พบผลลัพธ์ทั้งหมด 354 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้าง การกระทำผิดร้ายแรง และการจ่ายค่าชดเชย กรณีสูบบุหรี่ในโรงงาน
แม้จำเลยจะมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานห้ามคนงานสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงานผู้ฝ่าฝืนอาจถูกให้ออกจากงานก็ตาม แต่สถานที่โจทก์สูบบุหรี่อยู่ห้างโกดังเก็บกระดาษ 50เมตรสภาพกระดาษก็ไม่ใช่วัตถุไวไฟถึงกับมีการสูบบุหรี่ในระยะดังกล่าวแล้วสามารถลุกไหม้ได้ทั้งที่ที่โจทก์ยืนสูบบุหรี่อยู่ก็มีน้ำนองพื้น ยากที่จะเกิดเหตุไฟไหม้เนื่องจากการสูบบุหรี่ จึงยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยอย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งริบของกลางในคดีฝ่าฝืนกฎหมายกำหนดราคาสินค้า: ต้องเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือได้มาจากการกระทำผิด
จำเลยมีน้ำตาลทรายปริมาณเกิน 1,000 กิโลกรัม ไว้ในครอบครองโดยมิได้ยื่นคำขอและรับอนุญาตจากเลขาธิการหรือประธานกรรมการส่วนจังหวัด อันเป็นการฝ่าฝืน ประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฯลฯแต่น้ำตาลทรายดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522 มาตรา 40 เป็นเรื่องให้อำนาจศาลอันเกี่ยวกับการสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับ และเงินรางวัลแก่ผู้จับ จาก เงินสุทธิค่าขายของกลางที่ศาลมีคำสั่งริบไว้แล้ว จึงมิใช่บทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลสั่งริบของกลาง
บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522 มาตรา 40 เป็นเรื่องให้อำนาจศาลอันเกี่ยวกับการสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับ และเงินรางวัลแก่ผู้จับ จาก เงินสุทธิค่าขายของกลางที่ศาลมีคำสั่งริบไว้แล้ว จึงมิใช่บทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลสั่งริบของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3863/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส: การพิจารณาเจตนาและเหตุผลในการกระทำความผิด
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุก 3 ปีศาลอุทธรณ์ลงโทษตาม มาตรา 297(8) จำคุก 2 ปีให้รอการลงโทษจำคุก 5 ปี เป็นการแก้บทลงโทษและกำหนดโทษแม้จะเป็นการแก้ไขมาก แต่การที่ศาลทั้งสองรอการลงโทษจำคุกถือไม่ได้ว่าศาลทั้งสองได้พิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยเมาสุราได้ยิงปืนนัดแรกที่ห้องพักนัดที่สองยิงขึ้นฟ้าแล้วลดปืนลงกระสุนปืนนัดที่สามก็ลั่นถูกผู้เสียหายที่เอวเมื่อเป็นปืนลูกโม่ที่การยิงจะต้องเหนี่ยวไกทีละนัดกระสุนปืนนัดที่สามจึงลั่นเพราะเจตนาจะยิงแต่เป็นขณะเมาสุราไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนไม่มีเหตุเพียงพอจะคิดฆ่าทั้งมิได้จ้องยิงตามปกติและในขณะอยู่ห่างกัน 2 เมตร ผู้เสียหายต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 30 วันจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) มิใช่เป็นความผิดตามมาตรา 300
จำเลยเมาสุราได้ยิงปืนนัดแรกที่ห้องพักนัดที่สองยิงขึ้นฟ้าแล้วลดปืนลงกระสุนปืนนัดที่สามก็ลั่นถูกผู้เสียหายที่เอวเมื่อเป็นปืนลูกโม่ที่การยิงจะต้องเหนี่ยวไกทีละนัดกระสุนปืนนัดที่สามจึงลั่นเพราะเจตนาจะยิงแต่เป็นขณะเมาสุราไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนไม่มีเหตุเพียงพอจะคิดฆ่าทั้งมิได้จ้องยิงตามปกติและในขณะอยู่ห่างกัน 2 เมตร ผู้เสียหายต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 30 วันจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) มิใช่เป็นความผิดตามมาตรา 300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้าง ต้องได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน แม้มีการกระทำผิด
แม้กรรมการลูกจ้างจะกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 123 ก็ตาม แต่การที่นายจ้างจะเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างก็จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2830/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำผิดสำคัญกว่าลำดับเหตุการณ์ การลาออกก่อนสมัครย่อมไม่มีเจตนาทุจริต
หนังสือลาออกของจำเลยระบุชัดเจนว่าขอลาออกจากตำแหน่งกำนันก่อนที่จะยื่นใบสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดดังนั้น แม้หนังสือลาออกของจำเลยจะไปถึงจังหวัดและจำเลยได้รับการอนุมัติให้ออกจากตำแหน่งหลังจากที่จำเลยยื่นใบสมัครแล้วก็ตาม ก็เป็นการปฏิบัติของทางราชการจำเลยมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยการกระทำของจำเลยจึงเป็นการขาดเจตนาจำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำอนาจาร – การร่วมกระทำผิด – การให้โอกาสกระทำผิด
ผู้เสียหายจับมือ อ. เดินตามหาเพื่อน สวนทางกับจำเลยทันใดนั้นจำเลยที่ 1 ตรงเข้าจับมือผู้เสียหายสะบัดหลุดจากมือ อ.ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าจับอวัยวะเพศผู้เสียหายและกระชากสร้อยคอพาวิ่งหนีไป การที่จำเลยที่ 2 จับอวัยวะเพศผู้เสียหายไม่มีพฤติการณ์แสดงว่าได้คบคิดกับจำเลยที่ 1 มาก่อน การจับมือผู้เสียหายแสดงให้เห็นเจตนาเพียงให้โอกาสจำเลยที่ 2 กระชากสร้อยได้สะดวกเท่านั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร คงผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2247/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน การพิจารณาความร้ายแรงของการกระทำผิด
อุทธรณ์ที่ว่าศาลแรงงานรับฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนผิดไปจากหลักฐานในสำนวน เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน ฯ มาตรา 54
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกำหนดไว้เฉพาะเป็นพนักงานที่มีหน้าที่จะต้องต้อนรับหรือบริการแขก มีอาการมึนเมา นำของมึนเมาเข้ามาทำงานหรือดื่มของมึนเมาในเวลาทำงาน เป็นการกระทำผิดกรณีร้ายแรง โจทก์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลไม่ใช่พนักงานที่มีหน้าที่ดังกล่าว แม้หากจะฟังได้ว่าโจทก์มีหน้าที่รับแขกที่มาติดต่อกับแผนกบุคคล ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องต้อนรับหรือบริการแขกโดยตรง การที่โจทก์กระทำผิดข้อบังคับนี้จึง มิใช่กรณีร้ายแรง
ส่วนที่โจทก์แก้อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โจทก์มีสิทธิได้ค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าเสียหายเนื่องจากถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม และเงินค่าบริการนั้น โจทก์ต้องยื่นเป็นฟ้องอุทธรณ์จะขอมาในคำแก้อุทธรณ์หาได้ไม่
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกำหนดไว้เฉพาะเป็นพนักงานที่มีหน้าที่จะต้องต้อนรับหรือบริการแขก มีอาการมึนเมา นำของมึนเมาเข้ามาทำงานหรือดื่มของมึนเมาในเวลาทำงาน เป็นการกระทำผิดกรณีร้ายแรง โจทก์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลไม่ใช่พนักงานที่มีหน้าที่ดังกล่าว แม้หากจะฟังได้ว่าโจทก์มีหน้าที่รับแขกที่มาติดต่อกับแผนกบุคคล ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องต้อนรับหรือบริการแขกโดยตรง การที่โจทก์กระทำผิดข้อบังคับนี้จึง มิใช่กรณีร้ายแรง
ส่วนที่โจทก์แก้อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โจทก์มีสิทธิได้ค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าเสียหายเนื่องจากถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม และเงินค่าบริการนั้น โจทก์ต้องยื่นเป็นฟ้องอุทธรณ์จะขอมาในคำแก้อุทธรณ์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิด พ.ร.บ.กำหนดราคาสินค้าฯ มิอาจริบทรัพย์สินที่ใช้ในการดำรงชีพได้
น้ำตาลทรายอันเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดที่จำเลยไม่นำออกจำหน่าย หรือเสนอขายตามปกติ และปฏิเสธไม่ยอมจำหน่ายนั้น หาใช่ทรัพย์สินที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด อันพึงจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 31 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทุจริตต่อหน้าที่ของพนักงานรถไฟ การลงโทษทางวินัย และการพิจารณาความแตกต่างของการกระทำผิด
โจทก์เป็นพนักงานรักษารถ ยอมให้ภริยาน้อยของโจทก์โดยสารรถไฟ และนำสัมภาระมาโดยไม่เสียค่าโดยสารและค่าระวางเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยลงโทษไล่ออกได้ตามข้อบังคับของคณะกรรมการรถไฟ และไม่จำเป็นต้องลงโทษผู้กระทำผิดเท่ากันทุกคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำผิดเป็นสำคัญ: การกระทำหลายบทเป็นกรรมเดียว
จำเลยเข้าไปในเคหสถานแล้วกระทำอนาจารผู้เสียหายนั้นเห็นเจตนาของจำเลยได้ว่า จำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกันเป็นหลายกระทงความผิดมิได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1905/2520)