คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 467 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ระยะเวลาชักชวนและเตรียมการมีผลต่อการพิจารณา
จำเลยทะเลาะและโกรธผู้เสียหาย จึงไปชักชวนพรรคพวกอีก 2 คนมาฆ่าผู้เสียหายและผู้ตายโดยใช้เวลาชวนพรรคพวกเพียง 2 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลากระชั้นชิดและกะทันหัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกคบคิดตระเตรียมการฆ่ามาก่อนจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ระยะเวลาชักชวนและเตรียมการเป็นปัจจัยสำคัญ
จำเลยทะเลาะและโกรธผู้เสียหาย จึงไปชักชวนพรรคพวกอีก 2 คนมาฆ่าผู้เสียหายและผู้ตายโดยใช้เวลาชวนพรรคพวกเพียง 2 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลากระชั้นชิดและกะทันหัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกคบคิดตระเตรียมการฆ่ามาก่อนจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5733/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์ที่ศาลไม่เห็นว่าเป็นการวางแผน
จำเลยเคยโกรธเคืองผู้ตายที่ไม่ยอมให้จำเลยเหมารอบรำวงถึง กับชักอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าก่อนเกิดเหตุประมาณ 27-28 วัน ในวันเกิดเหตุผู้ตายไปนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารซึ่งมีจำเลยกับพวกนั่งอยู่ก่อน ต่อมาจำเลยได้เดินมาทางด้านหลังของผู้ตายและพูดว่าเฮ้ยนักเลงหรือไง พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ผู้ตายพบจำเลยโดยบังเอิญจำเลยอาจมีความเจ็บแค้นผู้ตายมาก่อนที่ขัดขวางไม่ยอมให้จำเลยเหมารอบรำวงซึ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้วนานเกือบเดือน ความโกรธแค้นน่าจะลดหายไปไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความอาฆาตคอยติดตามเพื่อจะทำร้ายผู้ตายอีก ที่จำเลยพบผู้ตายในคืนเกิดเหตุ ความแค้นที่เคยมีต่อผู้ตายอาจเกิดขึ้นกะทันหันก็ได้พฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีแผนการอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ล่วงหน้าหรือไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อที่จะฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5733/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา แต่ไม่มีการไตร่ตรองไว้ก่อน ลดโทษจากเจตนาเป็นไม่เจตนา
จำเลยเคยโกรธเคืองผู้ตายที่ไม่ยอมให้จำเลยเหมารอบรำวงถึง กับชักอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าก่อนเกิดเหตุประมาณ 27-28 วัน ในวันเกิดเหตุผู้ตายไปนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารซึ่งมีจำเลยกับพวกนั่งอยู่ก่อน ต่อมาจำเลยได้เดินมาทางด้านหลังของผู้ตายและพูดว่าเฮ้ยนักเลงหรือไง พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ผู้ตายพบจำเลยโดยบังเอิญจำเลยอาจมีความเจ็บแค้นผู้ตายมาก่อนที่ขัดขวางไม่ยอมให้จำเลยเหมารอบรำวงซึ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้วนานเกือบเดือน ความโกรธแค้นน่าจะลดหายไปไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความอาฆาตคอยติดตามเพื่อจะทำร้ายผู้ตายอีก ที่จำเลยพบผู้ตายในคืนเกิดเหตุ ความแค้นที่เคยมีต่อผู้ตายอาจเกิดขึ้นกะทันหันก็ได้ พฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีแผนการอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ล่วงหน้า หรือไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อที่จะฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4408/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา แต่ศาลลดโทษเนื่องจากบันดาลโทสะจากพฤติกรรมข่มเหงและไม่เคารพอำนาจปกครอง
ส.อายุ 19 ปี ยังอยู่ในความปกครองของจำเลยและอยู่ร่วมบ้านเดียวกับจำเลยผู้เป็นบิดา ผู้ตายมีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้วมารักใคร่ชอบพอถึงขั้นได้เสียกับ ส.จนส.ตั้งครรภ์ต้องไปทำแท้ง ต่อมามีเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างโจทก์กับ ส.จนจำเลยห้ามผู้ตายไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับส.อีกแต่ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับลักลอบมาหลับนอนกับส.ขณะที่จำเลยไม่อยู่บ้าน เป็นการกระทำที่หยามเหยียดปราศจากความยำเกรงจำเลยผู้เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครอง การที่ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้ขึ้นไปหลับนอนกับ ส.บนบ้านจำเลย ย่อมเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ที่จำเลยยิงผู้ตายไปในขณะนั้นย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดเพราะบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4308-4309/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันวางแผนและลงมือฆ่าเหยื่อและภริยา รวมถึงวางเพลิงทำลายทรัพย์สิน
จำเลยกับพวกโกรธผู้ตาย จึงเตรียมอาวุธไปที่บ้านผู้ตายเมื่อพบภริยาผู้ตายก็ยิงภริยาผู้ตายตาย แล้วตามผู้ตายไปจนพบกำลังรุนกุ้งในทะเลมิได้พูดจาไต่ถามอะไรก็ใช้อาวุธปืนยิงทันทีจนผู้ตายถึงแก่ความตายและยังจุดไฟเผาเรือเสียด้วยการที่จำเลยกับพวกฆ่าผู้ตายถือเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ที่จำเลยกับพวกฆ่าภริยาผู้ตายด้วยอาจเป็นเพราะไม่พบผู้ตายจึงฆ่าเสียก่อน เป็นการฆ่าในทันทีทันใด ไม่ถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มิได้ร่วมยิงผู้ตาย แต่การเตรียมอาวุธไปด้วยและร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อน เมื่อจำเลยที่ 4 ยิงภริยาผู้ตายแล้วจำเลยที่ 2 ก็ยังขับเรือตามหาผู้ตายต่อไปอีกจำเลยที่ 1 และที่ 3 ก็มิได้ทักท้วงห้ามปราม ถือว่าจำเลยทั้งสามร่วมกับจำเลยที่ 4 ฆ่าผู้ตายและภริยาผู้ตาย
จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 กระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 20 ปี มาตรา 289(4),83 กระทงหนึ่งให้ประหารชีวิตและมาตรา 217,83 อีกกระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 4 ปีเมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่แล้วจึงไม่นำโทษจำคุกมารวมคงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่สถานเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่าโดยเจตนา และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษจากคำให้การที่เป็นประโยชน์
จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2 คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการฆ่า, เจตนา, การกระทำโดยไม่ได้ไตร่ตรอง, ลดโทษจากประโยชน์ในการพิจารณา
จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฆ่าข่มขืน ลักทรัพย์ และรับราชการทหารแทนผู้อื่น โดยพิจารณาความผิดหลายกระทงและเจตนาในการกระทำ
การที่พนักงานสอบสวนมิได้แจ้งฝ่ายทหารให้มาฟังการสอบสวนผู้ต้องหาซึ่งเป็นทหารตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติว่าเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ พวกของจำเลยมีและใช้อาวุธมีดปลายแหลมในการกระทำผิดแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธ ดังนั้น การที่พวกของจำเลยมีและใช้อาวุธมีดปลายแหลมดังกล่าว จะถือว่าจำเลยร่วมกับพวกพกพาอาวุธมีดปลายแหลมนั้นไปในทางสาธารณะ ในหมู่บ้านด้วย หาได้ไม่ จำเลยทำร้ายและฆ่าผู้ตายโดยเจตนาให้พวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย ดังนี้ การที่จำเลยกับพวกปลดเอาทรัพย์ของผู้ตายก่อนหลบหนีเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ฐานปล้นทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานข่มขืนฆ่าและลักทรัพย์ ความรับผิดทางอาญาและอัตราโทษ
การที่พนักงานสอบสวนมิได้แจ้งฝ่ายทหารให้มาฟังการสอบสวนผู้ต้องหาซึ่งเป็นทหารตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติว่าเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ
พวกของจำเลยมีและใช้อาวุธมีดปลายแหลมในการกระทำผิดแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธ ดังนั้น การที่พวกของจำเลยมีและใช้อาวุธมีดปลายแหลมดังกล่าว จะถือว่าจำเลยร่วมกับพวกพกพาอาวุธมีดปลายแหลมนั้นไปในทางสาธารณะ ในหมู่บ้านด้วย หาได้ไม่
จำเลยทำร้ายและฆ่าผู้ตายโดยเจตนาให้พวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย ดังนี้ การที่จำเลยกับพวกปลดเอาทรัพย์ของผู้ตายก่อนหลบหนี เห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ฐานปล้นทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 47