คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 50,000 บาท ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีที่มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000 บาทต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคแรก ที่โจทก์ที่ 2 อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นหยิบยกพยานนอกสำนวนมาวินิจฉัยอ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นหยิบยกพยานนอกสำนวนมาวินิจฉัยแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องโต้แย้งให้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต่างไปจากศาลชั้นต้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ทำให้การอุทธรณ์ไม่ชอบ ศาลไม่รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นอุทธรณ์แต่มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาวางศาลภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 และกรณีไม่ใช่เรื่องคู่ความที่ศาลพิพากษาให้ชนะคดีจะต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมเพิ่มขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 233 ซึ่งศาลจะสั่งให้ผู้อุทธรณ์นำเงินมาวางศาลอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี และผลของคำสั่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
คำสั่งให้งดการไต่สวนพยานจำเลยที่ 1 ในชั้นขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาของศาลชั้นต้นก่อนที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา หากคู่ความฝ่ายใดไม่เห็นด้วยและประสงค์จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นในภายหลัง จะต้องโต้แย้งคำสั่งให้ศาลจดลงไว้ในรายงาน คู่ความฝ่ายที่โต้แย้งจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 แต่ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนเมื่อวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2534 และนัดฟังคำสั่งในวันรุ่งขึ้นเวลา 9 นาฬิกาทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งในวันนั้นแล้ว ดังนั้น ในช่วงเวลาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะอ่านคำสั่ง ย่อมมีเวลาเพียงพอที่โจทก์จะโต้แย้งคัดค้านได้ แต่ก็หาได้มีการโต้แย้งคัดค้านไม่ โจทก์จึงหมดสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าว อีกทั้งไม่อาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นเป็นข้อฎีกาได้ เนื่องจากเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์จึงต้องห้ามฎีกาตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก (เดิม) แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาข้อนี้ของโจทก์ขึ้นมาด้วย ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย โจทก์ฟ้องคดีพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้ โดยยื่นคำร้องขอในกรณีมีเหตุฉุกเฉินรวมเข้ามาด้วยกรณีจึงเป็นไปตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 267 ปรากฏว่าหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นำวิธีการชั่วคราวในกรณีมีเหตุฉุกเฉินมาใช้บังคับตามคำขอของโจทก์แล้วจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำขอโดยพลันให้ศาลชั้นต้นยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเสีย ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งเดิมตามคำขอของจำเลยที่ 1 คำสั่งดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด ทั้งนี้โดยมิพักต้องคำนึงถึงว่าศาลชั้นต้นได้พิจารณาคำขอของจำเลยที่ 1ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือพิจารณาฝ่ายเดียวหรือสองฝ่ายหรือไม่เพราะแม้จะได้ความว่าศาลชั้นต้นได้พิจารณาคำขอของจำเลยที่ 1 ในกรณีธรรมดาเพราะไม่มีเหตุฉุกเฉิน หรือพิจารณาคำขอของจำเลยที่ 1ชนิดสองฝ่ายก็ตาม คำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมของศาลชั้นต้นก็เป็นการสั่งตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267วรรคสอง ที่บัญญัติว่า คำสั่งดังกล่าวให้เป็นที่สุดอยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการบังคับคดี: ต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นก่อนอุทธรณ์
หากจำเลยเห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีโดยไม่ชอบและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีจำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นที่บังคับคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง เมื่อศาลไต่สวนและมีคำสั่งแล้ว จำเลยจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไป การที่จำเลยอ้างว่าได้คัดค้านการขายทอดตลาดด้วยวาจา แล้วอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดไปทีเดียว ย่อมเป็นการไม่ชอบและไม่อาจทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุอ้างเหตุเดิมจากอุทธรณ์ ขาดการโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยคงอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อุทธรณ์โดยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ที่พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการไม่ชอบ หรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไร แต่ประการใดเลย จึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 249วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์คดีอาวุธปืน แก้ไขโทษจำคุกเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,55,78 จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 38,55,78 จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 5 ปี จำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ไม่รับคำให้การ: การจำกัดสิทธิอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยก คำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย อันถือว่าเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความอีกฝ่าย
ศาลมีคำสั่งในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า "รับอุทธรณ์สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งให้โจทก์ภายใน 7 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์" และตามแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ซึ่งทนายจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์มีข้อความว่า"ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาอุทธรณ์ โดยข้อความถูกต้องอย่างเดียวกันมาด้วย 1 ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ ถือว่าทราบแล้ว" จึงถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่ง ของศาลแล้วเมื่อจำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ ภายในเวลาที่กำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุใหม่นอกเหนือคำแถลงเดิม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยทั้งสามยื่นคำแถลงขอขยายระยะเวลาการนำส่งสำเนาอุทธรณ์โดยอ้างว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงในหลักการที่จะให้จำเลยชำระหนี้โจทก์ แต่ทนายโจทก์ต้องไปขออนุญาตตัวความก่อน ปรากฏว่าศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งว่าจำเลยทั้งสามทิ้งอุทธรณ์ การที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่าวันที่ครบกำหนดให้แถลงนั้นตรงกับวันหยุดราชการ และในวันที่ศาลเปิดทำการจำเลยก็เดินทางไปต่างจังหวัดรถเสียกลางทางจึงเดินทางมาศาลไม่ทันกำหนดจึงไม่มีเจตนาทิ้งอุทธรณ์นั้น เป็นการที่จำเลยทั้งสามยกเรื่องนอกเหนือจากข้ออ้างที่อ้างไว้ในคำแถลงที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ชำระค่าขึ้นศาลภายในกำหนด แม้จะทราบหมายนัดแล้ว
โจทก์ทราบหมายนัดโดยชอบแล้วไม่นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในเวลาที่ศาลกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ตามป.วิ.พ. มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246.
of 349