พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความลาภมิควรได้เริ่มต้นเมื่อโจทก์ทราบความจริงว่าการชำระหนี้ไม่มีมูลหนี้ แม้คำพิพากษาศาลฎีกาไม่ได้มีจำเลยเป็นคู่ความ
โจทก์จ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่จำเลยด้วยความสำคัญผิดว่าอ. ผู้ขับขี่รถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยเป็นฝ่ายประมาท ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่า อ. มิใช่ผู้ประมาท ดังนี้ ที่จำเลยรับเงินไปจากโจทก์ จึงเป็นการรับชำระหนี้ที่ไม่มีมูลหนี้ที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย เมื่อได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีดังกล่าวให้คู่ความฟังในวันใด ถือว่าโจทก์รู้ความจริงที่ได้ชำระหนี้แก่จำเลยโดยปราศจากมูลหนี้ในวันนั้น สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้จึงเริ่มต้นนับในวันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดียังไม่พ้นกำหนด 1 ปี จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3019/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม-ปัญหาข้อกฎหมายใหม่-การรับสารภาพ: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่ยกข้อกฎหมายใหม่หลังจำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 218
จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2325/2528 ของศาลชั้นต้น กับฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิได้ฟ้องคดีภายใน 72ชั่วโมงและไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการฎีกาดังกล่าวแม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ข้อเท็จจริงตามฎีกาของจำเลยไม่มีปรากฏในการพิจารณาของศาลชั้นต้น ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2325/2528 ของศาลชั้นต้น กับฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิได้ฟ้องคดีภายใน 72ชั่วโมงและไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการฎีกาดังกล่าวแม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ข้อเท็จจริงตามฎีกาของจำเลยไม่มีปรากฏในการพิจารณาของศาลชั้นต้น ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษในความผิดหลายกระทง ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์เพื่อป้องกันความลักลั่น
จำเลยกระทำความผิดสองกระทง ศาลชั้นต้นไม่รอการลงโทษศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี ถือได้ว่ามีการรอการลงโทษในความผิดทั้งสองกระทง คดีขึ้นสู่ศาลฎีกาเฉพาะกระทงหลัง หากศาลฎีกาจะพิพากษามิให้รอการลงโทษในกระทงหลังจะเป็นการลักลั่นกับความผิดกระทงแรกซึ่งคดียุติไปแล้ว ดังนี้ความผิดกระทงหลังก็ควรรอการลงโทษแก่จำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2951/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนที่ไม่สามารถพิสูจน์สถานะทะเบียนได้ ศาลฎีกาพิจารณาว่าเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นที่มีใบอนุญาต
ข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนหรือไม่ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจก็มิได้ยึดอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของกลาง กรณีจึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีได้ตามกฎหมายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสามเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะลูกจ้าง vs. ค่าจ้างจากผลงาน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ และชี้ว่าค่าเปอร์เซ็นต์จากการขายไม่ใช่ค่าจ้าง
เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ศาลแรงงานกลางมิได้รับฟังเป็นดังที่โจทก์อุทธรณ์ จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงนอกเหนือจากที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมา ศาลฎีกาไม่อาจนำข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นมาวินิจฉัยข้อกฎหมายได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว โจทก์ไม่มีเวลาทำงานปกติ จะทำวันใดหรือไม่ทำวันใดก็ได้การที่โจทก์ขายสินค้าแต่ละชิ้นแล้วได้เปอร์เซ็นต์นั้น มิใช่เป็นการคำนวณค่าจ้างตามผลงาน เงินเปอร์เซ็นต์จากการขายที่โจทก์ได้รับจึงไม่ใช่เงินที่นายจ้างให้เป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาปกติของวันทำงาน และไม่ถือว่าเป็นเงินค่าจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2852/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงต่อเนื่องในกลุ่มคน: ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท ไม่ใช่ความผิดหลายกระทง
จำเลยยิงผู้ตายซึ่งอยู่ในกลุ่มคน 2 นัดติดต่อกัน กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย และพลาดไปถูกคนในกลุ่มคือ ส. ได้รับบาดเจ็บ พฤติการณ์ของจำเลย จึงเป็นการกระทำเพื่อฆ่าผู้ตายเท่านั้น หาได้มีเจตนาจะฆ่า ส. อีกต่างหากไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 บทหนึ่งและมาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 60 อีกบทหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดหลายกระทง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงหลายแผลและการกระทำด้วยโทสะ ศาลฎีกาวินิจฉัยความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเวลากลางคืนแล้วขึ้นคร่อมตัวผู้เสียหายขณะนอนหลับอยู่ในห้อง เมื่อผู้เสียหายตื่น จำเลยใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวมาจ่อราวนมซ้ายผู้เสียหายห้ามมิให้ร้อง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย และขณะเดียวกันจำเลยได้ใช้มือลูบไล้ที่ขาผู้เสียหาย ผู้เสียหายขัดขืนร้องขอความช่วยเหลือ จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้เสียหายที่หน้าอกซ้าย 2 แผลที่สะบักขวาด้านหลัง 3 แผล คางซ้าย 1 แผล ขาขวา 3 แผล และที่หัวเข่าซ้าย 2 แผล รวม 11 แผล ด้วยมีดขนาดกว้าง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 4 นิ้วเศษ ซึ่งมีขนาดโตพอสมควรที่จะทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้โดยเฉพาะแทงในที่สำคัญเช่นบริเวณหน้าอกซ้าย และสะบักหลัง การที่จำเลยแทงไม่ลึกน่าจะเกิดจากผู้เสียหายดิ้นรนและต่อสู้ จึงทำให้แทงผู้เสียหายไม่ถนัด หาใช่จำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายไม่ พฤติการณ์เช่นนี้ส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว แต่จำเลยแทงผู้เสียหายเพราะเหตุผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราทั้งยังร้องเรียกให้คนช่วยอีกด้วย ทำให้จำเลยเกิดโทสะที่ไม่สามารถกระทำการได้ดังใจ มิใช่แทงทำร้ายเพื่อปกปิดการกระทำผิด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (7), 80 คงผิดตามมาตรา 288, 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายเพื่อป้องกันการข่มขืน ศาลฎีกาพิพากษาว่ามีเจตนาฆ่า แต่ไม่ใช่เพื่อปกปิดความผิด
จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเวลากลางคืนแล้วขึ้นคร่อมตัวผู้เสียหายขณะนอนหลับอยู่ในห้อง เมื่อผู้เสียหายตื่นจำเลยใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวมาจอราวนมซ้ายผู้เสียหายห้ามมิให้ร้องมิฉะนั้นจะฆ่าขณะเดียวกันจำเลยได้ใช้มือลูบไล้ที่ขาผู้เสียหายผู้เสียหายขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือ จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้เสียหายที่หน้าอกซ้าย 2 แผล ที่สะบักขวาด้านหลัง 3 แผลคาง 1 แผล ขาขวา 3 แผล และที่หัวเข่าซ้าย 3 แผล รวม 11 แผลด้วยมีดขนาดกว้าง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 4 นิ้วเศษ ซึ่งมีขนาดโตพอสมควรที่จะทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้โดยเฉพาะแทงในที่สำคัญเช่นบริเวณหน้าอกซ้าย และสะบักหลัง การที่จำเลยแทงไม่ลึกน่าจะเกิดจากผู้เสียหายดิ้นรนและต่อสู้ จึงทำให้แทงผู้เสียหายไม่ถนัด หาใช่จำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายไม่ พฤติการณ์เช่นนี้ส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว แต่จำเลยแทงผู้เสียหายเพราะเหตุผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราทั้งยังร้องเรียกให้คนช่วยอีกด้วยทำให้จำเลยเกิดโทสะที่ไม่สามารถกระทำการได้ดังใจ มิใช่แทงทำร้ายเพื่อปกปิดการกระทำผิดจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(7),80 คงผิดตามมาตรา 288,80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงหลายแผลและความเชื่อมโยงกับการข่มขืน ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาที่แท้จริงของผู้กระทำ
จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเวลากลางคืนแล้วขึ้นคร่อมตัวผู้เสียหายขณะนอนหลับอยู่ในห้อง เมื่อผู้เสียหายตื่น จำเลยใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวมาจ่อราวนมซ้ายผู้เสียหายห้ามมิให้ร้อง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย และขณะเดียวกันจำเลยได้ใช้มือลูบไล้ที่ขาผู้เสียหาย ผู้เสียหายขัดขืนร้องขอความช่วยเหลือ จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้เสียหายที่หน้าอกซ้าย 2 แผลที่สะบักขวาด้านหลัง 3 แผล คางซ้าย 1 แผล ขาขวา 3 แผล และที่หัวเข่าซ้าย 2 แผล รวม 11 แผล ด้วยมีดขนาดกว้าง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 4 นิ้วเศษ ซึ่งมีขนาดโตพอสมควรที่จะทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้โดยเฉพาะแทงในที่สำคัญเช่นบริเวณหน้าอกซ้าย และสะบักหลัง การที่จำเลยแทงไม่ลึกน่าจะเกิดจากผู้เสียหายดิ้นรนและต่อสู้ จึงทำให้แทงผู้เสียหายไม่ถนัด หาใช่จำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายไม่ พฤติการณ์เช่นนี้ส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว แต่จำเลยแทงผู้เสียหายเพราะเหตุผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราทั้งยังร้องเรียกให้คนช่วยอีกด้วย ทำให้จำเลยเกิดโทสะที่ไม่สามารถกระทำการได้ดังใจ มิใช่แทงทำร้ายเพื่อปกปิดการกระทำผิด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7),80 คงผิดตามมาตรา 288,80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2825/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์รับเรื่องโดยอ้างเป็นข้อกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารของโจทก์ที่ 7 แล้วพิจารณาตัดสินเป็นโทษแก่โจทก์คนอื่น ๆ ด้วย เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาและศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนถูกต้อง เป็นอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์และวินิจฉัยมาในฐานะเป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการไม่ชอบ โจทก์จะฎีกาในปัญหาดังกล่าวต่อมาไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย