พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าของสิทธิการเช่าซื้อ และอายุความฟ้องคดีละเมิดจากการชน
โจทก์ที่ 1 ได้รับโอนสิทธิการเช่าซื้อและรับมอบรถยนต์มาจากส.ผู้เช่าซื้อเดิมโดยมีข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่1กับส.ด้วยว่า หากโจทก์ที่ 1 ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อในนามของ ส. ให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อครบแล้ว และผู้ให้เช่าซื้อจะโอนทะเบียนรถยนต์ให้แก่ ส.ส. จะโอนทะเบียนรถยนต์ให้แก่โจทก์ที่ 1 ดังนี้โจทก์ที่ 1 ย่อมมีสิทธิครอบครองรถยนต์ตามสัญญาที่ทำไว้กับ ส.และมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดแก่รถยนต์คันดังกล่าวได้ เหตุละเมิดเกิดวันที่ 11 มกราคม 2527 แต่โจทก์ที่ 1เพิ่งรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2528ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดกสิ้นสุดลงเมื่อศาลมีคำสั่งถอนจากตำแหน่ง
คดีนี้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ฟ้องจำเลยขอให้ส่งมอบที่ดินอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดก เพื่อจะนำไปแบ่งปันให้แก่ทายาทระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์กับพวกให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกของ ส.การเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดการมรดกของ ส. อีกต่อไป โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อแก้ต่างนอกคำให้การ, การฟ้องทายาท, และอำนาจฟ้องของเจ้าหนี้
จำเลยอ้างและนำสืบว่าไม่ได้รับเงินเป็นการนำสืบแก้ไขข้อความที่มีอยู่ในสัญญาจำนอง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเพียงแต่สาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกิน 5 ปี ไม่ได้นั้นยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ยกข้อดังกล่าวขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น เพราะจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และข้ออ้างดังกล่าวมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะฟ้องทายาทคนใดก็ได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1737 ไม่มีกฎหมายบังคับว่าทายาทผู้นั้นจะต้องได้รับมรดกหรือต้องฟ้องทายาททุกคน และแม้จะไม่เรียกผู้จัดการมรดกเข้ามาในคดีก็หาทำให้เจ้าหนี้ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ เพียงแต่อาจมีผลในการบังคับคดีเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนอง, การแก้ไขข้อความในสัญญา, การฟ้องทายาท, ดอกเบี้ย, และอำนาจฟ้อง
จำเลยกับ ช. ได้กู้เงินและนำที่ดินมาจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ โจทก์มีเอกสารสัญญาจำนองที่ดินที่จำเลยกับ ช. ทำไว้กับโจทก์มาแสดงต่อศาล การที่จำเลยอ้างและนำสืบว่าไม่ได้รับเงินเป็นการนำสืบแก้ไขข้อความในสัญญาจำนอง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จำเลยฎีกาว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกิน 5 ปี ไม่ได้นั้น เป็นข้อที่จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นเพราะจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737 เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้ หาได้มีกฎหมายบังคับว่าทายาทที่จะถูกฟ้องต้องได้รับมรดกของเจ้ามรดก หรือต้องฟ้องทายาททุกคน และกรณีที่โจทก์ไม่ได้เรียกผู้จัดการมรดกเข้ามาก็อาจมีผลในการบังคับคดีต่อไปเท่านั้น ไม่ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเพิกถอนพินัยกรรม: ทายาทมีสิทธิฟ้องหากพินัยกรรมทำด้วยการข่มขู่หรือฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุตรของ ส. เจ้ามรดก ร่วมกับจำเลยที่ 3 พา ส.ไปทำพินัยกรรมที่ที่ว่าการอำเภอต่อมาส.ถึงแก่กรรมลง จำเลยที่ 3 ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมต่อนายอำเภอ โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะบุตรซึ่งเป็นทายาทของส. จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมที่ทำเพราะการข่มขู่หรือกลฉ้อฉลนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1708 และ 1709
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเพิกถอนพินัยกรรม: ทายาทมีสิทธิฟ้องหากพินัยกรรมทำโดยข่มขู่หรือฉ้อฉล
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุตร ของ ส.ซึ่งมีสิทธิได้รับทรัพย์คนละส่วนตามข้อกำหนดในพินัยกรรมของส.กับพินัยกรรมมีข้อกำหนดให้ทรัพย์อีกส่วนหนึ่งตกได้แก่ผู้ทำบุญ อุทิศให้แก่ ส.เมื่อส.ถึงแก่กรรมอันเป็นเจตนาของส. จำเลยที่ 3ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมต่อนายอำเภอ คดีนี้ เมื่อโจทก์เห็นว่าพินัยกรรมไม่ถูกต้อง เป็นโมฆะทำขึ้นโดย มีการบังคับขู่เข็ญหรือฉ้อฉลไม่เป็นไปตามเจตนาเดิมของ ส. โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทของ ส. ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมดังกล่าวได้ตามป.พ.พ. มาตรา 1708 และมาตรา 1709.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายฝ้ายดิบ – ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ – อำนาจฟ้อง – ค่าขึ้นศาล
ข้อตกลงที่ว่าหากมีกรณีพิพาทตามสัญญาซื้อขายฝ้ายดิบ เกิดขึ้นจะต้องเสนอคดีต่ออนุญาโตตุลาการตามระเบียบและกฎข้อบังคับของเดอะริเวอร์พูลคอตต้อนแอสโซซิเอชั่นลิมิเตด เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขาย เมื่อจำเลยมิได้ทำสัญญาซื้อขายฝ้ายดิบ กับโจทก์ โจทก์จึงไม่อาจนำคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการมาฟ้องบังคับให้จำเลย ต้องปฏิบัติตามได้ ฟ้องโจทก์มีคำขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนอกศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 221 แม้โจทก์ จะระบุฐานความผิดในฟ้องว่าผิดสัญญาทางแพ่ง และบรรยายฟ้องเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายมาด้วย แต่โจทก์ก็มิได้ขอให้บังคับจำเลยตามสัญญาซื้อขายดังนี้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ (1)(ข) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในอัตราหนึ่งบาทต่อ ทุกหนึ่งร้อยบาทตามจำนวนที่อนุญาโตตุลาการกำหนดไว้ในคำชี้ขาด แต่ไม่ให้เกินแปดหมื่นบาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้ให้สินบน: แม้จะได้รับความเสียหาย แต่หากร่วมกระทำผิดให้สินบนกับจำเลย ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
ปัญหาว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การและมิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) โจทก์มอบเงินให้จำเลยเพื่อนำไปมอบให้พนักงานองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยซึ่งช่วยเหลือให้โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อขายกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินสินบน ถือได้ว่า โจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยไปกระทำความผิดแม้จำเลยรับเงินไปแล้วนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาเรื่องฉ้อโกง การใช้เงินสินบน และการเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิด
ปัญหาว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหา เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ในคำให้การและมิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ก็หยิบยก ขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142(5) โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาข้อหาฉ้อโกง ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ฉะนั้นคดีนี้ซึ่งโจทก์และจำเลยเป็นคู่ความรายเดียวกันกับคดีอาญาดังกล่าวและมูลคดีเดียวกันจึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่อง กับ คดีอาญาในการพิพากษาคดีนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ ปรากฏ ในคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 โจทก์มอบเงินให้จำเลยเพื่อนำไปมอบให้พนักงานองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยซึ่งช่วยเหลือให้โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อขายกับ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเงินดังกล่าวจึงเป็นเงินสินบน ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยไปกระทำความผิด แม้จำเลยรับเงิน ไปแล้วนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะ ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแบ่งแยกโฉนดและการแสดงกรรมสิทธิ์จากการครอบครอง: จำเลยไม่มีหน้าที่ต้องแบ่งแยกโฉนด แม้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครอง
การฟ้องบังคับจำเลยให้แบ่งแยกโฉนดที่ดินพิพาทและโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแก่โจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามป.พ.พ. มาตรา 1383 นั้น เป็นกรณีที่จำเลยไม่มีหน้าที่ในทางนิติกรรมที่จะต้องไปแบ่งแยกโฉนดที่ดินที่พิพาทและโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ดังนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแต่เมื่อโจทก์มีคำขอให้พิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วยจึงควรวินิจฉัยข้อนี้ต่อไป.