พบผลลัพธ์ทั้งหมด 587 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นความรับผิดประกันภัย: การลากจูงรถที่ไม่ได้ประกันภัย ทำให้ไม่อยู่ในขอบเขตความคุ้มครอง
ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยผู้รับประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการใช้รถลากจูงหรือผลักดันเว้นแต่รถที่ถูกลากจูงหรือผลักดันได้ประกันภัยไว้กับจำเลยด้วยนั้นเมื่อโจทก์ผู้เอาประกันภัยได้กระทำผิดเงื่อนไขก็ไม่อยู่ในขอบเขตแห่งความคุ้มครองจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นผลโดยตรงมาจากการกระทำผิดเงื่อนไขหรือไม่ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้สละเงื่อนไขตามข้อยกเว้นความรับผิดจำเลยให้การว่าไม่ต้องรับผิดเพราะโจทก์กระทำผิดเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัยจึงมี ประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์กระทำผิดเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่เท่านั้นไม่มีประเด็นว่าจำเลยได้สละเงื่อนไขแล้วหรือไม่แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็มิชอบฎีกาของโจทก์ในข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การครอบครองรถยนต์ที่ได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ลักมา และอำนาจศาลในการยกฟ้อง
เจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 แจ้งว่าซื้อมาจากจำเลยที่ 2แต่จำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่า ไม่ได้ขายโดยไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่าจำเลยที่ 2ได้รถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยวิธีใด และไม่มีหลักฐานเอกสารใด ๆ ในการได้รถยนต์นั้นมา เป็นข้อพิรุธเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้รถยนต์ของกลางมาโดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมา จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจร
ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 ซึ่งฎีกาขึ้นมา แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225
ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 ซึ่งฎีกาขึ้นมา แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2109/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ. ปราบปรามยาเสพติด
จำเลยที่ 1 กับพวกได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะไปติดต่อเจรจาซื้อขายเฮโรอีนรวม 3 ครั้ง รถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 29, 30ให้ริบเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2109/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ในการติดต่อซื้อขายยาเสพติดเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
จำเลยที่1กับพวกได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะไปติดต่อเจรจาซื้อขายเฮโรอีนรวม3ครั้งรถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งจำเลยที่1ได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ.2534มาตรา29,30ให้ริบเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อหลังผ่อนชำระครบ: สิทธิในการขอคืนรถยนต์ของกลาง
ขณะจำเลยใช้รถยนต์ของกลางกระทำความผิด ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ของกลาง แต่เมื่อผู้ร้องได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบก่อนที่ศาลจะสั่งริบผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง และเมื่อผู้ร้องและผู้ให้เช่าซื้อมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ก็ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อหลังถูกใช้กระทำผิด: ผู้เช่าซื้อมีสิทธิขอคืนได้หากไม่มีส่วนรู้เห็น
แม้ผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ของกลางขณะจำเลยใช้รถดังกล่าวกระทำความผิดแต่เมื่อผู้ร้องได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบก่อนที่ศาลจะสั่งริบผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถนั้นได้และเมื่อผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดก็ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อหลังผ่อนชำระครบก่อนศาลสั่งริบ ผู้เช่าซื้อมีสิทธิขอคืนได้ แม้ผู้กระทำผิดใช้รถ
ขณะจำเลยใช้รถยนต์ของกลางกระทำความผิดผู้ร้องเป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ของกลางแต่เมื่อผู้ร้องได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อครบก่อนที่ศาลจะสั่งริบผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางและเมื่อผู้ร้องและผู้ให้เช่าซื้อมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดก็ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าจากการขว้างปาสิ่งของใส่รถยนต์ ผู้กระทำมีเจตนาทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต
จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ก้อนหินขนาดโน เท่ากำปั้นขว้างกระจกหน้ารถยนต์บรรทุกและรถยนต์โดยสารที่ผู้เสียหายทั้งสองกำลังขับอยู่คันละสองก้อนโดยไม่มีสาเหตุกันมาก่อน โดยประสงค์จะให้ผู้เสียหายทั้งสองเสียหลักในการขับรถและอาจขับรถยนต์พลิกคว่ำลงข้างทางหรือถูกรถยนต์คันอื่นที่ตามมาชนจนพลิกคว่ำหรือตกข้างทางซึ่งเมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นแล้วย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้เสียหายทั้งสองหรือผู้โดยสารในรถยนต์โดยสารอาจได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายได้ จำเลยทั้งสามจึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองและผู้อื่น เมื่อไม่ถึงแก่ความตายจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,83,358 แม้ตามฟ้องมิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดหรือมิได้อ้างมาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตาม เมื่อตามฟ้องโจทก์บรรยายแล้วว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดหลายกรรมและข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสามทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามมาตรา 91 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีประกันภัยรถยนต์ และค่าขึ้นศาล
โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามสัญญาประกันภัย ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันที่ชนรถยนต์ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ได้ใช้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยของโจทก์ไปแล้วนั้น เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน ซึ่งมีอายุความ 2 ปีนับแต่วันเกิดวินาศภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 882 เหตุวินาศภัยเกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2534 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2536 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามป.วิ.พ.มาตรา 223 ทวิ เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความแล้วจำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์เช่นนี้ จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามบัญชีท้าย ป.วิ.พ.ตาราง 1 ข้อ 2 (ก) เมื่อปรากฎว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลดังกล่าวเกินมา จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินให้แก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามป.วิ.พ.มาตรา 223 ทวิ เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความแล้วจำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์เช่นนี้ จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามบัญชีท้าย ป.วิ.พ.ตาราง 1 ข้อ 2 (ก) เมื่อปรากฎว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลดังกล่าวเกินมา จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10306/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างรักษาความปลอดภัย: ความรับผิดต่อรถยนต์ที่จอดในบริเวณที่ดูแล ความประมาทเลินเล่อ
ตามสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยจำเลยจะต้องดูแลรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินทั้งหมดภายในและภายนอกห้ามพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยมีหน้าที่ดูแลรถยนต์ทุกคันที่นำมาจอดรับมอบและเก็บรักษากุญแจรถไว้และพนักงานรักษาความปลอดภัยจะต้องดูแลทรัพย์สินของห้างในบริเวณโรงงานและรถยนต์ที่จอดอยู่นอกโรงงานด้วยและต้องเขียนรายงานเหตุการณ์ทุกๆชั่วโมงการที่ว.นำรถไปจอดแล้วนำกุญแจรถมามอบให้แก่ส.พนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยและส.รับมอบกุญแจรถไว้โดยมิได้ทักท้วงซึ่งแสดงว่าว.นำรถไปจอดในเขตความรับผิดชอบดูแลของพนักงานรักษาความปลอดภัยลูกจ้างของจำเลยแล้วต่อมามีคนร้ายลักรถยนต์คันดังกล่าวไปแสดงว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยลูกจ้างของจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อจำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญา