พบผลลัพธ์ทั้งหมด 399 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความรับผิดของธนาคารต่อการปล่อยสินเชื่อที่ดินที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาตลาด และการประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่
การที่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 ควรจะรู้ว่าการที่จำเลยที่ 1 ได้ที่ดินมาจากโจทก์และการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ต่อมาเป็นเรื่องที่ไม่สุจริต อันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 3 ถือว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาจำนองรายนี้เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5356/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงจากการใช้เช็คเดินทางปลอมหลายธนาคาร ถือเป็นกรรมต่างกัน
จำเลยที่ 1 กับพวกปลอมหนังสือเดินทางและเช็คเดินทางรวม 12 ฉบับ แล้วแยกนำไปใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารต่าง ๆ รวม 4 ธนาคารในคราวเดียวกันในแต่ละธนาคาร โดยมีเจตนาเพียงประการเดียวเพื่อฉ้อโกงเงินจากธนาคารแต่ละธนาคารด้วยการขอแลกเงินตามเช็คเดินทาง ปลอมนั้นให้ได้ ความผิดข้อหาปลอมหนังสือเดินทางและเช็คเดินทางกับใช้เอกสารปลอมดังกล่าวแต่ละครั้งในแต่ละธนาคาร จึงเป็นกรรมเดียวกันกับความผิดฐานฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษข้อหาใช้เช็คเดินทางปลอมซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่จำเลยที่ 1ได้ใช้เช็คเดินทางปลอมดังกล่าวที่ธนาคารต่าง ๆ รวม 4 ธนาคารการกระทำความผิดในส่วนนี้จึงเป็นความผิดหลายกรรมรวม 4 กรรม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5250/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คผู้ถือ: ธนาคารรับเช็คโดยสุจริต ไม่ต้องตรวจสอบที่มาของผู้สั่งจ่าย
เช็คผู้ถือมีรายการครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว แม้จะมีข้อความอื่นบันทึกไว้ด้านหลังเช็คและถูกขีดฆ่าก่อนที่โจทก์ได้รับมา ข้อความดังกล่าวก็หามีผลกระทบต่อเช็คไม่ และถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
โจทก์เป็นธนาคารได้รับเช็คจากลูกค้าเพื่อชำระหนี้ตามปกติทางการค้า หาจำต้องมีหน้าที่ตรวจสอบถึงที่มาหรือฐานะของผู้สั่งจ่ายเช็คไม่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์คบคิดกับลูกค้าฉ้อฉลจำเลย จำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย.
โจทก์เป็นธนาคารได้รับเช็คจากลูกค้าเพื่อชำระหนี้ตามปกติทางการค้า หาจำต้องมีหน้าที่ตรวจสอบถึงที่มาหรือฐานะของผู้สั่งจ่ายเช็คไม่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์คบคิดกับลูกค้าฉ้อฉลจำเลย จำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5250/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คผู้ถือ: ธนาคารรับเช็คโดยสุจริต ไม่ต้องตรวจสอบที่มาของผู้สั่งจ่าย
เช็คผู้ถือมีรายการครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว แม้จะมีข้อความอื่นบันทึกไว้ด้านหลังเช็คและถูกขีดฆ่าก่อนที่โจทก์ได้รับมา ข้อความดังกล่าวก็หามีผลกระทบต่อเช็คไม่ และถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์เป็นธนาคารได้รับเช็คจากลูกค้าเพื่อชำระหนี้ตามปกติทางการค้า หาจำต้องมีหน้าที่ตรวจสอบถึงที่มาหรือฐานะของผู้สั่งจ่ายเช็คไม่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์คบคิดกับลูกค้าฉ้อฉลจำเลย จำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4513/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารแจ้งเช็คไม่ผ่านล่าช้า ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย หากผู้สั่งจ่ายไม่มีเงินในบัญชี
แม้ธนาคารจำเลยนำเช็คของจำเลยที่ 1 เข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงินแล้วไม่แจ้งให้โจทก์ทราบว่าเรียกเก็บเงินไม่ได้ จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4 เดือน จึงแจ้งให้โจทก์ทราบก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้โจทก์หมดสิทธิเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินในบัญชีพอจ่ายตามเช็ค ธนาคารจำเลยย่อมไม่อาจหักเงินจากบัญชีของจำเลยที่ 1 มาเข้าบัญชีโจทก์ได้ การที่โจทก์ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะชำระดอกเบี้ยให้ธนาคารจำเลยและชำระหนี้เป็นเหตุให้ต้องถูกธนาคารจำเลยเรียกดอกเบี้ยทบต้นและถูกบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้ากับโจทก์ริบเงินไปตามสัญญา จึงไม่ใช่ความเสียหายที่เป็นผลโดยตรงเนื่องมาจากการที่ธนาคารจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบล่าช้า ถือไม่ได้ว่าธนาคารจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4305/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโดยปราศจากมอบหมาย: ธนาคารต้องรับผิดต่อเช็คที่พนักงานลงนามโดยเกินอำนาจ หากสร้างความเชื่อมั่นโดยสุจริต
จำเลยที่ 2 เป็นสมุห์บัญชีและจำเลยที่ 3 เป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีอำนาจทำคำรับรองเช็คว่าใช้เงินได้ และจำเลยที่ 2 ยังมีอำนาจลงลายมือชื่อในตำแหน่งผู้จัดการของจำเลยที่ 1ได้ด้วย ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1ลงบนด้านหลังเช็คซึ่งจำเลยที่ 4 เป็นผู้สั่งจ่าย แล้วนำไปแลกเงินจากโจทก์ แม้ตราที่ประทับจะใช้สำหรับกรณีลูกค้าของธนาคารนำเงินเข้าบัญชีหรือถอนเงิน และเป็นการกระทำเกินอำนาจจำเลยที่ 2 ที่ 3ก็ตาม แต่ตามพฤติการณ์และการปฏิบัติของจำเลยทั้งสามทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ภายในขอบอำนาจที่จะกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ได้จำเลยที่ 1 จึงร่วมรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำแนะนำขอกู้เงินแล้วกู้ไม่ได้ ไม่ถึงขั้นฉ้อโกง เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่ง
การที่จำเลยแนะนำโจทก์ร่วมว่า ในการขอกู้เงินจากธนาคารจะต้องเป็นลูกค้าของธนาคารโดยนำเงินไปฝากธนาคารไว้ก่อน เป็นคำแนะนำตามปกติธรรมดาทั่วไป เมื่อโจทก์ร่วมได้มอบเงินให้จำเลยไปดำเนินการ จำเลยก็ได้ติดต่อขอกู้เงินจากธนาคารให้โจทก์ร่วม แต่มีเหตุขัดข้องจึงกู้เงินไม่ได้ แม้จำเลยจะไม่ได้นำเงินที่โจทก์ร่วมมอบให้ไปฝากไว้กับธนาคารก็ตาม ก็หาใช่ข้อสาระสำคัญที่จะถือว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำแนะนำการกู้เงินไม่ใช่การฉ้อโกง หากกู้ไม่ได้เป็นเพียงผิดสัญญา
การที่จำเลยแนะนำโจทก์ร่วมว่า ในการขอกู้เงินจากธนาคารจะต้องเป็นลูกค้าของธนาคารโดยนำเงินไปฝากธนาคารไว้ก่อน เป็นคำแนะนำตามปกติธรรมดาทั่วไป เมื่อโจทก์ร่วมได้มอบเงินให้จำเลยไปดำเนินการ จำเลยก็ได้ติดต่อขอกู้เงินจากธนาคารให้โจทก์ร่วมแต่มีเหตุขัดข้องจึงกู้เงินไม่ได้ แม้จำเลยจะไม่ได้นำเงินที่โจทก์ร่วมมอบให้ไปฝากไว้กับธนาคารก็ตาม ก็หาใช่ข้อสาระสำคัญที่จะถือว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากธนาคารเปิดบัญชีปลอมและการฟ้องคดีเกินกำหนดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่า ส. พนักงานของโจทก์ปลอมหนังสือรับรองของโจทก์ไปขอเปิดบัญชีเงินฝากในนามโจทก์กับธนาคารจำเลย จำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบหลักฐานด้วยความระมัดระวังกับไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและวิธีการของธนาคาร ได้อนุมัติให้เปิดบัญชี ซึ่ง ส. ได้นำเช็คที่มีผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ไปเข้าบัญชีหลายครั้ง และถอนออกจากบัญชีไปหมดสิ้นแล้ว เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้ ฟ้องของโจทก์มิใช่เป็นการฟ้องเรียกร้องติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 เพราะเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกถอนออกจากบัญชีไปหมดสิ้นแล้ว ไม่มีทรัพย์สินของโจทก์อยู่กับจำเลยอีกแต่อย่างใดแต่ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ต้องฟ้องคดีภายในหนึ่งปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 448.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดธนาคาร: การเปิดบัญชีปลอมและการถอนเงินทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่า ส. พนักงานของโจทก์ปลอมหนังสือรับรองของโจทก์ไปขอเปิดบัญชีเงินฝากในนามโจทก์กับธนาคารจำเลย จำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบหลักฐานด้วยความระมัดระวัง กับไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและวิธีการของธนาคารได้อนุมัติให้เปิดบัญชี ซึ่ง ส.ได้นำเช็คที่มีผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ไปเข้าบัญชีหลายครั้ง และถอนออกจากบัญชีไปหมดสิ้นแล้วเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ดังนี้ ฟ้องของโจทก์มิใช่เป็นการฟ้องเรียกร้องติดตามเอาทรัพย์สินของโจทก์คืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เพราะเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกถอนออกจากบัญชีไปหมดสิ้นแล้ว ไม่มีทรัพย์สินของโจทก์อยู่กับจำเลยอีกแต่อย่างใด แต่ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ต้องฟ้องคดีภายในหนึ่งปีตามมาตรา 448