คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาและแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน: คำสั่งศาลชั้นอุทธรณ์ให้ดำเนินคดีแพ่งต่อย่อมถึงที่สุดในส่วนอาญา
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา และมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ประทับฟ้องโจทก์รวมทั้งคดีส่วนแพ่งไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ดังนี้ คำสั่งศาลที่ให้คดีมีมูลย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาในส่วนอาญา แต่มีสิทธิฎีกาสำหรับคดีส่วนแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ งดบังคับคดีรอผลคดีอาญา: เหตุผลไม่เพียงพอตามกฎหมาย
ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์แล้วต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า บัดนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการฟ้องร้องโจทก์ในข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราทำหลักฐานเท็จและหลีกเลี่ยงภาษีอากรแล้ว ขอให้สั่งงดการบังคับคดีไว้ รอฟังผลคดีอาญาดังนี้ ข้ออ้างของจำเลยไม่เข้ากรณีที่จะร้องขอให้งดการบังคับคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ทั้งไม่มีเหตุสมควรให้งดการบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาหยุดการพิจารณาเมื่อจำเลยเสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี โจทก์ไม่จำเป็นต้องขอถอนฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณาดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาหยุดระงับเมื่อจำเลยถึงแก่กรรม โจทก์ไม่ต้องถอนฎีกา ศาลจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณา ดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจาก สารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลบหนีคดีอาญาและการสันนิษฐานว่าหนี้สินล้นพ้นตัวตามพ.ร.บ.ล้มละลาย
จำเลยออกเช็คชำระแก่โจทก์หลายฉบับ แล้วต้องหาคดีอาญาว่าออกเช็คไม่มีเงินจ่าย จำเลยหลบหนีหมายจับ เป็นการหลบหนีไม่ให้โจทก์ได้รับใช้หนี้อยู่ด้วยในตัวสันนิษฐานว่าหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 8

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความดำเนินคดีอาญาจากเครื่องหมายการค้าคล้ายคลึง ไม่ถือเป็นการละเมิดหากไม่มีเจตนา
ตัวแทนเครื่องหมายการค้าแจ้งต่อตำรวจจนโจทก์ถูกจับดำเนินคดีอาญา เป็นการใช้สิทธิ ซึ่งยังฟังไม่ได้ว่าตัวแทนเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ เพราะเครื่องหมายคล้ายคลึงกัน แม้ศาลยกฟ้องคดีอาญา ก็ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์ในคดีอาญาและคดีแพ่งไม่เป็นบุคคลเดียวกัน ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ชนรถโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แม้ปรากฏว่ากรณีเดียวกันนี้จำเลยที่ 1 เคยถูกผู้ว่าคดีฟ้องเป็นคดีอาญา และศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อคดีอาญานั้นโจทก์คดีนี้มิใช่เป็นผู้รับบาดเจ็บจากการที่รถชนกัน และคดีอาญาที่เกี่ยวกับการกระทำผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้อง หรือขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีได้ ผู้ว่าคดีจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ เพราะโจทก์มิใช่เป็นคู่ความเดียวกัน ในคดีแพ่งต้องฟังข้อเท็จจริงกันใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์ไม่ใช่คู่ความเดียวกัน และไม่มีอำนาจฟ้องในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ชนรถโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แม้ปรากฏว่ากรณีเดียวกันนี้จำเลยที่ 1 เคยถูกผู้ว่าคดีฟ้องเป็นคดีอาญา และศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อคดีอาญานั้นโจทก์คดีนี้มิใช่เป็นผู้รับบาดเจ็บจากการที่รถชนกัน และคดีอาญาที่เกี่ยวกับการกระทำผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีได้ ผู้ว่าคดีจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ เพราะโจทก์มิใช่เป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งต้องฟังข้อเท็จจริงกันใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การพิจารณาความเชื่อมโยงของข้อหาและพยานหลักฐานก่อนวินิจฉัย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินศาสนสมบัติจากอำเภอไชยา และอำเภอพระแสง หลายครั้งรวมเป็นเงิน 52,922 บาท 55 สตางค์ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้วส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าทุจริตเบียดบังเงินศาสนสมบัติสำหรับซ่อมแซมพระอุโบสถวัดน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดเดียวกันไปเป็นจำนวน30,000 บาท แม้ว่าเหตุในคดีนี้จะเกิดอยู่ในช่วงระยะเวลาของคดีก่อนสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่เดียวกันและเงินที่จำเลยทุจริตเบียดบังเอาไปนั้นเป็นเงินประเภทเดียวกันก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์หาว่าจำเลยเบียดบังในคดีนี้ เป็นจำนวนเดียวกันรวมอยู่ในคดีก่อนหรือไม่ และโจทก์สามารถจะฟ้องรวมมาในคดีก่อนได้อยู่แล้วหรือไม่จึงชอบที่จะฟังจากการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อน ไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826-830/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยในคดีอาญา ทำให้ไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,83 ให้ลงโทษจำคุก 3 สำนวน สำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 4 คงให้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 5 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
of 312