พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทถือปืนในป่าทำให้ปืนลั่นถึงแก่ความตาย
ระหว่างเดินทางกลับจากการล่าสัตว์ จำเลยถือปืนแก๊ปยาวบรรจุกระสุนปืนไว้พร้อมที่จะยิงได้ เดินตามหลังผู้ตายห่างราว 5 เมตร ในป่าซึ่งมีเถาวัลย์อยู่ตามเส้นทางที่เดิน โดยหันปากกระบอกปืนไปทางผู้ตายในท่าคอนปืนเอาปากกระบอกไปข้างหน้า เพียงแต่ใช้ยางในรถปิดรูนมหนูกับนกปืนมิให้กระทบกับแก๊ปที่สวมติดอยู่กับรูนมหนูเท่านั้น ไม่ระมัดระวังมิให้นกปืนเกี่ยวกับเถาวัลย์ อันจะเป็นเหตุให้ปืนลั่นปะทุขึ้นได้ นกปืนไปเกี่ยวกับเถาวัลย์ ทำให้ปืนลั่น กระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณก้านคอด้านหลังถึงแก่ความตาย จำเลยมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อถือปืนในป่า: การกระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ระหว่างเดินทางกลับจากการล่าสัตว์. จำเลยถือปืนแก๊ปยาวบรรจุกระสุนปืนไว้พร้อมที่จะยิงได้ เดินตามหลังผู้ตายห่างราว 5 เมตร ในป่าซึ่งมีเถาวัลย์อยู่ตามเส้นทางที่เดิน. โดยหันปากกระบอกปืนไปทางผู้ตายในท่าคอนปืนเอาปากกระบอกไปข้างหน้า เพียงแต่ใช้ยางในรถปิดรูนมหนูกับนกปืนมิให้กระทบกับแก๊ปที่สวมติดอยู่กับรูนมหนูเท่านั้น. ไม่ระมัดระวังมิให้นกปืนเกี่ยวกับเถาวัลย์ อันจะเป็นเหตุให้ปืนลั่นปะทุขึ้นได้.นกปืนไปเกี่ยวกับเถาวัลย์ ทำให้ปืนลั่น กระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณก้านคอด้านหลังถึงแก่ความตาย. จำเลยมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าทารก: การกระทำรุนแรงต่อภรรยาและทารกจนถึงแก่ความตาย
จำเลยเตะภรรยาซึ่งอุ้มบุตรอายุเพียงเดือนเศษ จนภรรยาล้มลงและบุตรกระเด็นหลุดตกลงไปยังพื้นดินถึง 2 ครั้ง ขณะที่ภรรยาล้มนอนหงายอยู่กับพื้นดิน จำเลยจับบุตรที่กระเด็นหลุดจากมือภรรยาไปนั้น ยกขึ้นกระแทกลงไปที่อกภรรยาโดยแรง จนบุตรเกิดอาการบวมที่หน้าและศรีษะ หายใจขัด และถึงแก่ความตายในวันที่จำเลยกระทำร้ายนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินเหตุบันดาลโทสะและการลดโทษจากคำรับสารภาพในคดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
เพื่อนของผู้ตายกับเพื่อนของจำเลยจะต่อยกัน จำเลยเข้าไปถีบเพื่อนผู้ตายเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของจำเลย ผู้ตายจึงเตะจำเลยเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของผู้ตาย ดังนี้ จะถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจากผู้ตายไม่ได้ เพราะจำเลยทำร้ายเพื่อนผู้ตายก่อนความผิดของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
จำเลยเข้ามอบตัวกับเจ้าพนักงานเป็นการลุแก่โทษชั้นสอบสวนก็ให้การรับสารภาพอย่างเดียวกับข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบในชั้นศาลที่จำเลยให้การสู้คดีชั้นศาลว่าป้องกันตัว ก็เป็นความเข้าใจของจำเลยว่าลักษณะเช่นนี้เป็นการป้องกันตัวจำเลยมิได้บิดเบือนข้อเท็จจริง และในที่สุดก็รับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้องแม้จะเป็นการรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว ก็ยังเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาที่ศาลพิพากษาวางบทกำหนดโทษและลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง จึงเป็นการสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี
จำเลยเข้ามอบตัวกับเจ้าพนักงานเป็นการลุแก่โทษชั้นสอบสวนก็ให้การรับสารภาพอย่างเดียวกับข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบในชั้นศาลที่จำเลยให้การสู้คดีชั้นศาลว่าป้องกันตัว ก็เป็นความเข้าใจของจำเลยว่าลักษณะเช่นนี้เป็นการป้องกันตัวจำเลยมิได้บิดเบือนข้อเท็จจริง และในที่สุดก็รับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้องแม้จะเป็นการรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว ก็ยังเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาที่ศาลพิพากษาวางบทกำหนดโทษและลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง จึงเป็นการสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วม vs ผู้สนับสนุน: กรณีร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
จำเลยที่ 1 ทะเลาะกับผู้ตายอยู่ริมรั้ว จำเลยที่ 2 ถือมีดพร้าวิ่งลงจากบ้านพร้อมกับร้องว่าฟันให้ตาย ๆ การแสดงออกด้วยกิริยาและคำพูดของจำเลยที่ 2 ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 คว้ามีดพร้าจากมือจำเลยที่ 2 แหวกรั้วเข้าไปฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำที่สมเจตนาของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายแล้ว ได้โยนมีดพร้าข้ามรั้วมาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้พามีดพร้าวิ่งหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวแล้วจึงถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกับจำเลยที่ 1ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
จำเลยที่ 3 ได้วิ่งมาและพูดยุยงให้จำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายให้ตาย หลังจากจำเลยที่ 1 ลงมือทำร้ายผู้ตายได้1 แผล จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด เพราะจำเลยที่ 1 ได้เริ่มลงมือกระทำผิดไปแล้ว คำยุยงของจำเลยที่ 3 จึงเป็นเพียงสนับสนุนเร้าใจให้จำเลยที่ 1 มุ่งกระทำร้ายต่อผู้ตายให้ถึงตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงฟังได้เพียงว่าเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6-7 /2512
จำเลยที่ 3 ได้วิ่งมาและพูดยุยงให้จำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายให้ตาย หลังจากจำเลยที่ 1 ลงมือทำร้ายผู้ตายได้1 แผล จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด เพราะจำเลยที่ 1 ได้เริ่มลงมือกระทำผิดไปแล้ว คำยุยงของจำเลยที่ 3 จึงเป็นเพียงสนับสนุนเร้าใจให้จำเลยที่ 1 มุ่งกระทำร้ายต่อผู้ตายให้ถึงตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงฟังได้เพียงว่าเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6-7 /2512
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1647/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่า: การชักปืนยังไม่ถึงขั้นลงมือ ต้องมีเจตนาและกระทำไปในทิศทางที่จะทำให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยมาพบผู้เสียหายที่บ่อน้ำ. ผู้เสียหายพูดกับจำเลยเรื่องทำร้ายหลานชายผู้เสียหายซึ่งเป็นใบ้. จำเลยไม่พอใจผู้เสียหายและพูดว่า เดี๋ยวยิง. ผู้เสียหายท้าให้ยิง.จำเลยจึงควักปืนออกมาปากกระบอกเพิ่งพ้นจากเอวยังไม่ทันหันมาทางผู้เสียหาย. ก็ถูกผู้เสียหายแย่งไปได้. การที่จำเลยชักปืนออกมาเป็นเพียงเตรียมการเอาปืนออกมาเท่านั้นยังไม่ถึงขั้นลงมือ. การที่จำเลยเพียงแต่ควักปืนยังไม่พ้นจากเอว. จำเลยอาจทำท่าขู่ก็ได้. พฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่า. การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นพยายามกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทและการป้องกันตัว: การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ตายกับพวกมีเหล็กขูดชาร์ฟทำร้ายพวกจำเลยและวิ่งตามมาจะทำร้ายอีก จำเลยทราบเรื่องก็โกรธ จึงถือมีดปังตอออกมาหาผู้ตายกับพวก ผู้ตายกับพวกได้วิ่งหนไป จำเลยวิ่งไล่ทันแล้วเกิดต่อสู้กับผู้ตาย เหตุที่จำเลยวิ่งไล่เพราะผู้ตายกับพวกมาทำร้ายพวกจำเลย อันเป็นการสมัครใจวิวาทกัน จึงไม่เป็นการป้องกันตัวตายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายจากความมึนเมาและมีเหตุให้โกรธเคือง ศาลลดโทษได้ตามเหตุผล
จำเลยรับสารภาพต่อศาลก่อนลงมือสืบพยานโจทก์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษได้. ขณะจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นเวลาใกล้ค่ำมืด. พยานโจทก์บางคนได้ไปจากที่เกิดเหตุไกลสัก5วาได้ยินเสียงโครมคราม จึงหวนกลับวิ่งเข้ามาดู. และไม่มีผู้ใดจับจำเลยและมีดของกลางได้ในคืนนั้น. จึงยากที่จะว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์. ที่ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น จึงเป็นการชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลลดโทษจำเลยจากคำรับสารภาพแต่ยังคงลงโทษจำคุก
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต ส่วนมีดของกลางไม่ริบโจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษตามศาลชั้นต้นแต่พิพากษาแก้ให้ริบมีดของกลางด้วยดังนี้ ไม่ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 คดียังไม่ถึงที่สุดฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ไม่ถือเป็นการป้องกันสิทธิโดยชอบธรรม
จำเลยที่ 1 และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่ถือว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยที่ 1 ร้องให้ช่วย จำเลยที่ 2 จึงเอาเหล็กงัดยางกว้าง 2 นิ้ว หนา1 กระเบียด ยาวศอกเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะและดั้งจมูกโดยแรง จนผู้ตายล้มฟุบแล้ว จำเลยที่ 1 ก็เอามีดซึ่งหลุดจากมือผู้ตายมาแทงผู้ตายและผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและจำเลยที่ 2 ก็เป็นตัวการในการกระทำความผิดนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมายเพราะจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน