คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อต่อสู้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกอายุความเป็นข้อต่อสู้ แม้ไม่ได้ยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลไม่รับฟังเนื่องจากขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้ แต่จำเลยจะเบิกความ ในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงไม่มีประเด็น และในเรื่องอายุความเมื่อไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การกับการยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลไม่รับฟังข้อต่อสู้เพราะไม่มีประเด็น
จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้ แต่จำเลยจะเบิกความในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงไม่มีประเด็น และในเรื่องอายุความเมื่อไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตามสัญญารับสภาพหนี้ และการยกข้อต่อสู้เรื่องอากรแสตมป์ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญารับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์ มิได้ฟ้องให้รับผิดฐานละเมิด จึงไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าใครเป็นผู้ขับรถยนต์ชนโจทก์อย่างไร ทั้งโจทก์ได้บรรยายถึงจำนวนเงินส่วนที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ตามสัญญา จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ปัญหาว่าใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น เพิ่งจะยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างได้
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีซึ่งมอบอำนาจให้กระทำครั้งเดียวคดีเดียวมิใช่ใบมอบอำนาจทั่วไป ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2435/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้เรื่องการกู้ยืมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบ เพราะควรยกขึ้นในคำให้การตั้งแต่ชั้นต้น
โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ใช้เงินทดรองที่โจทก์ออกแทนจำเลยไป หากจำเลยเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องโจทก์เป็นเรื่องการฟ้องบังคับตามสัญญากู้ยืมเงินจำเลยก็สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การตั้งแต่ศาลชั้นต้น จำเลยให้การเพียงว่าโจทก์มิได้ออกเงินทดรองแทนจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ กรณีจึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยไม่สามารถแยกปัญหานี้ขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เนื่องจากพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักค่าใช้จ่ายทางภาษี: การเลือกวิธีหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาจ่ายหรือตามความเป็นจริง และขอบเขตการยกเว้นข้อต่อสู้
โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยตามคำฟ้องและคำให้การว่า การที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของร้านจ. กับร้านร.รวมกัน โดยร้านจ.โจทก์ขอหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาในอัตราร้อยละ 90 ส่วนร้านร.โจทก์ขอหักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงเป็นการขัดต่อมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 หรือไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้โจทก์ชนะคดี ดังนี้จำเลยจะฎีกาว่าโจทก์ไม่สามารถแสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานประเมินและพิสูจน์ได้ว่าค่าใช้จ่ายสำหรับร้านร.มากกว่าค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาคืออัตราร้อยละ 90 โจทก์จึง ไม่มีสิทธิขอหักค่าใช้จ่ายอัตราร้อยละ 96 ตามที่ขอหักไว้ และ ไม่มีสิทธิจะยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารวมกัน โดยขอหักค่าใช้จ่ายเป็น 2 ทาง แต่ต้องหักค่าใช้จ่ายทางเดียว โดยการเหมาในอัตราร้อยละ 90 ตามมาตรา 8(32) แห่งพระราชกฤษฎีกาข้างต้นไม่ได้ เป็นฎีกานอกเหนือจากคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลในการโอนเช็คและการยกข้อต่อสู้ของผู้รับอาวัลต่อผู้ทรงคนก่อน
การที่ ช. ยอมตกลงกับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับอาวัลเช็คว่า จำเลยไม่จำต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โดย ช. จะไปเรียกเก็บเอากับผู้สั่งจ่ายเองภายหลัง ช. จัดการโอนเช็คพิพาทไปให้โจทก์ โดยหวังว่าโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิได้เกี่ยวข้องกับข้อตกลงดังกล่าวจะได้ใช้สิทธิในฐานะผู้ทรงฟ้องบังคับเอากับจำเลยได้นั้น พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมเป็นการฉ้อฉลโดยตรง จำเลยจึงชอบที่จะยกข้อต่อสู้อันมีอยู่กับ ช. ตามข้อตกลงดังกล่าวขึ้นใช้ยันโจทก์ได้ และปัญหานี้มิใช่เป็นกรณีตามมาตรา 940โจทก์จึงไม่อาจอ้างเงื่อนไขของบทบัญญัติมาตรา นี้มาใช้ปิดปากจำเลยในอันที่จะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 916 ขึ้นใช้ยันโจทก์เพื่อปฏิเสธความรับผิดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4133/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีสิทธิยกข้อต่อสู้เรื่องสัญญาหุ้นส่วนเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามเช็คได้ แม้จะยอมรับว่าออกเช็คแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อค้ำประกันค่าหุ้นซึ่งโจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันตั้งร้านอาหาร โจทก์ถอนหุ้นตามอำเภอใจผิดสัญญาหุ้นส่วนจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินตามเช็ค ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำสืบตามข้อต่อสู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากเพราะเป็นการนำสืบถึงมูลกรณีที่จำเลยออกเช็คให้โจทก์
คำให้การดังกล่าวแม้ไม่ระบุว่าโจทก์ถอนหุ้นอย่างไร เป็นจำนวนเท่าใด หุ้นส่วนเลิกกันหรือไม่ ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จำเลยสามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4133/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ตามสัญญาเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามเช็ค แม้ยอมรับว่าออกเช็คแล้ว
ป.พ.พ. มาตรา 900 หาใช่บทบังคับเด็ดขาดให้ผู้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินมิให้โต้เถียง เป็นอย่างอื่น ดังนั้น แม้จำเลยจะยอมรับว่าออกเช็คพิพาทจริง แต่จำเลยก็ขอต่อสู้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเข้าหุ้นส่วนกับจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คที่จำเลยออกเพื่อค้ำประกันค่าหุ้นนั้นจำเลยจึงชอบที่จะนำสืบตามข้อต่อสู้ได้ เมื่อจำเลยอ้างมูลที่มาของการออกเช็ค ตลอดจนเหตุที่จำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นประเด็นมาในคำให้การแล้ว ข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ถอน หุ้นอย่างไร เป็นจำนวนเท่าใด หุ้นส่วนเลิกกันหรือไม่ นั้นเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: แม้จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ ศาลฎีกาหยิบยกได้ และเป็นเหตุให้ต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีเดิม โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองกับพวกว่าผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินขอให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม เมื่อคดีดังกล่าวถึงที่สุด โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงเดิมเช่นนี้ โจทก์สามารถขอให้บังคับดังกล่าวแก่จำเลยทั้งสองในคดีเดิม ได้อยู่แล้ว ทั้งประเด็นที่ต้องวินิจฉัยคดีนี้ก็อาศัยเหตุเดียวกันกับคดีก่อนว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจะซื้อขายหรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148. ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ จำเลยก็อ้างอิงปัญหาเช่นว่านั้นในชั้นฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนรับโอนที่ดินโดยไม่สุจริต ทำให้จำเลยมีสิทธิยกข้อต่อสู้ได้
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนด เลขที่ 6343 ที่โจทก์ซื้อมา โดยโจทก์ได้ทราบในขณะซื้อแล้วว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทอยู่ทั้งเข้าใจว่าเป็นของจำเลย เพียงแต่สำคัญผิดว่าเป็นที่ดินอยู่นอกโฉนด ดังกล่าว เช่นนี้จำเลยย่อมยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ว่าโจทก์จดทะเบียนรับโอนมาโดยไม่สุจริต.
of 35