พบผลลัพธ์ทั้งหมด 143 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2563
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับเงินค่าปรับของเทศบาล: เงินค่าปรับที่ศาลจัดเก็บต้องส่งคลัง ไม่ใช่รายได้ของเทศบาล
พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง กำหนดให้บรรดาเงินที่หน่วยงานของรัฐจัดเก็บหรือได้รับไว้เป็นกรรมสิทธิ์... ให้นำส่งคลังตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การดำเนินการเกี่ยวกับเงินตามบทบัญญัตินี้ จึงมีข้อต้องพิจารณาว่าเป็นเงินที่หน่วยงานของรัฐนั้น ๆ จัดเก็บหรือได้รับไว้เป็นกรรมสิทธิ์หรือไม่ แม้ พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 66 (2) กำหนดให้เทศบาลอาจมีรายได้จากค่าปรับตามแต่จะมีกฎหมายกำหนดไว้ และ พ.ร.บ.รายได้เทศบาล พ.ศ.2497 มาตรา 6 กำหนดให้บรรดาค่าปรับเนื่องในกิจการซึ่งเทศบาลได้รับมอบให้เป็นเจ้าหน้าที่อนุวัตการตามกฎหมายใด ให้เป็นรายได้ของเทศบาลนั้นก็ตาม แต่เงินค่าปรับดังกล่าวต้องเป็นกรณีที่ผู้ร้องจัดเก็บหรือได้รับไว้เองอันเนื่องมาจากการปฏิบัติตามกฎหมายที่มอบให้เป็นหน้าที่ของผู้ร้องโดยตรงด้วย ทั้งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มีเพียงมาตรา 74 วรรคหกเท่านั้นที่กำหนดให้เฉพาะค่าปรับที่เปรียบเทียบโดยคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีตกเป็นของราชการส่วนท้องถิ่นโดยไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน โดยเป็นการบัญญัติโยงกับความผิดฐานต่าง ๆ ตามที่คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ตามมาตรา 74 วรรคสอง เมื่อค่าปรับที่จำเลยชำระต่อศาลชั้นต้นในคดีเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาอันเป็นการบังคับโทษในทางอาญาตาม ป.อ. มาตรา 28 มิใช่เงินที่ผู้ร้องจัดเก็บหรือได้รับไว้เป็นกรรมสิทธิ์อันเนื่องมาจากการเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มอบให้เป็นหน้าที่ของผู้ร้องโดยตรง หรือเป็นค่าปรับที่เกิดจากการเปรียบเทียบของคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิรับเงินค่าปรับที่จำเลยชำระตามคำพิพากษาดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4727/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินกู้เพื่อสร้างโรงไฟฟ้า ถือเป็นรายได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษี
โจทก์กู้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้า มีหนี้สินคงเหลืออยู่ ณ วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีปี 2553 ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 65 ทวิ (5) (ก) โจทก์มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,195,938,480 บาท เห็นว่า ทั้งผลกำไรและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับหนี้เงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามมาตรา 65 ทวิ (5) เป็นผลกำไรหรือขาดทุนที่ได้จากการคำนวณจำนวนหนี้เงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ได้รับเงินกู้เปรียบเทียบกับการคำนวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ดังนั้น ทั้งผลกำไรและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามมาตรา 65 ทวิ (5) โดยหนี้สินนั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระเงิน ย่อมนำมาคำนวณได้ทั้งกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น โจทก์จึงต้องนำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา 1,195,938,480 บาท มารวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2553
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2043/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายได้จากการจัดหางาน (ค่าบริการ+ค่าใช้จ่าย) เป็นรายได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในสัญญาจัดหางานเพื่อให้คนหางานไปทำงานในต่างประเทศ (แบบ จง.33) และใบเสร็จรับเงินค่าบริการและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้รับอนุญาตจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ (แบบ จง.37) โจทก์ได้รับเงินจากคนหางานเพื่อไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เป็นค่าบริการจัดหางานรายละ 5,000 บาท ค่าใช้จ่ายรายละ 20,000 บาท และประเทศญี่ปุ่นเป็นค่าบริการจัดหางานรายละ 22,400 บาท ค่าใช้จ่ายรายละ 44,800 บาท โดยโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายที่โจทก์เรียกเก็บจากคนหางานดังกล่าวมิใช่ค่าใช้จ่ายในการจัดหางาน ประกอบกับระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าบริการและค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากคนหางาน พ.ศ.2547 ข้อ 9 ก็ระบุว่า ผู้รับอนุญาตจัดหางานจะเรียกหรือรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคนหางานจากคนหางานไม่ได้ ดังนี้จึงฟังไม่ได้ว่า ค่าใช้จ่ายตามแบบ จง.33และแบบ จง.37 เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคนหางาน ค่าบริการและค่าใช้จ่ายในการจัดหางานตามแบบดังกล่าว จึงเป็นเงินที่โจทก์ได้รับจากคนหางานเพื่อดำเนินการจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ไม่ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนหางานหรือไม่ก็ตาม เงินค่าใช้จ่ายในการจัดหางานทั้งจำนวนจึงเป็นรายได้ที่โจทก์ได้รับจากกิจการจัดหางานของโจทก์ที่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา 65 แห่ง ป.รัษฎากร และเงินที่โจทก์ได้รับมาจากคนหางานทั้งจำนวนดังกล่าวย่อมถือเป็นมูลค่าทั้งหมดที่โจทก์ผู้ประกอบการได้รับจากการให้บริการในราชอาณาจักรอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) แห่ง ป.รัษฎากร