พบผลลัพธ์ทั้งหมด 233 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้องรุกล้ำที่ดิน และดุลยพินิจศาลในการรับฟังพยาน
ในคดีเรื่องรุกล้ำที่ดินและละเมิด โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าที่โจทก์มีเนื้อที่เท่าใดและมีอาณาเขตกว้างยาวติดต่อกันอย่างไร โจทก์เพียงแต่กล่าวในฟ้องว่าโจทก์จำเลยมีที่ดินติดต่อกันตามแผนที่ท้ายฟ้อง และจำเลยปลูกห้องแถวทำหลังคำล้ำเข้ามาในที่ของโจทก์ก็เป็นคำฟ้องที่เข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ถือว่าเคลือบคลุม
ศาลจะเชื่อฟังคำพยานบุคคลปากใดหรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาลเมื่อศาลใช้ดุลยพินิจเชื่อฟังพยานบุคคลปากใดแล้วจะมาโต้แย้งว่าศาลมิได้วินิจฉัยคดีจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ได้เพราะเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง
ศาลจะเชื่อฟังคำพยานบุคคลปากใดหรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาลเมื่อศาลใช้ดุลยพินิจเชื่อฟังพยานบุคคลปากใดแล้วจะมาโต้แย้งว่าศาลมิได้วินิจฉัยคดีจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ได้เพราะเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว, การครอบครองปรปักษ์, และความชัดเจนของฟ้องคดี
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486มิได้ห้ามเด็ดขาดว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ได้ และแม้จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตามก็อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะยกขึ้นพิจารณาหรือไม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสองประกอบด้วย มาตรา 247
จำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมอ้างว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นประการใดจึงหมดสิทธิอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ถือกรรมสิทธิในที่ดินโดยพี่สาวโจทก์ซื้อมาแล้วตกได้แก่โจทก์จำเลยขัดขวาง แม้โจทก์มิได้บรรยายลักษณะที่ดินและโจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารซื้อขายก็ตามก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยเข้าใจฟ้องได้แล้วส่วนสำเนาเอกสารโจทก์จะต้องส่งหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรับฟังพยานเอกสารได้หรือไม่เพียงใดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมอ้างว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นประการใดจึงหมดสิทธิอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ถือกรรมสิทธิในที่ดินโดยพี่สาวโจทก์ซื้อมาแล้วตกได้แก่โจทก์จำเลยขัดขวาง แม้โจทก์มิได้บรรยายลักษณะที่ดินและโจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารซื้อขายก็ตามก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยเข้าใจฟ้องได้แล้วส่วนสำเนาเอกสารโจทก์จะต้องส่งหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรับฟังพยานเอกสารได้หรือไม่เพียงใดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุวันเวลาการกระทำความผิดในฟ้องอาญา เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ จำเป็นต้องชัดเจน
ในคดีเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวระบุวันเวลาที่จำเลยคิดทุจริตยักยอกเอาทรัพย์ไป คงกล่าวแต่วันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์เท่านั้น ทั้งไม่อาจเข้าใจได้ว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ที่ได้รับมอบหมายไปวันใด ดังนี้ฟ้องของโจทก์ย่อมไม่สมบูรณ์ตาม กฎหมาย (อ้างฎีกาที่ 117/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีและการบังคับคดีโดยไม่ชัดเจนถึงฐานะจำเลยและทรัพย์สินที่พิพาท ทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพัน
คำฟ้องบรรยายว่าขอยื่นฟ้องนายคลี่มารดาผู้แทนโดยชอบธรรม ด.ญ.ยุพิน กับพวก จำเลยนั้นเมื่อไม่แสดงให้ชัดแจ้งว่า ฟ้องในฐานะอย่างอื่น ก็ต้องว่าฟ้องนาคลี่เป็นส่วนตัว ที่กล่าวว่าเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมก็เพียงระบุว่านางคลี่คนไหนเท่านั้น
การแปลคำฟ้องที่จะให้เป็นผลร้ายแก่ผู้เยาว์ โดยโจทก์ไม่แสดงให้แน่ชัดหาได้ไม่
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลย ผู้มารดาในฐานะส่วนตัวทำกันไว้หาผูกพันทรัพย์สินของเด็กไม่
การแปลคำฟ้องที่จะให้เป็นผลร้ายแก่ผู้เยาว์ โดยโจทก์ไม่แสดงให้แน่ชัดหาได้ไม่
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลย ผู้มารดาในฐานะส่วนตัวทำกันไว้หาผูกพันทรัพย์สินของเด็กไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา การระบุเวลาในความผิดยักยอกทรัพย์ไม่จำเป็นต้องระบุวันเวลาที่แน่นอน
ฟ้องว่าเมื่อ 2487 จำเลยรับมอบไม้ของผู้เสียหาย ให้รักษาไว้ต่อมาวันใดเวลาใดไม่ปรากฏ ใน พ.ศ.2492ผู้เสียหายได้รับไม้คืนไปทั้งจำเลยคงรับมอบหมายให้รักษาไว้ต่อไปอีก 2 ท่อนตั้งแต่จำเลยรับมอบหมายไม้สองท่อนไว้ถึง 28 สิงหาคม 2494 เวลาใดไม่ปรากฏจำเลยบังอาจเอาไม้สักทั้ง 2 ท่อนนั้นไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเองฯลฯ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314ฯลฯ ดังนี้ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องฐานฉ้อโกง: การบรรยายความผิดฐานฉ้อโกงต้องชัดเจนและครบถ้วน
ฟ้องบรรยายว่า "วันที่ 8 ก.พ. 93 เวลากลางวัน จำเลยกล่าวเท็จหลวงลวงโจทก์ว่า มีคนต้องการซื้อผ้า จำเลยขอรับผ้าไปถ้าขายได้จะนำเงินมาให้ ถ้าขายไม่ได้จะนำผ้ามาคืนในวันที่ 9 เดือนเดียวกัน โจทก์หลงเชื่อ จึงมอบผ้าให้จำเลยรับไป ครั้งถึงวันเวลากำหนด จำเลยไม่นำเงินหรือผ้ามาคืน" และในตอนท้ายบรรยายว่า "ในระหว่างวันที่ 8 - 9 ก.พ.93 เวลาใดไม่ปรากฎ จำเลยมีเจตนาทุจริต ยักยอกทรัพย์รายนี้" ดังนี้ เป็นฟ้องที่โจทก์มุ่งหมายบรรยายหนักไปทางว่า จำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกง ไม่เป็นฟ้องเคลือคลุม และสมบูรณ์ เป็นฟ้องฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนในการฟ้องคดีอาญา: จำเลยต้องเข้าใจข้อกล่าวหา
โจทก์บรรยายฟ้องตอนต้นว่าคนร้ายลักไม้ของเจ้าทรัพย์ไปต่อมาจับไม้ที่หายบางส่วนได้จากจำเลยที่ 2,3,4 โจทก์กล่าวยืนยันเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ได้สมคบกับจำเลยที่ 2, 3,4 ลักไม้หรือสมคบกันรับไม้ของกลางไว้จากคนร้าย ฯลฯ นั้นมีข้อความชัดพอให้จำเลยที่ 1 เข้าใจได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องยักยอกทรัพย์ไม่ชัดเจนวันเวลาที่กระทำผิด ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องบรรยายว่าได้ฝากทรัพย์ไว้แก่จำเลย ต่อมาเดือน 8 ปีนี้ตรงกับเดือนกรกฎาคม 2493 โจทก์ไปขอรับทรัพย์ที่ฝากคืน จำเลยไม่คืนให้โดยเจตนาทุจริตยักยอกเอาทรัพย์ไว้เพื่อประโยชน์ส่วนตนและผู้อื่น ขอให้ลงโทษ ดังนี้ มิได้กล่าวว่าจำเลยยักยอกทรัพย์วันใด หรือระหว่างวันเดือนใด จึงได้ชื่อว่าเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: รายละเอียดสินค้าขาดหายต้องชัดเจน
โจทก์ฟ้องบรรยายเพียงว่า สินค้าในร้านสหกรณ์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ซึ่งเป็นผู้จัดการได้ขาดหายไปเป็นราคาเงินจำนวนหนึ่ง โดยมิได้แสดงรายละเอียดว่าสิ่งของอะไรบ้าง อย่างไหนราคาเท่าใด ย่อมเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องลักทรัพย์จากของกลางคดีอื่น: ความชัดเจนของฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักไม้สักที่เจ้าพนักงานป่าไม้อำเภอเมืองยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญา ซึ่งบุคคลอื่นต้องหาว่าตัดฟันไม้สักรายนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานไป ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ แม้จะไม่ได้บรรยายว่า จำเลยลักไม้นั้นไปจากใคร ผู้ใดเป็นผู้ควบคุมรักษา และไม่ปรากฏว่าไม้นั้นยึดจากใคร ก็ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อความบรรยายมาพอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม