พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบ และขอบเขตของสัญญาจำนองที่ระบุจำนวนเงินชั้นสูง
เมื่อศาลได้กำหนดหน้าที่นำสืบแล้ว ต่อมามีเหตุการณ์เปลี่ยนไป ศาลเดิมมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบใหม่ได้
จำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองสองแสนบาทเป็น จำนวนเงินชั้นสูงที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันตามประมวลแพ่ง ๆ มาตรา 708 ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยยินยอมให้โจทก์เบิกเงินเกินบัญชี
จำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองสองแสนบาทเป็น จำนวนเงินชั้นสูงที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันตามประมวลแพ่ง ๆ มาตรา 708 ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยยินยอมให้โจทก์เบิกเงินเกินบัญชี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานภาพสมรสเพื่อทำสัญญาจำนอง
พถตติการณ์ที่เป็นการหลอกลวงฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยค้างชำระและการคำนวณระยะเวลาดอกเบี้ย ศาลฎีกาวินิจฉัยการคำนวณดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามสัญญา
ดอกเบี้ยค้างชำระตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม ให้นับ 13 วัน (คือไม่นับวันที่ 29 มิถุนายน แต่นับวันที่ 12 กรกฎาคม รวมด้วย) ฎีกาอุทธรณ์ปัญหากฎหมาย+ที่ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพะยานหลักฐานในสำนวนหรือไม่เป็นปัญหากฏหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่อหักล้างกรมธรรม์สัญญาจำนองในกรณีสมรู้ร่วมคิดฉ้อเจ้าหนี้
ลักษณพะยาน ความจะขอสืบหักล้างกรมธรรม์สัญญาได้เพียงไร จำเลยทำ กรมธรรม์สัญญาจำนองไว้กับโจทก์ จำเลย+ว่าได้ทำไว้จริง แต่+ขอนำสืบว่าไม่ได้รับเงินเพราะได้สมรู้กับโจทก์ทำ+เพื่อฉ้อเจ้าหนี้ของจำเลย+นี้ ย่อมนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังสัญญาจำนองรับรองการชำระหนี้เป็นหลักฐานการรับชำระหนี้ หากโจทก์ไม่สืบพยานพิสูจน์ข้อเท็จจริงอื่น ศาลย่อมถือตามการสลักหลัง
สลักหลังสัญญาจำนองว่าได้รับชำระหนี้แล้ว
เมื่อเอกสารปรากฎว่ามีการสลักหลังเจ้าหนี้ต้องนำสืบ
ไถ่ถอนจำนองโดยสลักหลังหนังสือกันเองก็ใช้ได้
เมื่อเอกสารปรากฎว่ามีการสลักหลังเจ้าหนี้ต้องนำสืบ
ไถ่ถอนจำนองโดยสลักหลังหนังสือกันเองก็ใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9652/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ ศาลรับฟังใบเสร็จรับเงินประกอบพยานอื่นได้หากจำเลยมีโอกาสหักล้าง
ตามฟ้องของโจทก์นอกจากบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินไปจากโจทก์ 106,000,000 บาท จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เงินให้โจทก์เป็นหลักฐานตามสำเนาหนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมายใหม่ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ซึ่งตรงกับหนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมายใหม่แล้ว ยังได้บรรยายต่อไปว่า ในวันเดียวกันกับวันทำสัญญากู้เงิน จำเลยที่ 1 เมื่อได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากโจทก์แล้ว ก็ได้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 5334 และ 5335 เป็นประกันการกู้ยืมเงินดังกล่าวไว้ โดยแนบสำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดินมาท้ายฟ้องด้วย ตามสำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดินรวมสองโฉนด เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ซึ่งตรงกับหนังสือสัญญาจำนองที่ดินรวมสองโฉนด จึงเป็นกรณีที่หนังสือสัญญาจำนองที่ดินดังกล่าวปรากฏในคำฟ้องตั้งแต่บรรยายฟ้องแล้ว เมื่อพิจารณาหนังสือสัญญาจำนองดังกล่าว เป็นหนังสือสัญญาที่ได้ทำต่อเจ้าพนักงานที่ดิน มีข้อความสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการกู้ยืมเงินซึ่งผู้จำนองได้กู้จากผู้รับจำนอง 106,000,000 บาท โดยให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ทั้งยังมีข้อความในข้อ 5 ว่า ให้ถือสัญญานี้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินด้วย และจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อผู้จำนองไว้ด้วย เช่นนี้ ถือได้ว่าหนังสือสัญญาจำนองที่ดินรวมสองโฉนด เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมชิ้นหนึ่งที่โจทก์ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยที่ 1 รับผิดได้นอกเหนือจากหนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมายใหม่ กรณีจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่อย่างใด
ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์มิได้ระบุใบเสร็จรับเงิน เป็นพยานหลักฐานในบัญชีพยานและมิได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88 และมาตรา 90 อันต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังใบเสร็จรับเงิน เห็นว่า เมื่อโจทก์นำสืบพยานโดยเบิกความและอ้างส่งใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานประกอบคำเบิกความของโจทก์เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นเลื่อนไปสืบพยานจำเลยทั้งสองหลังจากนั้นนานถึง 2 เดือนเศษ จำเลยที่ 1 ย่อมมีโอกาสและเวลาเพียงพอที่จะตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน และนำสืบหักล้างหรือปฏิเสธได้ ทั้งเมื่อจำเลยที่ 1 และหม่อม อ. เบิกความ ก็เบิกความยอมรับว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อช่องผู้รับเงินในใบเสร็จรับเงิน และหม่อม อ. ลงลายมือชื่อช่องผู้รับเงินในใบเสร็จรับเงินจริง คดีจึงมีเหตุสมควรที่จะรับฟังใบเสร็จรับเงิน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) ประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์มิได้ระบุใบเสร็จรับเงิน เป็นพยานหลักฐานในบัญชีพยานและมิได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88 และมาตรา 90 อันต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังใบเสร็จรับเงิน เห็นว่า เมื่อโจทก์นำสืบพยานโดยเบิกความและอ้างส่งใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานประกอบคำเบิกความของโจทก์เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นเลื่อนไปสืบพยานจำเลยทั้งสองหลังจากนั้นนานถึง 2 เดือนเศษ จำเลยที่ 1 ย่อมมีโอกาสและเวลาเพียงพอที่จะตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน และนำสืบหักล้างหรือปฏิเสธได้ ทั้งเมื่อจำเลยที่ 1 และหม่อม อ. เบิกความ ก็เบิกความยอมรับว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อช่องผู้รับเงินในใบเสร็จรับเงิน และหม่อม อ. ลงลายมือชื่อช่องผู้รับเงินในใบเสร็จรับเงินจริง คดีจึงมีเหตุสมควรที่จะรับฟังใบเสร็จรับเงิน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) ประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7257/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาจำนอง: หนี้ที่ค้ำประกันรวมด้วยหรือไม่? ศาลพิจารณาเจตนาจริงและหลักการคุ้มครองลูกหนี้
ปัญหาเกี่ยวกับการตีความการแสดงเจตนาตาม ป.พ.พ. มาตรา 171 ให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร และตามมาตรา 11 กรณีที่มีข้อสงสัยให้ตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้น เมื่อโจทก์ที่ 1 และจำเลยไม่ได้ระบุให้รวมถึงหนี้ที่โจทก์ที่ 1 ค้ำประกันหนี้กู้ยืมของบุคคลอื่นที่ทำกับจำเลยไว้ชัดแจ้งในสัญญาจำนองและบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองทั้งที่อยู่ในวิสัยทำได้ ดังนั้น คำว่า "หนี้และภาระผูกพันทุกลักษณะและทุกประเภท" ตามสัญญาจำนองจึงหมายถึงหนี้ที่โจทก์ที่ 1 เป็นลูกหนี้ของจำเลยโดยตรงในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงหนี้ที่โจทก์ที่ 1 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้กู้ยืมของบุคคลอื่นที่ทำกับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7128/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับจำนองแม้หนี้ประธานขาดอายุความ และการคิดดอกเบี้ยตามสัญญาจำนอง
ทรัพย์จำนองถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นนำยึดออกขายทอดตลาดโดยติดจำนอง จำเลยเป็นผู้ซื้อทรัพย์ติดจำนองดังกล่าว ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องบังคับให้ชำระหนี้จำนองศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดโจทก์มิได้บังคับคดีจนล่วงเลย 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์ย่อมสิ้นสิทธิที่จะบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 แต่การจำนองหาระงับสิ้นไปไม่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 744 (1) (3) เพราะมิใช่กรณีหนี้ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดมิใช่เหตุอายุความหรือผู้จำนองหลุดพ้น การจำนองจึงยังมีอยู่โจทก์จึงมีสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนอง แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชำระดอกเบี้ยย้อนหลังเกินห้าปีขึ้นไปไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/27 และมาตรา 745 เมื่อจำเลยซื้อทรัพย์ติดจำนอง โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะบังคับจำนองแก่จำเลยจากทรัพย์นั้นได้ และตาม ป.พ.พ. มาตรา 715 บัญญัติให้ทรัพย์สินซึ่งจำนองย่อมเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้กับทั้งค่าอุปกรณ์ต่อไปนี้ด้วย คือ (1) ดอกเบี้ย (2) ค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชำระหนี้ (3) ค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับจำนอง โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในการบังคับจำนองได้ เมื่อหนังสือสัญญากู้เงินและสัญญาจำนองมีข้อตกลงว่าผู้จำนองยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในการบังคับจำนองทรัพย์พิพาทได้ในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ตามสัญญาจำนองได้ แม้จำเลยไม่ใช่ผู้กู้และมิได้เป็นคู่สัญญาจำนองกับโจทก์ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6928/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรแสตมป์ไม่สมบูรณ์ & หลักฐานกู้เงิน: สัญญาจำนองใช้ได้ ดอกเบี้ยลดเหลือ 7.5% ตามสัญญา
การขออนุญาตนำตราสารไปปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์หรือไปชำระค่าปรับ จะต้องกระทำก่อนหรือในขณะที่นำตราสารนั้นมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดี หรือก่อนที่ศาลชั้นต้นจะชี้ขาดตัดสินคดี การที่โจทก์ขออนุญาตนำสัญญากู้เงินที่ยังไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ดังกล่าวไปชำระค่าปรับในชั้นอุทธรณ์ จึงล่วงเลยเวลาไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์ ย่อมถือว่ายังไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.รัษฎากร มาตรา 118 จึงไม่อาจใช้สัญญากู้เงิน เป็นพยานหลักฐานเพื่อรับฟังว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ได้
อย่างไรก็ตามในการกู้เงินดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำนองเป็นประกันการกู้เงินไว้ด้วย โดยมีลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จำนอง ซึ่งถือเป็นหลักฐานในการกู้เงินนี้ได้ โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้เงินกู้ได้ แต่ในส่วนดอกเบี้ยนั้น เมื่อสัญญากู้เงินไม่อาจรับฟังได้ ทั้งดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาจำนองมิใช่ดอกเบี้ยของเงินกู้ที่จะนำมาใช้บังคับได้ โจทก์จึงคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และเนื่องจากหนี้การกู้เงินดังกล่าวเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกา ก็ให้การปรับลดดอกเบี้ยมีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบมาตรา 245 (1)
อย่างไรก็ตามในการกู้เงินดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำนองเป็นประกันการกู้เงินไว้ด้วย โดยมีลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จำนอง ซึ่งถือเป็นหลักฐานในการกู้เงินนี้ได้ โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้เงินกู้ได้ แต่ในส่วนดอกเบี้ยนั้น เมื่อสัญญากู้เงินไม่อาจรับฟังได้ ทั้งดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาจำนองมิใช่ดอกเบี้ยของเงินกู้ที่จะนำมาใช้บังคับได้ โจทก์จึงคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และเนื่องจากหนี้การกู้เงินดังกล่าวเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกา ก็ให้การปรับลดดอกเบี้ยมีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบมาตรา 245 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4464/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจไม่ตรงกับลายมือชื่อจริง สัญญาจำนองไม่ผูกพันจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยกู้และรับเงินจากโจทก์ จำเลยไม่เคยมอบอำนาจให้ ว. ไปจดทะเบียนจำนองที่ดินตามฟ้องไว้แก่โจทก์ ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย แต่เป็นลายมือชื่อปลอม ภาระการพิสูจน์ในปัญหานี้จึงตกแก่โจทก์ แต่คำเบิกความของพยานโจทก์มีพิรุธหลายประการ เพราะโจทก์ไม่มีสัญญากู้หรือหลักฐานการรับเงินของจำเลยมาแสดงต่อศาล นอกจากนี้โจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานอ้าง ว. หรือผู้ลงชื่อเป็นพยาน 2 คน ในหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นพยานรู้เห็นโดยตรงเป็นพยานสนับสนุนให้ได้ความตามข้ออ้างของตน ทั้งเมื่อศาลตรวจดูลายมือชื่อในช่องผู้มอบอำนาจเปรียบเทียบกับลายมือชื่อที่แท้จริงของจำเลยที่ลงไว้ในสารบบที่ดิน เห็นว่า ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของจำเลย แต่เป็นลายมือชื่อปลอม เพราะคุณสมบัติของการเขียนรูปลักษณะของตัวอักษรแตกต่างกับลายมือชื่อที่แท้จริงของจำเลย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมอบอำนาจให้ ว. นำที่ดินตามฟ้องไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันไว้แก่โจทก์ หนังสือสัญญาจำนองจึงไม่ผูกพันจำเลย