พบผลลัพธ์ทั้งหมด 324 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม จำเลยไม่เข้าใจพฤติการณ์ขับรถ การบรรยายฟ้องต้องชัดเจนแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ขับรถของจำเลยที่2ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังที่นักขับรถอาชีพจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยที่ 1 อาจใช้ความระมัดระวังได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ เป็นเหตุให้ชนรถโจทก์ตกถนนพลิกคว่ำได้รับความเสียหาย มิได้บรรยายเลยว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ในการขับรถอย่างไรจำเลยไม่อาจเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับรถอย่างไร ซึ่งโจทก์ถือว่าเป็นการขับด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังทั้งไม่อาจเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 จะใช้ความระมัดระวังอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันมิให้รถชนกันฟ้องโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา172 วรรคสอง เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของพนักงานที่ไม่มีหน้าที่รักษาทรัพย์สิน – การเบียดบังทรัพย์สินต้องมีการบรรยายฟ้อง
จำเลยเป็นคนขับรถขององค์การ ร.ส.พ. โจทก์ร่วมซึ่งรับบรรทุกสินค้าผ่านแดน ไม่มีหน้าที่รักษาทรัพย์เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจนับสินค้าในรถแล้วใช้ลวดมัดประตูตู้ทึบประทับตราเมื่อรถออกเดินทางก็ควบคุมไปด้วยถือว่าสินค้าเหล่านี้อยู่ในความดูแลรักษาของเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ของโจทก์ร่วมผู้ควบคุมรถหาใช่จำเลยไม่เมื่อไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเบียดบังทรัพย์หรือยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตจะขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอก การบรรยายฟ้องที่ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2521 เวลาประมาณ 16 นาฬิกา ผู้เสียหายได้นำผ้า 4 กล่อง ไปฝากไว้กับจำเลย จำเลยได้รับมอบผ้าทั้ง 4 กล่องจากผู้เสียหายไว้ในความครอบครองของจำเลย แล้วในวันนั้นเองระหว่างเวลาประมาณ 16-20 นาฬิกา เวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยโดยเจตนาทุจริตได้เบียดบังยักยอกผ้าทั้ง 4 กล่องดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตน ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 225/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี และการบรรยายฟ้องที่ชัดเจนครบถ้วน
คำสั่งศาลที่ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 และพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เดือนเดียวกัน แต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ทั้งปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาท ครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหายจึงขอฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใด จำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไป โจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาท ครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหายจึงขอฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใด จำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไป โจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดีละเมิดและการระบุอาณาเขตที่ดิน ฟ้องไม่เคลือบคลุมแม้ไม่ระบุรายละเอียดทั้งหมด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยปลูกบ้านเนื้อที่ประมาณ 10ตารางวาในที่ดินของโจทก์โฉนดหมายเลข 7083ตำบลสี่แยกมหานาค(ดุสิต) อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์เป็นการละเมิดขอให้ขับไล่แม้จะไม่ระบุอาณาเขตที่ดินของโจทก์มาว่าทิศเหนือทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก จดเขตที่ดินของใครจำเลยก็อาจเข้าใจข้อหาในฟ้องได้ชัดเจนแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2483/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดฐานใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา: การบรรยายฟ้องต้องชัดเจนเฉพาะผู้ถูกใช้
ล.ยิงผู้ตาย 1 ยีดแล้ว จำเลยร้องบอกให้ ล.ยิงผู้ตายซ้ำ แต่ล.ไม่ได้ยิงซ้ำ หากแต่มีคนอื่นยิงผู้ตายอีก ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายชัดว่า จำเลยใช้ให้ ล.ใช้ปืนยิงผู้ตายไม่ได้กล่าวเลยว่าจำเลยใช้บุคคลอื่นนอกจาก ล. ฉะนั้น การที่คนอื่นซึ่งมิใช่ ล.เป็นคนยิงซ้ำจะถือว่าจำเลยใช้ให้คนอื่นกระทำความผิดด้วยและผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดแล้วหาได้ไม่ จำเลยคงมีความผิดฐานใช้ให้ ล.กระทำความผิด แต่ ล.ไม่ได้กระทำลงตามที่จำเลยใช้ซึ่งมีโทษเพียงหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2464/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องนอกเหนือจากข้อหาเดิม เป็นการกระทำที่มิชอบ ศาลรับฟังลงโทษไม่ได้
เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์แซงขึ้นหน้ารถคันอื่นตรงบริเวณทางแยก ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือจากฟ้อง จะรับฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และมาตรา 192วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิด พ.ร.บ.เช็ค: วันปฏิเสธการจ่ายเงินสำคัญต่อการฟ้องคดี การบรรยายฟ้องไม่ตรงกับหลักฐานทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ลงในเช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงวันกระทำผิดไม่ตรงกับหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่โจทก์นำสืบ ย่อมทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมนำเช็คสองฉบับไปขึ้นเงินในวันที่ 15 และ 27 มีนาคม 2519 ตามวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่ายตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์ นำสืบฟังได้ว่าโจทก์ร่วมนำเช็คทั้งสองฉบับไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2519 ซึ่งแตกต่างกันอันเป็นการแตกต่าง ในข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญ คดีต้องยกฟ้องโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2, 215, 225
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงวันกระทำผิดไม่ตรงกับหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่โจทก์นำสืบ ย่อมทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมนำเช็คสองฉบับไปขึ้นเงินในวันที่ 15 และ 27 มีนาคม 2519 ตามวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่ายตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์ นำสืบฟังได้ว่าโจทก์ร่วมนำเช็คทั้งสองฉบับไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2519 ซึ่งแตกต่างกันอันเป็นการแตกต่าง ในข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญ คดีต้องยกฟ้องโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2, 215, 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องยักยอกไม่ชัดเจน การบรรยายฟ้องต้องระบุการกระทำที่ชัดเจนเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานยักยอก โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยเช่าจากผู้เสียหายไปเป็นของตนเองโดยทุจริต โดยมิได้ระบุการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ย่อมเป็นฟ้องเคลือบคลุม (อ้างฎีกาที่ 1057/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยคำพูด: การบรรยายฟ้องต้องระบุข้อความที่จำเลยกล่าวโดยตรง ไม่ใช่การสรุปความหมาย
การบรรยายฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยได้บังอาจกล่าววาจาใส่ความผู้เสียหายต่อบุคคลที่ 3 ว่าผู้เสียหายเป็นเมียน้อยของ ผ. ซึ่งความจริงผู้เสียหายมิได้เป็นเมียน้อยของ ผ.แต่อย่างใดนั้น เป็นการบรรยายถึงการกระทำของจำเลยโดยกล่าวว่าผู้เสียหายเป็นเมียน้อยของ ผ.หาใช่โจทก์กล่าวสรุปวาจาหรือคำพูดของจำเลยเอาเองให้หมายความเช่นนั้นไม่ ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ว่าจำเลยหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยพูดว่าผู้เสียหายเป็นเมียน้อย ผ.