พบผลลัพธ์ทั้งหมด 247 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย และดุลพินิจศาลในการส่งตัวจำเลยไปสืบพยานนอกสถานที่
ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น จำเลยแถลงว่าจะหาทนายความเอง และในระหว่างการพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ศาลจึงไม่จำต้องตั้งทนายความให้จำเลย
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็นศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็นศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2420/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการอนุญาตให้ถอนฟ้อง พิจารณาความสุจริตและผลกระทบต่อคู่ความ
แม้จำเลยจะไม่ยอมให้โจทก์ถอนฟ้อง แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่นๆ โดยทั่วไปประกอบ เช่น ความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์ และผลได้ผลเสียของคู่ความเป็นต้น
จำเลยอ้างว่าใบมอบอำนาจตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ หากพิจารณาคดีไปแล้ว ศาลต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ ก็มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลยกฟ้องเพราะได้วินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท โจทก์ย่อมนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ทั้งคำฟ้องก็ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอเพิ่มเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้องจากเดิม 1 แผ่น เป็น 24 แผ่น ภายหลังที่มีการชี้สองสถานแล้วนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะอ้างอิงเอกสารเหล่านี้ในชั้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดประกอบเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้อง หากโจทก์จะถอนฟ้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อไปโดยไม่ถอนฟ้อง ก็หาทำให้จำเลยได้เปรียบหรือเสียเปรียบแตกต่างจากกันไม่ จึงควรอนุญาตให้ถอนฟ้องได้
จำเลยอ้างว่าใบมอบอำนาจตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ หากพิจารณาคดีไปแล้ว ศาลต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ ก็มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลยกฟ้องเพราะได้วินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท โจทก์ย่อมนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ทั้งคำฟ้องก็ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอเพิ่มเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้องจากเดิม 1 แผ่น เป็น 24 แผ่น ภายหลังที่มีการชี้สองสถานแล้วนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะอ้างอิงเอกสารเหล่านี้ในชั้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดประกอบเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้อง หากโจทก์จะถอนฟ้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อไปโดยไม่ถอนฟ้อง ก็หาทำให้จำเลยได้เปรียบหรือเสียเปรียบแตกต่างจากกันไม่ จึงควรอนุญาตให้ถอนฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2420/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอนุญาตถอนฟ้อง: พิจารณาความสุจริตและผลกระทบต่อคู่ความ
แม้จำเลยจะไม่ยอมให้โจทก์ถอนฟ้อง แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่น ๆ โดยทั่วไปประกอบเช่น ความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์. และผลได้ผลเสียของคู่ความเป็นต้น
จำเลยอ้างว่าใบมอบอำนาจตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์หากพิจารณาคดีไปแล้ว ศาลต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ก็มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลยกฟ้องเพราะได้วินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท โจทก์ย่อมนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ทั้งคำฟ้องก็ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอเพิ่มเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้องจากเดิม 1 แผ่นเป็น 24 แผ่น ภายหลังที่มีการชี้สองสถานแล้วนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะอ้างอิงเอกสารเหล่านี้ในชั้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดประกอบเอกสารหมายเลข 4ท้ายฟ้อง หากโจทก์จะถอนฟ้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อไปโดยไม่ถอนฟ้อง ก็หาทำให้จำเลยได้เปรียบหรือเสียเปรียบแตกต่างจากกันไม่ จึงควรอนุญาตให้ถอนฟ้องได้
จำเลยอ้างว่าใบมอบอำนาจตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์หากพิจารณาคดีไปแล้ว ศาลต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ก็มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลยกฟ้องเพราะได้วินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท โจทก์ย่อมนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ทั้งคำฟ้องก็ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ขอเพิ่มเอกสารหมายเลข 4 ท้ายฟ้องจากเดิม 1 แผ่นเป็น 24 แผ่น ภายหลังที่มีการชี้สองสถานแล้วนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะอ้างอิงเอกสารเหล่านี้ในชั้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดประกอบเอกสารหมายเลข 4ท้ายฟ้อง หากโจทก์จะถอนฟ้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อไปโดยไม่ถอนฟ้อง ก็หาทำให้จำเลยได้เปรียบหรือเสียเปรียบแตกต่างจากกันไม่ จึงควรอนุญาตให้ถอนฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่รับมอบสินค้าเป็นสถานที่ที่มูลคดีซื้อขายเกิดขึ้น การอนุญาตฟ้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล และการโต้แย้งคำสั่งศาลต้องกระทำทันที
สถานที่รับมอบสินค้าที่สั่งซื้อเป็นสถานที่ที่มูลคดีผิดสัญญาซื้อขายเกิดขึ้นด้วย
การที่ศาลใดจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลนั้น ศาลย่อมจะใช้ดุลพินิจสั่งตั้งแต่ชั้นพิจารณาคำร้องของโจทก์ที่ยื่นพร้อมคำฟ้อง เมื่อได้อนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลนั้นแล้ว แม้ต่อมาจะปรากฏว่าการพิจารณาคดีที่ศาลนั้นมิได้เป็นการสะดวก ก็ไม่ทำให้การสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องกลายเป็นการสั่งอนุญาตโดยไม่มีอำนาจ
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยต้องโต้แย้งคัดค้านคำสั่งไว้จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ได้
จำเลยเคยยื่นคำร้องคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง แต่ต่อมาจำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยไม่ติดใจคัดค้านการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ตามคำร้องดังกล่าวต่อไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยมิได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง
การที่ศาลใดจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลนั้น ศาลย่อมจะใช้ดุลพินิจสั่งตั้งแต่ชั้นพิจารณาคำร้องของโจทก์ที่ยื่นพร้อมคำฟ้อง เมื่อได้อนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลนั้นแล้ว แม้ต่อมาจะปรากฏว่าการพิจารณาคดีที่ศาลนั้นมิได้เป็นการสะดวก ก็ไม่ทำให้การสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องกลายเป็นการสั่งอนุญาตโดยไม่มีอำนาจ
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยต้องโต้แย้งคัดค้านคำสั่งไว้จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ได้
จำเลยเคยยื่นคำร้องคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง แต่ต่อมาจำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยไม่ติดใจคัดค้านการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ตามคำร้องดังกล่าวต่อไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยมิได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตสิทธิผู้ร้องสอด และดุลพินิจศาลรวมพิจารณาคดี
ตามคำร้องสอดและคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยร่วมเข้ามาในคดีในฐานะเป็นจำเลยร่วม ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 58 วรรคสอง ห้ามมิให้ผู้ร้องสอดใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่คู่ความฝ่ายซึ่งตนเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมในชั้นพิจารณาเมื่อตนร้องสอดดังนั้นเมื่อคดีเดิมมิได้มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านตามฟ้องโดยสุจริตหรือไม่จำเลยร่วมจึงไม่อาจใช้สิทธิตั้งประเด็นข้อนี้ขึ้นใหม่ในคำร้องสอดเพื่อให้ศาลวินิจฉัยในคดีนี้ได้
การสั่งรวมพิจารณาคดีหลายเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาลถ้าจะต้องเลื่อนการพิจารณาไปทำให้ล่าช้าศาลไม่รวมพิจารณา
การสั่งรวมพิจารณาคดีหลายเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาลถ้าจะต้องเลื่อนการพิจารณาไปทำให้ล่าช้าศาลไม่รวมพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง: พิจารณาเหตุผลโดยรวม มิใช่เฉพาะเหตุคัดค้านของจำเลย
การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลโดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่น ๆ โดยทั่วไปในคดี มิใช่พิจารณาเฉพาะเพียงเหตุผลที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อคัดค้านเท่านั้น และแม้จำเลยจะคัดค้านการถอนฟ้อง ศาลก็ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จำเลยจะคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าเป็นดุลพินิจของศาลที่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำร้องคัดค้านของจำเลยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว
ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จำเลยจะคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าเป็นดุลพินิจของศาลที่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำร้องคัดค้านของจำเลยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในเรื่องดุลพินิจศาลเกี่ยวกับโทษจำคุกที่ไม่เกิน 1 ปี และข้อจำกัดในการฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยฐานมีอาวุธปืนฯ 1 ปี และฐานพกอาวุธปืนฯ 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษ การที่โจทก์ฎีกา ขอมิให้รอการลงโทษจำเลยนั้น เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จะปรับว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงๆ ไป คดีนี้เป็นความผิด 2 กระทง แต่ละกระทงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จะปรับว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงๆ ไป คดีนี้เป็นความผิด 2 กระทง แต่ละกระทงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ในความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้: ศาลพิจารณาจากบทบัญญัติทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญาได้ แม้มีกฎหมายเฉพาะ
++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ++
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ให้ลูกจ้างของตนนำไปบรรทุกถ่านจากผู้ที่ลักลอบเผา โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถ่านที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น แม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวแก่การริบทรัพย์เป็นพิเศษซึ่งไม่อาจใช้บังคับแก่รถยนต์ของกลางคันนี้ได้ แต่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีข้อความใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นอันจะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 531/2510)
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ให้ลูกจ้างของตนนำไปบรรทุกถ่านจากผู้ที่ลักลอบเผา โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถ่านที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น แม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวแก่การริบทรัพย์เป็นพิเศษซึ่งไม่อาจใช้บังคับแก่รถยนต์ของกลางคันนี้ได้ แต่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีข้อความใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นอันจะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 531/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด แม้ผู้กระทำผิดได้รับการยกฟ้อง
บทบัญญัติในเรื่องริบทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 หรือ มาตรา 33 นั้น มุ่งถึงตัวทรัพย์เป็นสำคัญ จะต่างกันก็แต่ว่า ตามมาตรา 32 ศาลจะต้องริบเสียทั้งสิ้น ส่วนมาตรา 33 ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 33วรรคท้ายเท่านั้น ที่จะสั่งริบไม่ได้
ดังนั้น ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีปืนและสายไฟฟ้าติดตัวร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้สายไฟฟ้ารัดคอเจ้าทรัพย์ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าสายไฟฟ้าของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งใช้ในการกระทำผิดแล้วก็ย่อมริบได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล ตามมาตรา 33(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2516)
ดังนั้น ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีปืนและสายไฟฟ้าติดตัวร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้สายไฟฟ้ารัดคอเจ้าทรัพย์ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าสายไฟฟ้าของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งใช้ในการกระทำผิดแล้วก็ย่อมริบได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล ตามมาตรา 33(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอนุญาตเลื่อนคดีเด็กและเยาวชน: เหตุผลสมควรและหน้าที่โจทก์ระบุพยาน
แม้ข้อความในตอนต้นของมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 จะได้บัญญัติไว้ว่า การพิจารณาของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน ให้พยายามทำโดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาโดยเคร่งครัดก็ตาม แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไปได้หรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพึงสั่งตามพฤติการณ์ที่เห็นสมควรเป็นราย ๆ ไป เมื่อพฤติการณ์ที่โจทก์แสดงมาไม่มีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนคดีไป ศาลก็ชอบที่จะสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้