พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการฆ่าโดยเจตนา: ศาลฎีกาชี้ว่าการกระทำที่ช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกให้เกิดการฆ่าโดยรู้เห็นเป็นใจ ถือเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
การวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแห่งคดี ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงในสำนวนว่าควรฟังได้เพียงไรหรือไม่ มิใช่ว่าพยานเบิกความอย่างไรแล้ว ศาลจะต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของพยานเสมอไปและไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของพยานเป็นข้อประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่นั้นสุดแล้วแต่เหตุผลของแต่ละเรื่องไป
จำเลยที่ 2 ทราบเรื่องจำเลยที่ 1 จะฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 2มาก่อนจึงใช้ให้ ว. เข้าไปตลบมุ้งของผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 1 เข้าไปตีผู้ตายโดยจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะห้ามได้แต่ไม่ห้าม กลับไปยืนฟังอยู่ข้างห้องนอน ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการกระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 แต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการฆ่า จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยที่ 2 ทราบเรื่องจำเลยที่ 1 จะฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 2มาก่อนจึงใช้ให้ ว. เข้าไปตลบมุ้งของผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 1 เข้าไปตีผู้ตายโดยจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะห้ามได้แต่ไม่ห้าม กลับไปยืนฟังอยู่ข้างห้องนอน ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการกระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 แต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการฆ่า จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2359/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: การช่วยเหลือพาเอาทรัพย์ที่ถูกลักไป ไม่ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร หากไม่มีเจตนาครอบครองร่วม
จำเลยที่ 1 รับกระบือไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาแล้วนำไปขายและรับชำระราคา ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งช่วยจูงกระบือร่วมเดินทางไปกับจำเลยที่ 1 ตามคำขอร้อง ถือไม่ได้ว่าร่วมครอบครองช่วยพาเอาไปเสีย ช่วยจำหน่ายกระบือ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3682/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือคนต่างด้าว: การอยู่กินฉันสามีภริยา ไม่ถือว่าเป็นการซ่อนเร้นเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม
กรณีจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 จะต้องได้ความว่า ผู้ที่จำเลยให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต และจำเลยก็ทราบแล้ว ทั้งต้องเป็นการให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
เมื่อปรากฏว่าจำเลยกับ ท. ซึ่งโจทก์ว่าเป็นคนต่างด้าวได้แต่งงานกันตามประเพณี และได้อยู่กินด้วยกันโดยเปิดเผย ประกอบอาชีพทำสวนทำไร่และค้าขายจนมีบุตรด้วยกัน 3 คน จำเลยนำชื่อบุตรไปลงไว้ในทะเบียนบ้านว่าเป็นบุตรที่เกิดจาก ท.และให้ใช้นามสกุลของท.บ้านที่ท.ถูกจับก็เป็นบ้านที่จำเลยกับ ท. ร่วมกันสร้างระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ในวันที่ตำรวจไปค้นบ้านจำเลยก็พบ ท. นอนเล่นอยู่หลังบ้านมิได้ซ่อนเร้นแต่อย่างใดจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้ ท. เข้าพักอาศัยหรือซ่อนเร้นเพื่อให้ ท. พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด
เมื่อปรากฏว่าจำเลยกับ ท. ซึ่งโจทก์ว่าเป็นคนต่างด้าวได้แต่งงานกันตามประเพณี และได้อยู่กินด้วยกันโดยเปิดเผย ประกอบอาชีพทำสวนทำไร่และค้าขายจนมีบุตรด้วยกัน 3 คน จำเลยนำชื่อบุตรไปลงไว้ในทะเบียนบ้านว่าเป็นบุตรที่เกิดจาก ท.และให้ใช้นามสกุลของท.บ้านที่ท.ถูกจับก็เป็นบ้านที่จำเลยกับ ท. ร่วมกันสร้างระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ในวันที่ตำรวจไปค้นบ้านจำเลยก็พบ ท. นอนเล่นอยู่หลังบ้านมิได้ซ่อนเร้นแต่อย่างใดจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้ ท. เข้าพักอาศัยหรือซ่อนเร้นเพื่อให้ ท. พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือเพื่อป้องกันเหตุร้ายจากการขับรถประมาท ไม่ถือเป็นการกระทำโดยประมาท
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าแย่งพวงมาลัยจากนางสาว ป.ซึ่งกำลังขับรถอยู่และเร่งความเร็ว เป็นเหตุให้รถแล่นเข้าชนมุมตึกแถว แล้วจำเลยหักหลบไปยังฝั่งตรงข้าม แล่นเข้าชนคนและทรัพย์สินของผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจะได้ความว่านางสาว ป. ผู้ขับรถเป็นผู้เร่งความเร็ว จำเลยเพียงแต่ช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
จำเลยยินยอมให้ ป. ซึ่งมิได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์แทนจำเลยโดยจำเลยนั่งอยู่ด้วย ถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง รถยนต์แล่นเฉี่ยวมุมตึกที่มุมถนนอย่างแรง เพราะ ป. ขับรถจะเลี้ยวแต่กะระยะไม่ถูกจำเลยจึงช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป เป็นเหตุให้รถพุ่งออกไปยังฝั่งตรงข้ามและชนผู้อื่นถึงแก่ความตายดังนี้ การที่จำเลยช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็เนื่องจาก ป. ขับรถเฉี่ยวตึกมุมถนนเพราะไม่สามารถควบคุมได้ บุคคลที่ขับรถยนต์ได้และอยู่ในภาวะเช่นจำเลยย่อมจะต้องเข้าช่วยเหลือ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจึงถือไม่ได้ว่าเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย
จำเลยยินยอมให้ ป. ซึ่งมิได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์แทนจำเลยโดยจำเลยนั่งอยู่ด้วย ถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง รถยนต์แล่นเฉี่ยวมุมตึกที่มุมถนนอย่างแรง เพราะ ป. ขับรถจะเลี้ยวแต่กะระยะไม่ถูกจำเลยจึงช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป เป็นเหตุให้รถพุ่งออกไปยังฝั่งตรงข้ามและชนผู้อื่นถึงแก่ความตายดังนี้ การที่จำเลยช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็เนื่องจาก ป. ขับรถเฉี่ยวตึกมุมถนนเพราะไม่สามารถควบคุมได้ บุคคลที่ขับรถยนต์ได้และอยู่ในภาวะเช่นจำเลยย่อมจะต้องเข้าช่วยเหลือ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจึงถือไม่ได้ว่าเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนี แม้ละเลยไม่จับกุม แต่ไม่ถึงขั้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับพวกช่วยพาคนต่างด้าวสัญชาติลาวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร โดยผ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 ไปเสียจากที่ควบคุมเพื่อมิให้ต้องถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศลาวตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยจำเลยกับพวกนำรถยนต์มารับคนลาวดังกล่าวไป จำเลยเห็นแต่ละเลยไม่จับกุมดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 58 แต่ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนกลางเรียกค่าไถ่ ลดโทษผู้ช่วยเหลือปล่อยตัวผู้ถูกกักขัง
คนร้ายปล้นรถโดยสารของ ล. ไป และจับ ล. ไปกักขังไว้ เพื่อเรียกค่าไถ่ จำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาให้ภรรยาของ ล. เรียกค่าไถ่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ร่วมกระทำการกับคนร้ายในการจับตัว ล. ไปหรือร่วมในการกักขัง ล. ทั้งไม่ได้สนับสนุนการกระทำดังกล่าวปรากฏเพียงว่าจำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาแสดงต่อภรรยา ล. ดังกล่าวแล้วและเจรจาต่อรองค่าไถ่ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 3 ได้พูดกับภรรยา ล. หลังจากที่ ล. ถูกจับตัวไปว่าไม่ต้องร้อนใจหาเงินมาไถ่ก็แล้วกันและเมื่อภรรยา ล. จ่ายเงินให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ไปกับจำเลยที่ 3 ไปรับ ล. มา เช่นนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีความผิดฐานกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินที่มิควรได้ จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ แต่การเรียกค่าไถ่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำตามที่โจทก์กล่าวหาจำเลยมาในฟ้องแล้วนั่นเอง ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดหรือบทมาตราที่ถูกต้องที่ได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ได้
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315แต่ได้จัดให้ผู้ถูกคนร้ายเอาตัวไปได้รับเสรีภาพ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตจึงชอบที่จะได้รับการลดโทษให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315แต่ได้จัดให้ผู้ถูกคนร้ายเอาตัวไปได้รับเสรีภาพ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตจึงชอบที่จะได้รับการลดโทษให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าเนื่องจากละทิ้งร้าง ต้องพิจารณาพฤติการณ์ของทั้งสองฝ่าย ศาลยกฟ้องหากโจทก์ไม่ช่วยเหลือดูแลบุตร
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยคลอดบุตรแล้วโจทก์ไม่อยู่ช่วยเหลือดูแลบุตร จำเลยจึงต้องพาบุตรไปอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยชั่วคราว แต่โจทก์กลับไม่ยอมให้จำเลยอยู่ด้วยโดยไปแจ้งย้ายทะเบียนบ้าน ให้จำเลยและบุตรออกไปจากบ้านโจทก์ เมื่อจำเลยมาพบพูดจากับโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสามี โจทก์ก็ไม่ยอมพูดด้วย จำเลยต้องอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยต่อมา ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2663/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สนับสนุนการปล้นทรัพย์: การช่วยเหลือและใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด
จำเลยที่ 1 ขับรถแล่นขึ้นล่องไปมาในท้องที่เกิดเหตุก่อนเกิดเหตุและขับรถตามหลังแล้วแซงขึ้นหน้ารถโดยสารคันที่ถูกปล้น เพื่อคอยช่วยเหลือจำเลยอื่นขณะทำการปล้นอยู่ในรถ ทั้งเพื่อคอยรับพาหลบหนีหลังจากการปล้นทรัพย์เสร็จสิ้นแล้ว จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด มิใช่เป็นตัวการร่วมปล้นทรัพย์ด้วยโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ เพราะมิได้มาในรถโดยสารและร่วมปล้นด้วย
เมื่อจำเลยอื่นร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนในการปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธด้วย
จำเลยที่ 1 ได้ใช้รถคอยช่วยเหลือพวกที่กำลังปล้นรถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 กับพวกใช้ในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ศาลมีอำนาจสั่งริบ
เมื่อจำเลยอื่นร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนในการปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธด้วย
จำเลยที่ 1 ได้ใช้รถคอยช่วยเหลือพวกที่กำลังปล้นรถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 กับพวกใช้ในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ศาลมีอำนาจสั่งริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2449/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือผู้กระทำผิดหลบหนี: เจตนาไม่ใช่เพื่อหลบหนี ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 บัญญัติถึงการกระทำ เพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษโดยมิให้ถูกจับกุม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยถีบรถจักรยานให้ บ.ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดนั่งซ้อนท้ายพาออกจากที่เกิดเหตุไปในขณะที่ยังไม่มีผู้มีอำนาจจับกุมคนใดจะจับกุม บ. และยังได้ความอีกว่า จำเลยถีบรถจักรยาน พา บ.นั่งซ้อนท้ายไปบ้าน จึงส่อให้เห็นเจตนาว่าไม่ใช่เพื่อหลบหนีหรือเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมอีกด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2449/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือผู้กระทำผิดหลบหนี – เจตนาไม่ใช่เพื่อหลบหนี ไม่เป็นความผิด ม.189
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 บัญญัติถึงการกระทำเพื่อช่วยเหลือมิได้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษโดยมิให้ถูกจับกุมเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยถีบรถจักรยานให้ บ. ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดนั่งซ้อนท้ายพาออกจากที่เกิดเหตุไปในขณะที่ยังไม่มีผู้มีอำนาจจับกุมคนใดจะจับกุม บ. และยังได้ความอีกว่า จำเลยถีบรถจักรยานพา บ. นั่งซ้อนท้ายไปบ้าน จึงส่อให้เห็นเจตนาว่าไม่ใช่เพื่อหลบหนีหรือเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมอีกด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทมาตราดังกล่าว