คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องคดีแพ่ง แม้จำเลยไม่คัดค้าน แต่มีเงื่อนไข
คดีแพ่ง เมื่อจำเลยยื่นคำให้การแล้วโจทก์ยื่นคำขอเพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องนั้น อำนาจศาลมีอยู่เสมอที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขที่เห็นสมควรข้อจำกัดมีอยู่แต่เพียงว่า ถ้าศาลอนุญาตจะต้องฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดถ้าหากมีก่อนเท่านั้น
โจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้านแต่เสนอเงื่อนไขต่อศาลหลายประการนั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ถอนคำฟ้องเนื่องจากมีข้อตกลงหรือประนีประนอมยอมความกับจำเลย จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 175 (2) และศาลมีอำนาจโดยบริบูรณ์ที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องหลังจำเลยให้การ และเงื่อนไขการถอนฟ้องที่ไม่ใช่การประนีประนอม
คดีแพ่ง เมื่อจำเลยยื่นคำให้การแล้ว โจทก์ยื่นคำขอเพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องนั้น อำนาจศาลมีอยู่เสมอที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาต หรืออนุญาตภายในเงื่อนไขที่เห็นสมควร ข้อจำกัดมีอยู่แต่เพียงว่า ถ้าศาลอนุญาตจะต้องฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดถ้าหากมีก่อนเท่านั้น
โจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้านแต่เสนอเงื่อนไขต่อศาลหลายประการนั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ถอนคำฟ้องเนื่องจากมีข้อตกลงหรือประนีประนอมยอมความกับจำเลย จึงไม่อยู่ในบังคับ มาตรา 175(2) และศาลมีอำนาจโดยบริบูรณ์ที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีค่าปรับและการหักวันกักขัง: ศาลมีอำนาจแก้ไขการบังคับคดีได้ แม้คำพิพากษาให้ปรับ
จำเลยขอให้ศาลสั่งคืนเงินค่าปรับบางส่วนที่ได้ชำระไปแล้วโดยจำเลยยอมให้กักขังแทนค่าปรับตามคำพิพากษาศาลย่อมไม่คืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วให้แก่จำเลยกรณีเช่นนี้ศาลย่อมมีอำนาจสั่งแก้ไขหักวันกักขังให้ได้ตามสมควร หาใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาไม่ หากแต่เป็นการแก้ไขในการบังคับค่าปรับตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 28/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82-83/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการกำหนดระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมหลังยกคำร้องขอความเป็นอนาถา แม้มิได้อ้างอิงมาตรา 23
กรณีที่ศาลสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา และมีคำสั่ง กำหนดเวลาให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมนั้นการกำหนดเวลาหาใช่อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่แต่เป็นการกระทำเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไป ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาเสียใน ระยะเวลาอันควรได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาลงโทษอาญาตามกฎหมายเก่าหรือใหม่ และอำนาจศาลสั่งทำลายต้นยางพร้อมเรียกค่าใช้จ่าย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรค 1 วางหลังให้พิจารณาควาาผิดของจำเลยและลงโทษตามกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำการอันถูกล่าวหานั้น และแม้ว่าได้มีการยกเลิกกฎหมายนั้นเสียแล้วมาตรา 2 วรรค 2 และมาตรา 3 ก็ให้พิจารณาใช้กฎหมายใหม่เฉพาะแต่เมื่อเป็นคุณแก่จำเลยเท่านั้นถ้ากฎหมายใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลย ก็ยังใช้กฎหมายเก่าบังคับคดี
อัยการมีอำจาจขอให้ศาลสั่งทำลายต้นยางพาราซึ่งปลูกใหม่ โดยมิได้รับอนุญาต และขอให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายในการทำลายนั้นได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2481 มาตรา 15 คำขอเช่นว่านี้เป็น คำขอทางอาญา หาใช่คำขอทางแพ่งไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลไทยในการลงโทษผู้กระทำผิดนอกราชอาณาจักรเมื่อผู้เสียหายร้องขอ และหน้าที่การนำสืบหลักฐาน
คดีที่จำเลยเป็นคนสัญชาติไทย กระทำผิดฐานปล้นทรัพย์นอกราชอาณาจักร ซึ่งผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษจำเลยภายในราชอาณาจักร ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 นั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องนำสืบแสดงว่าไม่มีข้อห้ามมิให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 10 อีก(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการวินิจฉัยบทกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญหลังประกาศคณะปฏิวัติ และผลบังคับใช้ของกฎหมายเมื่อประกาศใช้
โดยปกติศาลเป็นผู้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาใช้บังคับแก่คดีจึงมีอำนาจหน้าที่พิจารณาว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดจะใช้บังคับแก่คดีได้หรือไม่เพียงใด เว้นแต่จะมีบทกฎหมายใดบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสถาบันอื่นโดยเฉพาะ ฉะนั้นเมื่อมีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 3 ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่มีบทบัญญัติให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดบทกฎหมายใดว่าจะแย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เสียแล้ว อำนาจหน้าที่ชี้ขาดนี้จึงตกอยู่ที่ศาลยุติธรรมดังเดิม
ในการพิจารณาว่าบทกฎหมายใดมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่เพียงใดนั้น เป้นการพิจารณาถึงบทกฎหมายนั้นเมื่อขณะประกาศออกใช้บังคับ หาใช่เฉพาะแต่เวลาที่ยกขึ้นใช้บังคับ หาใช่เฉพาะแต่เวลาที่จะยกขึ้นใช้บังคับแก่คดีหนึ่งคดีใดไม่ เพราะถ้าบทกฎหมายใดใช้บังคับมีได้แล้ว ก็ย่อมจะใช้บังคับมิได้มาแต่เริ่มแรก หาใช่เพิ่งจะมาใช้บังคับมีได้เอาเมื่อจะยกขึ้นบังคับแก่คดีใดโดยเฉพาะไม ่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า มาตรา 5 แห่งราชบัญญัติเวนคืน ฯ พ.ศ. 2495 ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 ไม่มีผลบังคับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113 จึงกระทำได้โดยชอบหาใช่เป็นการที่ศาลเองจะมากำหนดให้รัฐธรรมนูญมาตรา 29 ใช้บังคับได้อยู่ อันเป็นการขัดแย้งกับประกาศคณะปฏิวัติไม่.
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่มีความสำคัญมากยิ่งนัก และเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยตรง แม้คู่ความจะมิได้ยดขึ้นกล่าวอ้าง ก็สมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหลังการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ และผลบังคับใช้ของกฎหมายที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ
โดยปกติศาลเป็นผู้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาใช้บังคับแก่คดีจึงมีอำนาจหน้าที่พิจารณาว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดจะใช้บังคับแก่คดีได้หรือไม่เพียงใด เว้นแต่จะมีบทกฎหมายใดบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสถาบันอื่นโดยเฉพาะฉะนั้น เมื่อมีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 3 ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่มีบทบัญญัติให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดบทกฎหมายใดว่าจะแย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เสียแล้ว อำนาจหน้าที่ชี้ขาดนี้จึงตกอยู่ที่ศาลยุติธรรมดังเดิม
ในการพิจารณาว่าบทกฎหมายใดมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่เพียงใดนั้นเป็นการพิจารณาถึงบทกฎหมายนั้นเมื่อขณะประกาศออกใช้บังคับหาใช่เฉพาะแต่เวลาที่จะยกขึ้นใช้บังคับแก่คดีหนึ่งคดีใดไม่เพราะถ้าบทกฎหมายใดใช้บังคับมิได้แล้ว ก็ย่อมจะใช้บังคับมิได้มาแต่เริ่มแรกหาใช่เพิ่งจะมาใช้บังคับมิได้เอาเมื่อจะยกขึ้นบังคับแก่คดีใดโดยเฉพาะไม่ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่ามาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติเวนคืนฯ พ.ศ.2496 ชัดแจ้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29. ไม่มีผลบังคับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113จึงกระทำได้โดยชอบหาใช้เป็นการที่ศาลเองจะมากำหนดให้รัฐธรรมนูญ มาตรา 29 ใช้บังคับได้อยู่อันเป็นการขัดแย้งกับประกาศคณะปฏิวัติไม่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่มีความสำคัญมากยิ่งนัก และเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยตรง แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างก็สมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33-34/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร/ศาลพลเรือน: ห้ามฟ้องซ้ำในความผิดเดิมเมื่อมีคำพิพากษาเด็ดขาด
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลทหารฐานร่วมกันพยายามฆ่าคน ศาลทหารพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1,3มิได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด ส่วนจำเลยที่ 2 ฟังว่าได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายบาดเจ็บ ซึ่งความผิดฐานนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารพิจารณาพิพากษาได้จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทั้งสามพ้นข้อหาไปโจทก์มาฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลพลเรือนใหม่ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 1,3 ถือว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้องไปแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ศาลพลเรือนคงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยที่ 2 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658-660/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลเมื่อคู่ความไม่สืบพยาน: พิจารณาจากพยานหลักฐานที่มีอยู่
คดีแพ่งซึ่งเป็นคู่ความตั้งประเด็นท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะ โดยยืนยันไม่สืบพยาน นั้น แม้ตามสำนวนไม่ปรากฏคำพยานหลักฐานอันสมบูรณ์ก็ตาม ศาลก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาไปตามพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฎเท่านั้น
of 222