อใด และการนับรวมวันแรกหรือไม่
ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายให้ชำระเงินตามเช็ค กฎหมายห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันเช็คถึงกำหนด การนับระยะเวลาในกรณีนี้จะนับวันแรกรวมคำนวณเข้าในอายุความหนึ่งปีด้วยหาได้ไม่ เพราะไม่ได้เริ่มการอะไรในวันนั้น เช็คที่ถึงกำหนดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511ฟ้องคดีวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 และที่ถึงกำหนดวันที่ 27 พฤศจิกายน2511 ฟ้องคดีวันที่ 27 พฤศจิกายน 2512 ฟ้องทั้งสองสำนวนนี้ยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171-2172/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเช็ค: การนับระยะเวลาเริ่มต้นวันถัดจากวันที่เช็คถึงกำหนด
ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายให้ชำระเงินตามเช็ค กฎหมายห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันเช็คถึงกำหนด การนับระยะเวลาในกรณีนี้จะนับวันแรกรวมคำนวณเข้าในอายุความหนึ่งปีด้วยหาได้ไม่ เพราะไม่ได้เริ่มการอะไรในวันนั้น เช็คที่ถึงกำหนดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511ฟ้องคดีวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 และที่ถึงกำหนดวันที่ 27 พฤศจิกายน 2511 ฟ้องคดีวันที่ 27 พฤศจิกายน 2512 ฟ้องทั้งสองสำนวนนี้ยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความความผิดเช็ค: ความผิดเกิดเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่แค่วันที่สอบถาม
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน วันที่ผู้เสียหายนำเช็คไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่มีหาใช่เป็นเรื่องธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นไม่ วันนั้นความผิดของจำเลยจึงยังไม่เกิด ความผิดของจำเลยเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ผู้เสียหายนำเช็คเข้าเบิกเงินต่อธนาคาร และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
ออกเช็คครั้งเดียวสองฉบับ เป็นกรรมเดียวกัน ไม่ใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ออกเช็คครั้งเดียวสองฉบับ เป็นกรรมเดียวกัน ไม่ใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความความผิดเช็ค: ความผิดเกิดเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่ตอนสอบถาม
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน วันที่ผู้เสียหายนำเช็คไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่มีหาใช่เป็นเรื่องธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นไม่ วันนั้นความผิดของจำเลยจึงยังไม่เกิด ความผิดของจำเลยเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ผู้เสียหายนำเช็คเข้าเบิกเงินต่อธนาคาร และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
ออกเช็คครั้งเดียวสองฉบับ เป็นกรรมเดียวกัน ไม่ใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ออกเช็คครั้งเดียวสองฉบับ เป็นกรรมเดียวกัน ไม่ใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657-1658/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเช็คเริ่มต้นนับจากวันที่เช็คถึงกำหนดหรือลงวันที่ ผู้ทรงเช็คลงวันได้แม้เช็คไม่ได้ลงวันที่
อายุความที่ผู้ทรงเช็คฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลัง ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนด หรือวันที่ลงในเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002หาใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้รับมอบเช็คไม่
การที่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ลงวันสั่งจ่ายในเช็คเสียเอง เพราะเช็คนั้นไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเอาไว้และเหตุที่ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายไว้ ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเจตนาของผู้ทรงเช็คกับผู้สั่งจ่ายที่จะเว้นไว้เพื่อให้ผู้ทรงเช็คไปลงเอาเองในภายหลังเมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อจำกัดในเรื่องวันสั่งจ่ายที่ผู้ทรงเช็คจะลงอย่างไรก็ต้องถือว่าผู้ทรงเช็คจะลงวันไหนก็ได้
การที่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ลงวันสั่งจ่ายในเช็คเสียเอง เพราะเช็คนั้นไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเอาไว้และเหตุที่ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายไว้ ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเจตนาของผู้ทรงเช็คกับผู้สั่งจ่ายที่จะเว้นไว้เพื่อให้ผู้ทรงเช็คไปลงเอาเองในภายหลังเมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อจำกัดในเรื่องวันสั่งจ่ายที่ผู้ทรงเช็คจะลงอย่างไรก็ต้องถือว่าผู้ทรงเช็คจะลงวันไหนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657-1658/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเช็คเริ่มต้นนับจากวันที่ลงในเช็ค การลงวันที่โดยผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมาย
อายุความที่ผู้ทรงเช็คฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลัง ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนด หรือวันที่ลงในเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 หาใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้รับมอบเช็คไม่
การที่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ลงวันสั่งจ่ายในเช็คเสียเอง เพราะเช็คนั้นไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเอาไว้และเหตุที่ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายไว้ ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเจตนาของผู้ทรงเช็คกับผู้สั่งจ่ายที่จะเว้นไว้เพื่อให้ผู้ทรงเช็คไปลงเอาเองในภายหลัง เมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อจำกัดในเรื่องวันสั่งจ่ายที่ผู้ทรงเช็คจะลงอย่างไร ก็ต้องถือว่าผู้ทรงเช็คจะลงวันไหนก็ได้
การที่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ลงวันสั่งจ่ายในเช็คเสียเอง เพราะเช็คนั้นไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเอาไว้และเหตุที่ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายไว้ ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเจตนาของผู้ทรงเช็คกับผู้สั่งจ่ายที่จะเว้นไว้เพื่อให้ผู้ทรงเช็คไปลงเอาเองในภายหลัง เมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อจำกัดในเรื่องวันสั่งจ่ายที่ผู้ทรงเช็คจะลงอย่างไร ก็ต้องถือว่าผู้ทรงเช็คจะลงวันไหนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-15/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้รับเช็คที่ชำระเงินแทน ไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้แก่บริษัท ท. เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ม. ผู้จัดการบริษัท ท.ได้เอาเงินส่วนตัวชำระให้บริษัทท. แทนแล้วรับเช็คดังกล่าวมา ดังนี้ ม. ได้รับเช็คมาหลังจากความผิดเกิดขึ้นแล้ว ม. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือเข้าร่วมเป็นโจทก์ ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์: การเบียดบังเช็คที่ได้รับมอบหมายชำระหนี้แทนแล้ว เป็นความผิดฐานยักยอก
โจทก์ออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อเป็นประกันหนี้ ต่อมาโจทก์ได้มอบเงินให้จำเลยไปชำระหนี้ตามเช็คนั้น แล้วรับเช็คมาแล้วจำเลยจึงเป็นผู้ครอบครองเช็คอันเป็นทรัพย์ของโจทก์ไว้ และไม่คืนให้โจทก์ อ้างว่าโจทก์ไม่ได้มอบเงินให้ไปชำระหนี้แทนซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วนำเอาเช็คนั้นไปเบิกเงินจากธนาคารพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการเบียดบังเอาเช็คของโจทก์ไปโดยทุจริตการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอก
คดีที่คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ นั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฯ ฟังมา
คดีที่คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ นั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฯ ฟังมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์: การครอบครองเช็คของผู้อื่นหลังรับมอบชำระหนี้แล้วนำไปเบิกเงิน ถือเป็นการเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต
โจทก์ออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อเป็นประกันหนี้ ต่อมาโจทก์ได้มอบเงินให้จำเลยไปชำระหนี้ตามเช็คนั้น แล้วรับเช็คมาแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้ครอบครองเช็คอันเป็นทรัพย์ของโจทก์ไว้ และไม่คืนให้โจทก์ อ้างว่าโจทก์ไม่ได้มอบเงินให้ไปชำระหนี้แทน ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วนำเอาเช็คนั้นไปเบิกเงินจากธนาคาร พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า เป็นการเบียดบังเอาเช็คของโจทก์ไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอก
คดีที่คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ นั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฯ ฟังมา
คดีที่คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ นั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฯ ฟังมา