คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,842 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิดเริ่มนับเมื่อเกิดความเสียหายจากการกระทำละเมิด ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความเสียหาย
จำเลยใช้เรือขุด ขุดแร่ทำให้น้ำขุ่นข้นมูลดินมูลทรายไหลเข้านาโจทก์ เพราะทำนบกั้นน้ำพังนั้น เพียงทำนบกั้นน้ำ พังไม่ใช่เป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ แต่การละเมิดสิทธิเกิดขึ้นเมื่อน้ำไหลพามูลดินทรายเข้าที่นาโจทก์ ทำให้โจทก์ทำ นาไม่ได้ ฉะนั้นอายุความจึงตั้งต้นแต่น้ำเข้านาโจทก์หาใช่ตั้งแต่ทำนบพังไม่.
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ในการที่จำเลยเดินเรือขุดแร่ ทำให้น้ำขุ่นข้นมูลดินทรายไหลเข้านา โจทก์ ่จนโจทก์นำนาไม่ได้ในปี พ.ศ. 2492 เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อจำเลยยังคงไม่ปิดทำนบกั้นน้ำ และยังคงใช้ เรือขุดแร่ ขุดต่อมาใน พ.ศ. 2493 โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการทำนาใน พ.ศ. 2493 ได้อีก ต่างหากไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะเป็นการละเมิดใหม่ ต่างหากจากที่ฟ้องคราวก่อน./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิดเริ่มนับเมื่อเกิดความเสียหายจากการกระทำละเมิด ไม่ใช่แค่นั้นทำนบพัง ละเมิดใหม่ต่างหาก
จำเลยใช้เรือขุด ขุดแร่ทำให้น้ำขุ่นข้นมูลดินมูลทรายไหลเข้านาโจทก์ เพราะทำนบกั้นน้ำพังนั้น เพียงแต่ทำนบกั้นน้ำพัง ไม่ใช่เป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ แต่การละเมิดสิทธิเกิดขึ้นเมื่อน้ำไหลพามูลดินทรายเข้าที่นาโจทก์ ทำให้โจทก์ทำนาไม่ได้ ฉะนั้นอายุความจึงตั้งต้นแต่น้ำเข้านาโจทก์หาใช่ตั้งแต่ทำนบพังไม่
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในการที่จำเลยเดินเรือขุดแร่ทำให้น้ำขุ่นข้นมูลดินทรายไหลเข้านาโจทก์จนโจทก์ทำนาไม่ได้ในปี พ.ศ.2492เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อจำเลยยังคงไม่ปิดทำนบกั้นน้ำ และยังคงใช้เรือขุดแร่ ขุดต่อมาใน พ.ศ.2493โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการทำนาในพ.ศ.2493ได้อีกต่างหากไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะเป็นการละเมิดใหม่ต่างหากจากที่ฟ้องคราวก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358-1359/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของอาคารไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหาย หากผู้เช่าขัดขวางการซ่อมแซมและไม่บำรุงรักษา จนเกิดอันตราย
ผู้เป็นเจ้าของอาคารได้พยายามที่จะซ่อมแซมอาคารของตนที่ชำรุดทรุดโทรม แต่ผู้เช่าซึ่งครองอาคารอยู่ขัดขวาง ไม่ยอมออกจากอาคาร จึงทำการซ่อมไม่ได้ เจ้าของอาคารจึงขายอาคารให้จำเลย เมื่อตกมาเป็นของจำเลยแล้ว จำเลยก็ยังพยายามที่จะหาทางรื้อถอนเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจมีขึ้นแต่ผู้เช่าก็คงขัดขวางเช่นเดิมจำเลยร้องต่อกรมการอำเภอ แต่ทางอำเภอก็ไม่อาจช่วยจัดการให้ได้ มิหนำซ้ำผู้เช่ายังไปรับรองต่ออำเภออีกว่าถ้าเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น ผู้เช่าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง แต่แล้วผู้เช่าก็หาได้จัดการบำบัดเป่า เพื่อมิให้เกิดอันตรายขึ้นอย่างใดไม่คงปล่อยทิ้งไว้ จนกระทั่งฝาผนังตึกพังลงมาทับตึกของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารที่พัง ไมจำต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ใน ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 424

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358-1359/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของอาคารไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหาย หากผู้เช่าขัดขวางการซ่อมแซมและปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุ
ผู้เป็นเจ้าของอาคารได้พยายามที่จะซ่อมแซมอาคารของตนที่ชำรุดทรุดโทรม แต่ผู้เช่าซึ่งครองอาคารอยู่ขัดขวาง ไม่ยอมออกจากอาคาร จึงทำการซ่อมไม่ได้ เจ้าของอาคารจึงขายอาคารให้จำเลย เมื่อตกมาเป็นของจำเลยแล้ว จำเลยก็ยังพยายามที่จะหาทางรื้อถอนเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจมีขึ้น แต่ผู้เช่าก็คงขัดขวางเช่นเดิมจำเลยร้องต่อกรมการอำเภอ แต่ทางอำเภอก็ไม่อาจช่วยจัดการให้ได้ มิหนำซ้ำผู้เช่ายังไปรับรองต่ออำเภออีกว่าถ้าเกิดความเสียหายใดๆ ขึ้น ผู้เช่าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง แต่แล้วผู้เช่าก็หาได้จัดการบำบัดปัดเป่า เพื่อมิให้เกิดอันตรายขึ้นอย่างใดไม่ คงปล่อยทิ้งไว้ จนกระทั่งฝาผนังตึกพังลงมาทับตึกของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารที่พัง ไม่จำต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในความเสียหายของทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองของผู้รับฝากทดลองใช้
จำเลยเป็นผู้รับเครื่องคิดเลขของโจทก์ไว้เพื่อทดลองใช้ และปรากฎว่าเครื่องชำรุดเสียหายในขณะอยู่ในความครอบ ครองของจำเลย โดยปกติและตามกฏหมายจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ เว้นแต่จะสืบแก้ตัวได้ว่าไม่ต้องรับผิดด้วยเหตุใด
การที่โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยหรือตัวแทนจำเลยที่ 1 ทำเครื่องพิมพ์ตกพื้นเสียหายจะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมมิได้ เพราะเครื่องพิมพ์อยู่ในความครอบครองของจำเลยไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดีอย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในความเสียหายของทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองของผู้รับฝากทดลองใช้
จำเลยเป็นผู้รับเครื่องคิดเลขของโจทก์ไว้เพื่อทดลองใช้ และปรากฏว่าเครื่องชำรุดเสียหายในขณะอยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยปกติ และตามกฎหมายจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ เว้นแต่จะสืบแก้ตัวได้ว่าไม่ต้องรับผิดด้วยเหตุใด
การที่โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยหรือตัวแทนจำเลยที่ 1 ทำเครื่องพิมพ์ตกพื้นเสียหายจะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมมิได้ เพราะเครื่องพิมพ์อยู่ในความครอบครองของจำเลยไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดีอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำพยานหลักฐานเท็จต้องก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถูกกล่าวหา จึงจะถือเป็นความผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยสมคบกับพวกกระทำพยานหลักฐานเท็จโดยจำเลยทำสัญญากู้เงินผู้อื่นแล้วให้ผู้อื่นมาฟ้องเรียกเงินกู้ต่อศาล และจำเลยยอมความยอมใช้เงินตามสัญญากู้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินตามสัญญากู้นั้นเลย ดังนี้ เพียงเท่านี้โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายอย่างใด ย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำพยานหลักฐานเท็จตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 157 ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานพยานเท็จต้องเสียหายโดยตรงจากพยานหลักฐานนั้นก่อน จึงจะฟ้องได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยสมคบกับพวกกระทำพยานหลักฐานเท็จ โดยจำเลยทำสัญญากู้เงินผู้อื่นแล้วให้ผู้อื่นมาฟ้องเรียกเงินกู้ต่อศาลและจำเลยยอมความยอมใช้เงินตามสัญญากู้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินตามสัญญากู้นั้นเลยดังนี้ เพียงเท่านี้ โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายอย่างใดย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำพยานหลักฐานเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 157 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำนอกอำนาจของผู้จัดการหุ้นส่วนก่อให้เกิดความเสียหายต่อร้านหุ้นส่วน จำเลยต้องรับผิด
ร้านของจำเลยเป็นผู้ทำการติดต่อซื้อน้ำมันจากบริษัทต่างประเทศและร้านซึ่งโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกันรับช่วงซื้อน้ำมันจากร้านจำเลยเอามาขาย การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการร้านหุ้นส่วนด้วยได้เอาเงินของร้านหุ้นส่วนส่งไปซื้อน้ำมันยังบริษัทต่างประเทศ แล้วถูกบริษัทต่างประเทศหักเงินเป็นค่าถังเปล่า ซึ่งร้านจำเลยค้างส่งแก่บริษัทเสียนั้น ได้ชื่อว่าจำเลยทำการนอกเหนืออำนาจเป็นเหตุให้ร้านหุ้นส่วนเสียหายจำเลยจึงต้องรับผิดในเงินที่ส่งไปนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากผู้ขับรถที่ขาดใบอนุญาต
ผู้ขับรถยนต์ประจำทางยินยอมให้ผู้ตรวจตั๋ว ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ขับรถยนต์คันที่ตนขับ จนเกิดชนรถยนต์ผู้อื่นเสียหายนั้น นายจ้างของผู้ขับรถประจำทางนั้น ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่เขา
of 185