คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำหน่าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7092/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกกระทงความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติด, ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี แม้จะนำโทษจำคุก 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ เป็นจำคุก 10 ปี 3 เดือน ก็เป็นกรณีที่คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปีเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่า พยานบุคคลของโจทก์ที่นำสืบขัดแย้งกับพยานวัตถุและ พยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ราคา 120บาท ให้แก่สายลับไปโดยสายลับยังไม่ได้ชำระราคาเมทแอมเฟตามีนแก่จำเลยเจ้าพนักงานตำรวจก็จับกุมจำเลยเป็นฎีกาที่จำเลยโต้แย้งคัดค้านการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ในข้อที่ว่าจำเลยได้รับชำระราคาค่าเมทแอมเฟตามีนแล้วหรือยัง เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ขอให้ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสี่ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกเช่นกัน การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนลักษณะของการกระทำต่างกัน เป็นการกระทำต่างขั้นตอนกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้ ทั้งนี้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4ไม่ได้ นิยามความหมายของคำว่า จำหน่าย ให้มีความหมายรวมถึงการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย ดังเช่นที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518 มาตรา 4 ซึ่งแสดงว่า พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มุ่งประสงค์จะลงโทษการมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษทั้งสองกรณี
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยก็มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่งแล้ว เมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด จำเลยก็มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7092/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง – การแยกกระทงความผิดฐานครอบครองเพื่อจำหน่ายกับจำหน่ายยาเสพติด
คดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ต้องแยกพิจารณาโทษแต่ละกระทงเป็นเกณฑ์ คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปีรวมจำคุก 10 ปี แม้จะนำโทษจำคุก 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ เป็นจำคุก 10 ปี 3 เดือนก็เป็นกรณีที่คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
จำเลยฎีกาว่า พยานบุคคลของโจทก์ที่นำสืบขัดแย้งกับพยานวัตถุและพยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ราคา 120 บาทให้แก่สายลับไปโดยสายลับยังไม่ได้ชำระราคาเมทแอมเฟตามีนแก่จำเลย เจ้าพนักงานตำรวจก็จับกุมจำเลย เป็นฎีกาที่จำเลยโต้แย้งคัดค้านการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ในข้อที่ว่าจำเลยได้รับชำระราคาค่าเมทแอมเฟตามีนแล้วหรือยัง เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ขอให้ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสี่ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกเช่นกัน
การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ลักษณะของการกระทำต่างกัน เป็นการกระทำต่างขั้นตอนกันสามารถแยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้ ทั้งนี้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ไม่ได้นิยามความหมายของคำว่า จำหน่าย ให้มีความหมายรวมถึงการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วยดังเช่นที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ซึ่งแสดงว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มุ่งประสงค์จะลงโทษการมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษทั้งสองกรณี
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยก็มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่งแล้ว เมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด จำเลยก็มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6801/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์การจำหน่ายและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การที่โจทก์มิได้นำสายลับที่อ้างว่าได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 2 เม็ดจากจำเลยมาเป็นพยานยืนยันการกระทำผิดของจำเลยแต่กลับนำเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์การขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับมาเบิกความนั้น ไม่สามารถรับฟังได้ว่า สายลับจะได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากจำเลยหรือไม่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาทั้งในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาและ เมทแอมเฟตามีนของกลางที่สายลับมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะเป็นเมทแอมเฟตามีนที่สายลับล่อซื้อมาจากจำเลย ลำพังแต่ธนบัตรที่อ้างว่ามอบให้สายลับนำไปล่อซื้อและค้นได้จากตัวจำเลย แม้จะเป็นเช่นนั้นจริงก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับของเจ้าพนักงานตำรวจพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนได้ เจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการตรวจค้นและจับกุมจำเลยต่างเบิกความแตกต่างกันบางคนว่าพบเมทแอมเฟตามีนอยู่ใต้เขียงบนพื้นบ้าน บางคนว่าพบซ่อนอยู่บริเวณไม้หน้าบ้าน บางคนว่าพบอยู่บริเวณกองไม้ภายในบ้าน ซึ่งไม่สอดคล้องกับบันทึกการตรวจค้นจับกุมจำเลย และภาพถ่ายที่เกิดเหตุที่ระบุว่า ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่บริเวณใต้แผ่นกระดานซึ่งวางอยู่ข้างที่นอนภายในบ้าน พยานหลักฐานโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้ซ่อนยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 1 ซุกซ่อนเฮโรอีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายไว้ในรถยนต์ รถยนต์ดังกล่าวจึงเป็นยานพาหนะ ที่จำเลยที่ 1 ได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติดให้โทษ ต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 102

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยครอบครองยาเสพติดจำนวนมาก เตรียมแบ่งขาย ศาลยืนโทษจำคุก
พยานโจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ปฏิบัติราชการไปตามหน้าที่ และไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 3 กับพวกมาก่อนไม่มีเหตุให้ต้องระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลย นอกจากนี้ตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกศ.และสิบตำรวจตรีพ.ยังตรงกันว่า เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุปรากฏว่าประตูหน้าต่างบ้านนั้นปิดทั้งหมด ซึ่งหากในวันนั้นมีการ เปียแชร์ดังที่จำเลยที่ 3 ต่อสู้ ก็ไม่น่าจะต้องมีการปิด ประตูหน้าต่างกันแต่อย่างใด ทั้งเมื่อร้อยตำรวจเอกศ. เรียกให้เปิดประตูหน้าบ้าน จำเลยที่ 3 ก็วิ่งหนีออกไป ทางหลังบ้าน โดยในมือกำ ถุงพลาสติกบรรจุเมทแอมเฟตามีน 5 เม็ด และพวกของจำเลยที่ 3 อีก 2 คน ต่างก็มีเมทแอมเฟตามีนบรรจุ อยู่ในถุงพลาสติกคนละ 1 ใบ โดยเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 3 กับพวกครอบครองไว้นั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 300 เม็ด ที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดง และหลอด พลาสติกสีเหลืองที่วางอยู่บริเวณพื้นกลางบ้านที่เกิดเหตุ น่าเชื่อว่าเมทแอมเฟตามีนที่จับได้ที่จำเลยที่ 3 กับพวกนั้น เป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 3 กับพวกแต่ละคนแบ่งแยก ไปจากเมทแอมเฟตามีนที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดงและใน หลอดพลาสติกสีเหลือง การที่จำเลยที่ 3 กับพวกแบ่งแยกใส่ ถุงพลาสติกถุงละ 5 เม็ด หรือ 10 เม็ด ก็เพื่อความสะดวก ในการจำหน่าย จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันมี เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4343/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อส่งมอบคืนเจ้าของ ไม่ถือเป็นความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่าย
จำเลย(พวกของสายลับ) ไปซื้อเฮโรอีนของกลางจากผู้ขายแทน สายลับตามที่สายลับร้องขอ โดยจำเลยไม่ได้รับผลประโยชน์จากการนี้ เฮโรอีนของกลางจึงเป็นของสายลับผู้ซื้อที่แท้จริงตั้งแต่แรก มิใช่เป็นของจำเลย การที่จำเลยนำเฮโรอีนของกลางไปเพื่อมอบให้ สายลับจึงเป็นการส่งมอบคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริงมิใช่จำเลยให้เฮโรอีนแก่สายลับ จึงมิใช่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย การที่จำเลยครอบครองเฮโรอีนของกลางไว้แทนผู้อื่นนั้นแม้การครอบครองแทนก็คือการครอบครองลักษณะหนึ่งซึ่งอาจมีผล ต่อทางกฎหมายส่วนแพ่งก็ตามแต่ในส่วนกฎหมายอาญาหาได้มีบทบัญญัติ ก่อให้เกิดผลต่างเป็นข้อจำกัดความรับผิดหรือเป็นข้อยกเว้นโทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 และ 67 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4288/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อเสพ vs. จำหน่าย: ศาลฎีกาแก้เป็นครอบครองเพื่อเสพ ลดโทษ
++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
++ จำเลยฎีกา
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 8 หน้า 179 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4288/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลแก้เป็นครอบครองเพื่อเสพ
จำเลยครอบครองยาเสพติดให้โทษของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติก จำนวน32 หลอด ซึ่งลักษณะของการบรรจุเป็นการสะดวกแก่การจำหน่าย จะสันนิษฐานในทางที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยว่า จำเลยเป็นผู้แบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางบรรจุในหลอดพลาสติกเพื่อเตรียมจำหน่ายให้แก่ผู้อื่นโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยการแบ่งบรรจุในหลอดพลาสติกผนึกหัวท้าย แล้วมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 ความผิดตามฟ้องย่อมรวมถึงการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 67อยู่ด้วย ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4257/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินที่ได้จากการจำหน่ายยาเสพติด ต้องมีพยานหลักฐานยืนยันแหล่งที่มาของเงิน หากจำเลยปฏิเสธการจำหน่าย ศาลต้องฟังพยานหลักฐานอื่นประกอบ
จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง เพื่อเสพ แต่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ตามที่โจทก์ฟ้อง มีผลเท่ากับจำเลยให้การปฏิเสธรวมไปถึง เงินจำนวน 800 บาท ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้มาจากการจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนจำนวนอื่นด้วยนั่นเอง รูปคดีทำให้โจทก์ มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมานำสืบให้ได้ความชัดว่าเงินจำนวน 800 บาท นั้นจำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวนอื่นจริงดังที่โจทก์อ้าง แต่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใด นอกจากอ้างถึงคำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนเท่านั้น ซึ่งข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวจำเลยได้ให้การปฏิเสธ และเบิกความปฏิเสธในชั้นพิจารณาสืบพยานจำเลยทั้งสิ้น โดยที่โจทก์ไม่สามารถถามค้านเพื่อให้เห็นเป็นอย่างอื่นได้ เพียงเท่านี้คดีโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าเงินจำนวน 800 บาท เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวนอื่นดังที่โจทก์อ้าง จึงริบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4250/2542 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์: ผู้ขายมีความผิดแม้ไม่ได้เป็นผู้ทำซ้ำ
จำเลยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าแผ่นซีดี-รอมที่จำเลยร่วมกับพวกขายและเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป เป็นงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น และการที่สินค้าเหล่านี้ไม่มีฉลากจำเลยก็ทราบว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะทางราชการได้ประกาศให้ประชาชนทราบในราชกิจจานุเบกษาแล้ว การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (1) (2) มีโทษตามมาตรา 70 วรรคสอง ไม่ผิดตามมาตรา 28, 30 และ 69 เนื่องจากจำเลยไม่ได้กระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดยตรง หากแต่กระทำแก่งานที่บุคคลอื่นได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นอยู่แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์งานประเภทวรรณกรรมโดยนำแผ่นซีดี-รอมที่บันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งได้มีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยนำออกขาย เสนอขายแก่บุคคลทั่วไป อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงกำไรในทางการค้า โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นซีดี-รอมดังกล่าวเป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย กรณีจึงต้องตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) (2) และ 70 วรรคสองแม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 28, 30 และ 69 ก็ตาม ก็เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคห้า และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 45 และจำเลยยังมีความผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522มาตรา 30 (2) และ 52 วรรคหนึ่ง อีกกรรมหนึ่งด้วย
ความผิดตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537ไม่ได้จำกัดว่าผู้กระทำความผิดจะต้องเป็นเจ้าของร้านหรือผู้จัดการร้านเท่านั้น ลูกจ้างหรือใครก็ตามหากรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าสินค้าใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นแล้วยังนำออกขายหรือเสนอขายให้แก่ประชาชนเพื่อหากำไร กฎหมายให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ต้องรับโทษตามกฎหมาย
of 64