คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข่มขู่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่ให้เซ็นเช็คโดยอ้างอำนาจรัฐเป็นโมฆะ การใช้สิทธิตามกฎหมายต้องสุจริตและชอบธรรม
การที่นายตำรวจขู่ให้โจทก์ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้จำเลย มิฉะนั้นจะจับโจทก์ไปขังในฐานะเป็นบุคคลซึ่งเป็นภัยต่อสังคมนั้น ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายหรือตามปกตินิยม
แม้บุคคลภายนอกจะเป็นผู้ข่มขู่ ก็ย่อมทำให้เช็คนั้นเสื่อมเสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 128 และเมื่อได้บอกล้างแล้วจึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสัตยาบันนิติกรรมหลังเหตุข่มขู่สิ้นสุด ผลคือจำเลยไม่มีสิทธิบอกล้างสัญญา
จำเลยอ้างว่าได้ทำบันทึกข้อตกลงกับโจทก์เนื่องจากถูกข่มขู่ บันทึกดังกล่าวเป็นโมฆียะ แต่ปรากฏว่าหลังจากเวลาที่มูลเหตุให้เป็นโมฆียะตามที่จำเลยอ้างนั้นสิ้นไปแล้ว จำเลยได้ชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์อีกโดยมิได้แสดงแย้งสงวนสิทธิไว้แจ้งชัดว่า จะบอกล้างบันทึกข้อตกลงในภายหลัง ต้องถือว่าจำเลยให้สัตยาบันแก่นิติกรรมนั้นแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 142 จำเลยจึงไม่มีสิทธิบอกล้างบันทึกข้อตกลงดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสัตยาบันนิติกรรมหลังเหตุข่มขู่สิ้นสุด ผลของการบอกล้างสัญญา
จำเลยอ้างว่าได้ทำบันทึกข้อตกลงกับโจทก์เนื่องจากถูกข่มขู่ บันทึกดังกล่าวเป็นโมฆียะ แต่ปรากฏว่าหลังจากเวลาที่มูลเหตุให้เป็นโมฆียะตามที่จำเลยอ้างนั้นสิ้นไปแล้ว จำเลยได้ชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์อีกโดยมิได้แสดงแย้งสงวนสิทธิไว้แจ้งชัดว่าจะบอกล้างบันทึกข้อตกลงในภายหลัง ต้องถือว่าจำเลยให้สัตยาบันแก่นิติกรรมนั้นแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 142 จำเลยจึงไม่มีสิทธิบอกล้างบันทึกข้อตกลงดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิ่วข่มขู่ในการปล้นทรัพย์ ศาลตัดสินความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว
จำเลยชักสิ่วออกมาขู่จะทำร้ายในการปล้น เป็นการปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสที่เกิดจากการข่มขู่ด้วยอาวุธ และการฟ้องเพิกถอนการสมรสเป็นโมฆียะกรรม
ชายมีปืนขู่พาหญิงไปร่วมประเวณีและจดทะเบียนสมรส หญิงเพิกถอนได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1491 วรรค2 เดิม ซึ่งใช้อยู่ในขณะเกิดเหตุ การฟ้องคดีเป็นการบอกล้างโมฆียะกรรมไปในตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่โดยการแจ้งความดำเนินคดีอาญาไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 127 สัญญาประนีประนอมยังใช้บังคับได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยจะผ่อนชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยแก้ตัวเลขปีกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจาก 2521 เป็น 2520 และลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วย เพราะโจทก์กับพวกขู่ว่า หากจำเลยไม่แก้ โจทก์จะเอาเช็คที่จำเลยออกให้แก่ ผู้อื่น ซึ่งมาตกอยู่ในครอบครองของโจทก์ฟ้องคดีอาญาแก่จำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงิน ดังนี้ การขู่ของโจทก์เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 127 ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ การที่จำเลยแก้กำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงไม่เป็นโมฆียะ และมีผลใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสัญญะประนีประนอมยอมความด้วยเหตุข่มขู่: การขู่ฟ้องคดีอาญาไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
โจทก์ขู่ให้จำเลยแก้วันในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิมจาก พ.ศ.2521 เป็น 2520 โดยว่าถ้าไม่แก้จะนำเช็คซึ่งจำเลยออกให้ผู้อื่นและตกอยู่ในมือโจทก์ไปฟ้องคดีอาญาว่าออกเช็คไม่มีเงินการขู่ดังนี้เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตตามปกตินิยมไม่เป็นโมฆียะตามมาตรา127

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจเรียกรับเงิน แม้แต่งเครื่องแบบตำรวจ แต่ไม่มีพฤติการณ์ข่มขู่หรือใช้กำลัง จึงไม่เป็นความผิด
จำเลยเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบไปขอเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา เมื่อผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือแล้วจำเลยกลับไป ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยกลับมาหาผู้เสียหายอีก และบอกว่ารองผู้กำกับการตำรวจให้มาเอาเงิน 3,000 - 4,000 บาท ผู้เสียหายจะให้เพียง 100 บาท จำเลยว่าไม่พอ ดังนี้ ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมผู้เสียหายในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎฆมายอายา มาตรา 148 และ 337 ประกอบด้วยมาตรา 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์ต้องใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่ หากไม่มีองค์ประกอบนั้นเข้าข่ายลักทรัพย์
จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำรับสารภาพในคดีอาญา: เหตุผลความข่มขู่หลอกลวงเป็นเหตุอันควรให้แก้ไขคำให้การได้
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยเสร็จแล้วและจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ระหว่างนัดรอฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่รับสารภาพ ขอให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยอ้างเหตุว่าจำเลยถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายฝ่ายขู่เข็ญหลอกลวงให้รับสารภาพ ให้คำมั่นว่าแม้จะรับสารภาพก็ไม่ต้องถูกจำคุกเพราะจะออกกฎหมายไม่เอาโทษภายหลัง จำเลยหลงเชื่อจึงให้การรับสารภาพ ต่อเมื่อจำเลยได้รับคำชี้แจงจากทนายความว่าไม่เป็นความจริง จึงขอต่อสู้คดีนั้น เมื่อปรากฏว่าขณะจำเลยให้การรับสารภาพนั้น จำเลยไม่มีทนาย และเหตุผลที่จำเลยอ้างกล่าวก็อาจเป็นไปได้ ทั้งในคดีอาญาจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่อยู่แล้ว รูปคดีสมควรให้จำเลยแก้คำให้การได้ตามคำร้อง
of 33