คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลยกฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 275 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีต่อเนื่องหลังศาลยกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิ: สิทธิการฟ้องยังคงอยู่
คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 187/2507 ของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุด. แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่พิพาท และได้พิพากษาในคดีก่อนให้ยกฟ้องเสีย โดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์มาฟ้องใหม่. ส่วนประเด็นแห่งคดีก็เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง. ในคดีแรกยังอยู่ภายในระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375.และมาฟ้องคดีหลังก็เนื่องจากศาลอนุญาตให้มาฟ้องใหม่.ก็ต้องถือว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องร้องโดยถูกต้องมาแล้ว มาฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นการฟ้องต่อเนื่องกัน. หลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174 เอามาใช้ไม่ได้.เพราะไม่ใช่อายุความ.
โจทก์ถูกแย่งการครอบครองตั้งแต่พฤษภาคม 2507. และโจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อนเมื่อ 7 สิงหาคม 2507. คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเรื่องก่อนเมื่อ 5 ตุลาคม 2508ให้ยกฟ้องโจทก์. โดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่. โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2508ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องได้.(โดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2512).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์ขัดแย้ง ไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องจำเลย แม้ไม่ได้ฎีกา
คดีโจทก์มีประจักษ์พยานเพียง 2 ปาก. แต่ประจักษ์พยานทั้ง 2 ปาก ให้การขัดแย้งกันและไม่สมเหตุผลจนเป็นที่เชื่อถือไม่ได้. ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงพอจะลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์. การที่พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้เช่นนี้เป็นเหตุลักษณะคดี.แม้จำเลยบางคนจะมิได้ฎีกาขึ้นมา. ศาลก็พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่มิได้ฎีกาขึ้นมาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องเกิน 1 ปี และคดีก่อนถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อนฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีพิพาทที่ดิน: ศาลยกฟ้องเมื่อประเด็นสิทธิในที่ดินเคยถูกวินิจฉัยเด็ดขาดแล้ว
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินของจำเลยร่วมชำระคดีโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว ฉะนั้น การที่โจทก์นำเรื่องที่ดินรายเดียวกันนั้นมาฟ้องเป็นคดีนี้อีก แม้จะเป็นเพียงที่ส่วนหนึ่งและเปลี่ยนตัวจำเลยจากจำเลยร่วมมาเป็นจำเลยคดีนี้ ก็คงมีประเด็นเพียงว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นของใครเท่านั้น กรณีเป็นเรื่องที่มีประเด็นซึ่งศาลได้วินิจฉัยมาแล้วโดยเหตุอย่างเดียวกัน ซึ่งศาลชี้ขาดมาแล้วในสิทธิของที่พิพาทว่าเป็นของจำเลยร่วม จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยซ้ำในเรื่องสิทธิแห่งที่พิพาทอีกเพราะเป็นฟ้องซ้ำ และที่ดินรายนี้จำเลยขายให้ภริยาจำเลย ฐานะของจำเลยแม้จะไม่ใช่คู่สัญญาซื้อขายที่แปลงนี้โดยตรงกับจำเลยร่วมก็จริง แต่จำเลยเป็นสามีของ ฟ. ภริยาจำเลยคู่สัญญาซื้อขายกับจำเลยร่วม ก็มีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมในที่แปลงนี้ด้วย ในคดีนี้จำเลยร่วมได้ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ทั้งจำเลยและจำเลยร่วมย่อมชอบที่จะอ้างสิทธิอันมีมาก่อนเป็นข้อต่อสู้ได้โดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินมิอาจโอนได้ แม้ซื้อจากการขายทอดตลาด ศาลยกฟ้องค่าเช่า
รับซื้อที่หนองน้ำสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจากการขายทอดตลอดของศาล ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิในที่นั้น และไม่มีสิทธิจะเอาไปให้บุคคลอื่นเช่าได้
เมื่อคู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิหรืออำนาจเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าได้หรือไม่ เป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อศาลชี้ขาดว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะเอาที่พิพาทไปให้ จำเลยเช่าได้แล้ว โจทก์ก็ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดชัดเจน หากฟ้องคลุมเครือ ศาลย่อมยกฟ้อง
การบรรยายฟ้องในข้อหาฐานเบิกความเท็จที่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1342/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมและข้อจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวในการถือครองที่ดิน ศาลยกฟ้องหากโจทก์ไม่มีสิทธิในทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์พิพาทครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ดินกับห้องแถวส่วนควบในที่ดินอันเป็นลักษณะกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์จำเลย ได้มาระหว่างอยู่กินร่วมกัน แต่ฟ้องโจทก์เองกลับบรรยายมาว่า โจทก์เป็นคนต่างด้าว ไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและห้องแถวได้ การที่โจทก์เอาชื่อผู้อื่นใส่ในโฉนดแทนโจทก์ จึงหาก่อให้โจทก์มีสิทธิในทรัพย์พิพาทแต่ประการใดไม่ โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลยในทรัพย์พิพาท ไม่มีสิทธิขอแบ่งทรัพย์พิพาทได้ ปัญหาเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของโจทก์ในทรัพย์พิพาทดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองรถยนต์เช่าซื้อหลังศาลยกฟ้อง และผลกระทบต่อการยึดทรัพย์ชั่วคราว
เดิมรถยนต์อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ได้เอาประกันวินาศภัยโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัย ต่อมารถยนต์ถูกชนเสียหาย บริษัทรับประกันได้รับมอบไปจัดการซ่อม เมื่อโจทก์ร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโจทก์ได้นำยึดรถยนต์คันอื่นอีก 6 คัน เว้นแต่รถยนต์คันนี้ซึ่งอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัยโจทก์มิได้นำยึด ดังนี้เห็นว่ารถยนต์คันนี้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 มาแต่ต้น การที่โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยก็เพราะกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนี้ยังเป็นของโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่ารถยนต์คันนี้กลับมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ ต้องถือว่าในระหว่างรถยนต์คันนี้ได้รับการซ่อมแซมอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัย อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตลอดมาจนเสร็จคดี เมื่อศาลพิพากษาให้ส่งมอบจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คันนี้ให้โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์ 4 คันจากจำเลยที่ 1 แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีมอบรถยนต์ 4 คันนี้ให้โจทก์รักษาไว้ ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีเฉพาะรถยนต์ 4 คันนี้ โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ ให้ยกฟ้องโจทก์ ในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลสั่งไว้ในระหว่างพิจารณา ฉะนั้น จึงต้องถือว่าคำสั่งของศาลที่ให้ยึดรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ชั่วคราวเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1) จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิได้รับรถยนต์ 4 คันนี้กลับคืนไปในฐานะผู้เช่าซื้อซึ่งมิได้ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้ครองรถยนต์ 4 คันนี้โดยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 241 โจทก์เป็นแต่เพียงผู้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้รักษารถยนต์ 4 คันนี้ไว้ในระหว่างถูกยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการยึดทรัพย์ถูกยกเลิกไป โจทก์ในฐานะผู้รักษาทรัพย์ก็ต้องคืนรถยนต์ที่รับรักษาไว้แก่จำเลยที่ 1 ไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดกรรมเดียว แม้ทรัพย์สินต่างเจ้าของ ศาลยกฟ้องตามมาตรา 39(4) พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความอาญา
จำเลยลักทรัพย์หลายสิ่งหลายเจ้าของอยู่ในเรือลำเดียวกันและจำเลยลักไปในคราวเดียวกันนั้น ถือได้ว่าเป็นกรรมเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อโจทก์ได้ฟ้องจำเลยหาว่าลักทรัพย์ของเจ้าของหนึ่ง ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยจนคดีถึงที่สุดแล้วสิทธิที่นำคดีมาฟ้องจำเลยในการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นกรรมเดียวกันนั้นจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยหาว่าลักทรัพย์ของอีกเจ้าของหนึ่งซ้ำอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิม คู่ความเดิม เหตุเดิม ศาลยกฟ้องตามมาตรา 148
แม้โจทก์จำเลยในคดีนี้จะเป็นจำเลยเป็นโจทก์ในคดีก่อนก็ตาม แต่เมื่อคู่ความในคดีก่อนและคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน และศาลมีข้อวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ก็เป็นฟ้องซ้ำ จะรื้อฟื้นมาฟ้องอีกไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
of 28