พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องสอดในคดีขับไล่: ต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทโดยตรง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินเฉพาะส่วน 100 ตารางวาที่จำเลยเข้าไปปลูกสร้างโรงเลี้ยงสุกร ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่ดินที่ผู้ร้องสอดอ้างว่ามีสิทธิครอบครองแต่อย่างใด ผู้ร้องสอดจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากอสังหาริมทรัพย์ ในขณะยื่นคำฟ้องทรัพย์สินที่พิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยต่อสู้ว่าอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิของมารดาจำเลยซึ่งมีสิทธิดีกว่าโจทก์ มิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมายแต่การวินิจฉัยย่อมจะต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว การเถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างทั้งสองฟังเป็นยุติแล้วว่าทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัยอยู่และต้องห้ามฎีกา เพื่อสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยจึงมีผลเป็นอย่างเดียวกับการฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติเนรคุณและการถอนคืนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากคำพูดดูหมิ่นและขับไล่
หมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)หาจำเป็นต้องถึงกับเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาไม่เพียงแต่ได้ความว่า เจตนาดูหมิ่นก็ถือว่าประพฤติเนรคุณแล้ว จำเลยซึ่งได้รับการให้ที่ดินจากโจทก์ผู้เป็นบิดาด่าว่าโจทก์ว่า "ไอ้แก่กูไม่นับมึงเป็นพ่อ ออกไปให้พ้น ไม่ไปมึงตายกูไม่รับรู้" เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์เรียกโจทก์ว่าไอ้แก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ว่าไม่นับถือโจทก์เป็นบิดา ขับไล่โจทก์ออกไปให้พ้น มิฉะนั้นโจทก์ตายจำเลยไม่รับรู้ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกแทนทายาทโดยธรรมและการครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน ศาลยกฟ้องคดีขับไล่
เมื่อมารดาโจทก์จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินและบ้านพิพาทจากเจ้ามรดกโดยใส่ชื่อมารดาโจทก์คนเดียวนั้นเป็นการถือกรรมสิทธิ์แทนทายาทโดยธรรมทุกคนรวมทั้งจำเลยที่ 2 ด้วย ที่ดินและบ้านพิพาทจึงยังมิได้มีการแบ่งปันกันระหว่างทายาทโดยธรรม มารดาโจทก์ไม่มีสิทธิจดทะเบียนยกที่ดินและบ้านพิพาทในส่วนมรดกที่ตกได้แก่ทายาทอื่นให้แก่โจทก์ โจทก์คงมีกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของมารดาโจทก์ที่รับมรดกมาในฐานะทายาทโดยธรรม จำเลยที่ 2 ย่อมมีสิทธิยึดถือครอบครองโดยอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาทได้ ส่วนจำเลยที่ 1สามีจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นบริวารของจำเลยที่ 2ย่อมมีสิทธิอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาท เมื่อที่ดินและบ้านพิพาทยังเป็นมรดกอยู่โจทก์และจำเลยที่ 2 รวมทั้งทายาทอื่นจึงเป็นเจ้าของรวม ดังนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่ดินพิพาทที่จำเลยอ้างสิทธิเช่าและซื้อตามพ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องคดีส่วนแพ่งขอให้ห้ามจำเลยเข้าไปในที่ดินพิพาทของโจทก์ถือได้ว่าเป็นประเภทเดียวกับฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เมื่อที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท คดีส่วนแพ่งจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในคดีส่วนแพ่งว่าจำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินพิพาทจาก ม. และ บ.เจ้าของที่ดินพิพาทเดิม เมื่อโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโจทก์ต้องรับโอนทั้งสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องให้จำเลยที่ 1 เช่าหรือจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะซื้อที่ดินพิพาทจาก บ. หรือโจทก์ ตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 จำเลยที่ 1จึงมีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาทได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เช่าที่ดินพิพาทจาก ม. หรือบ. เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดทุนทรัพย์ฟ้องขับไล่, สัญญาเช่าล่วงหน้าหลีกเลี่ยงกฎหมาย, ฟ้องแย้งไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกที่เช่าซื้อมีค่าเช่าตามสัญญาในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท และค่าเสียหายตามฟ้องไม่เกิน สองหมื่นบาทคดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.พ. มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยและจำเลยฎีกาต่อมาก็ถือเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์โดยชอบตามมาตรา 249 สัญญาเช่าที่มีกำหนดเวลาเช่าไว้ฉบับละ 3 ปี ติดต่อกันโดยทำสัญญาหลายฉบับในคราวเดียวกันโดยลงวันที่ล่วงหน้าเป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงต่อบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 538 ซึ่งบังคับให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยจะนำสัญญาดังกล่าวมาฟ้องบังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1490/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่งอกริมตลิ่ง: เจ้าของที่ดินโฉนดมีสิทธิในที่งอก และมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองแทนเจ้าของ
ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินมีโฉนด โจทก์เป็นเพียงผู้ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของที่ดิน ฉะนั้น เมื่อจำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่พิพาทตาม ป.พ.พ.มาตรา 1308 ด้วย และมีอำนาจฟ้องแย้งให้ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่พิพาทได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1405/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองบ้านที่สร้างบนที่ดินของผู้อื่น แม้เจ้าของที่ดินฟ้องขับไล่ ก็ต้องพิจารณาความเป็นเจ้าของบ้านควบคู่ไปด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของบ้านพิพาทปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์เพื่อให้จำเลยและลูกอยู่อาศัย ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้ จำเลยอยู่ต่อไปจึงได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากบ้านพิพาทแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยออกจากบ้านพิพาท การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากบ้านพิพาท ย่อมหมายถึงฟ้องขับไล่ให้จำเลยออกไปจากที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทนั้นด้วย ดังนั้น เมื่อฟังได้ว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลย ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินของโจทก์ได้ ไม่เป็นการเกินคำขอหรือนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่: ผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินที่สุขาภิบาลจัดให้เช่า สามารถฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ แม้ที่ดินเดิมเป็นสาธารณสมบัติ
ที่ดินพิพาทเดิมเป็นคลองซึ่งประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต่อมาสุขาภิบาลได้ถมคลองแล้วจัดให้ประชาชนวางแผงลอย โจทก์เป็นผู้เข้าทำสัญญาวางแผงลอยบนที่ดินพิพาทกับสุขาภิบาล ต่อมาโจทก์นำที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าเพื่อสร้างอาคารแบบร้านค้า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทและจำเลยได้เช่าที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่จากสัญญาเช่าบนที่ดินที่สุขาภิบาลจัดให้เช่า แม้เดิมเป็นคลองสาธารณะ
ที่ดินพิพาทเดิมเป็นคลองซึ่งประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต่อมาสุขาภิบาลได้ถมคลองแล้วจัดให้ประชาชนวางแผงลอย โจทก์เป็นผู้ทำสัญญาวางแผนลอยบนที่ดินพิพาทกับสุขาภิบาล แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงจำเลยไม่ยอมออกจากที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้