คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ต่อสู้คดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 186 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องและการเสียเปรียบในการต่อสู้คดี การแก้ฟ้องต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
การขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้น ข้อที่ว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้หรือไม่ ย่อมเป็นข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่างไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยไม่เสียเปรียบหรือไม่หลงต่อสู้ไม่ได้, ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องและการเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลไม่อนุญาตแก้ฟ้องหากทำให้จำเลยเสียเปรียบ
การขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้น ข้อที่ว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้หรือไม่ ย่อมเป็นข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยไม่เสียเปรียบหรือไม่หลงต่อสู้ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งเอกสารประกอบการต่อสู้คดี และไม่มาศาล ทำให้ศาลถือว่าไม่มีเอกสารนั้น
จำเลยแถลงต่อศาลว่าจะอ้างเอกสารเป็นพยานต่อศาลใน 10วันครั้นถึงกำหนดขอผัดส่งต่อไปอีก 10 วันศาลอนุญาต ครั้นถึงกำหนดนัด จำเลยไม่ส่งเอกสารต่อศาลและจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดดังนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเอกสารเป็นพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องที่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ: ศาลไม่อนุญาตแก้ฟ้องเมื่อจำเลยต่อสู้คดีโดยอาศัยวันตามฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิด วันที่ 29 เมษายน 2490 เมื่อสืบพะยานโจทก์เสร็จแล้ว ทนายจำเลยแถลงว่าวันที่โจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องนั้น ต่างกับคำเบิกความของพะยานโจทก์ โจทก์จึงรู้สึกว่าฟ้องผิดวัน ได้ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องว่าความจริงจำเลยกระทำผิดวันที่ 27 เมษายน 2490 ดังนี้ เมื่อตามพฤตติการณ์แห่งคดีแสดงชัดอยู่ว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ โดยถือเอาวันที่โจทก์กล่าวหาตามฟ้องเดิมเป็นหลักสำคัญในการต่อสู้คดีจึงเป็นเรื่องที่ทำให้จำเลยเสียเปรียบโดยหลงข้อต่อสู้คดี ศาลจะอนุญาตให้แก้ฟ้องไม่ได้เพราะเป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 164.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องที่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ: ศาลไม่อนุญาตแก้ฟ้องหากกระทบต่อการต่อสู้คดีเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดวันที่ 29 เมษายน 2490 เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ทนายจำเลยแถลงว่าวันที่โจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องนั้น ต่างกับคำเบิกความของพยานโจทก์ โจทก์จึงรู้สึกว่าฟ้องผิดวัน ได้ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องว่าความจริงจำเลยกระทำผิดวันที่ 27 เมษายน 2490 ดังนี้เมื่อตามพฤติการณ์แห่งคดีแสดงชัดอยู่ว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ โดยถือเอาวันที่โจทก์กล่าวหาตามฟ้องเดิมเป็นหลักสำคัญในการต่อสู้คดีจึงเป็นเรื่องที่ทำให้จำเลยเสียเปรียบโดยหลงข้อต่อสู้คดี ศาลจะอนุญาตให้แก้ฟ้องไม่ได้เพราะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องวันเวลากระทำผิดก่อนสืบพยาน ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ หากจำเลยยังต่อสู้คดีตามวันเวลาใหม่
โจทก์ขอแก้ฟ้องฉะเพาะวันเวลากระทำผิดภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว แต่ก่อนสืบพะยานนั้น ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และสำเนาคำร้องขอแก้ฟ้อง ส่งให้ทนายจำเลยรับแทนได้.
คดีที่จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ เมื่อภายหลังโจทก์ขอแก้ฟ้องวันกระทำผิด ซึ่งจำเลยทราบแล้วมิได้ขอให้การใหม่ ทั้งจำเลยยังอ้างตัวเองเบิกความต่อสู้ตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่ ดังนี้ ถือว่าจำเลยให้การต่อสู้คดี และทำการสืบตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่เต็มภูมิแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องวันเวลากระทำผิดก่อนสืบพยาน ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ หากจำเลยยังคงต่อสู้คดีตามวันที่แก้ใหม่
โจทก์ขอแก้ฟ้องเฉพาะวันเวลากระทำผิดภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว แต่ก่อนสืบพยานนั้น ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และสำเนาคำร้องขอแก้ฟ้อง ส่งให้ทนายจำเลยรับแทนได้
คดีที่จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ เมื่อภายหลังโจทก์ขอแก้ฟ้องวันกระทำผิดซึ่งจำเลยทราบแล้วมิได้ขอให้การใหม่ ทั้งจำเลยยังอ้างตัวเองเบิกความต่อสู้ตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่ ดังนี้ ถือว่าจำเลยให้การต่อสู้คดี และทำการสืบตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่เต็มภูมิแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีโดยอ้างสัญญาประนีประนอมใหม่ ย่อมทำได้หากไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเดิม
ที่จำเลยต่อสู้ว่า สัญญาประนีประนอมเดิมเลิกกันไป โดยทำสัญญาประนีประนอมขึ้นใหม่นั้น ไม่ใช่ขอสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเดิม ยกขึ้นต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทราบคำฟ้องและการต่อสู้คดีของผู้ร้องสอด การยกข้อไม่ได้รับสำเนาฟ้องหลังยื่นคำให้การแล้วเป็นประโยชน์ที่ได้เปรียบ
ชั้นแรกโจทก์ได้ฟ้องผู้อื่นเป็นจำเลย และมีผู้ร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยและยื่นคำให้การต่อสู้คดีโจทก์อย่างชัดเจน ดังนี้แสดงว่า ผู้ร้องได้ทราบคำฟ้องและสำเนาหนังสือสัญญาท้ายฟ้องดีแล้ว ผู้ร้องสอดจะฎีกาว่าไม่ได้รับสำเนาฟ้อง และสำเนาสัญญาท้ายฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพหลังต่อสู้คดีเดิม ศาลไม่พิจารณาข้อต่อสู้เดิม และอำนาจสอบสวนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์แม้จะไม่ปรากฏข้อความว่าให้ยืน ยก แก้หรือกลับ แต่ปรากฏข้อความว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ซึ่งแสดงว่า พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั่นเองซึ่ง ถูกต้องตามมาตรา 214 ป.วิ.อาญาแล้ว
ในชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์ และต่อว่าผู้กระทำการสอบสวนทำการสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ต่อมาจำเลยกลับให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ขอให้ลงโทษจำเลยแต่ในสถานเบา และแยกพิพากษาคดีส่วนตัวของจำเลยให้เสร็จสิ้นไปนั้น เป็นการแสดงว่าจำเลยไม่ติดใจต่อสู้คดี ตามคำให้การฉะบับแรกนั้นแล้ว ฉะนั้นข้อต่อสู้ของจำเลยชั้นเดิมที่ว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็น+ที่ศาลจะร้องยกขึ้นวินิจฉัย
+จะฟังว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในการนี้อาจต้องพิจารณาถึงข้อบังคับกฎหมายซึ่งว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของตำรวจเป็นข้อประกอบด้วย ตามมาตรา 16 ป.วิ.อาญา
of 19